[CR] เทคโนโลยีการชาร์จโทรศัพท์ กับ Powerbank ที่ควรมีในยุค 2020

. . . สวัสดีครับผมปอ Dojo-mAn ห่างหายไปนานกับการรีวิวสายชาร์จ และ อุปกรณ์ชาร์จไฟ เนื่องด้วยยุคโควิด ทำให้ขาดทุนทรัพย์ในการหาของมารีวิว 555+ ตอนนี้พอมีบ้าง เห็นอะไรน่าสนใจก็เอามาบอกต่อกันครับ

พูดถึงชาร์จเร็ว fast charge / quickcharge หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เวลาเราไปร้านขายพวกสายชาร์จหรือที่ชาร์จ เขาก็จะพูดเสมอว่า

“น้อง ตัวนี้ชาร์จไวนะ”  
“น้อง Adaptor รุ่นนี้จ่ายไฟได้ 4.2A เลยนะ”
“น้องสายชาร์จรุ่นนี้ รองรับ 3A เลยนะ”

. . . ส่วนมากคนทั่วไปเป็นเหยื่อการตลาดว่า ยิ่ง A มาก ยิ่งชาร์จเร็ว ผู้ผลิตสายเลยโชว์พาว ว่าเฮ้ย สายตรู ที่ชาร์จตรู จ่ายได้เท่านี้เลยนะเว้ย . . . ซึ่งเราโดนหลอกมาตั้งแต่ยุคที่มี Smart Phone แรกๆ แล้วครับ ถามว่าเพราะอะไร เพราะ "Apple" ครับ . . . สมัยก่อนจะมี iPad มีแต่ iPad แต่พอมี iPad เท่านั้นแหละ พวกเหล่า Reviewer และ Blogger ทั้งหลาย (รวมทั้งผมด้วย) ก็บอกว่า

. . . " เฮ้ย ! ! !ถ้าเอ็งอยากให้ชาร์จไวๆ เอ็งไปซื้อที่ชาร์จของ iPad มาสิวะ" คนก็สงสัยว่าเพราะอะไร แต่พวก Blogger/Reviewer เหล่านั้นก็อธิบายคร่าวๆ ว่า "อ๋อ ! ! ! เพราะที่ชาร์จ iPad มัน จ่ายไฟ 2.4A ไง ของไอโฟนมันจ่าย 1A เอง" นั่นคือที่มาครับ . . . ซึ่งจริงๆ แล้ว เอาไอโฟน มาชาร์จกับที่ชาร์จไอแพด มันก็ไม่ได้ใช้ไฟถึง 2.4A อยู่ดี ต่อให้เป็นไอแพดเองก็เถอะ ไม่งั้นมันร้อนครับ การชาร์จจะอยู่ที่ 80-90% ของ Charger ตัวนั้น เช่น Adapter 2.4A มันจะชาร์จได้แค่ 2.3-2.37A แค่นั้นครับ

. . . อีกอย่าง  คำว่า fast charge เนี่ย มันไม่ใช่ว่าเป็น fast charge แล้วมันจะชาร์จไวทุกเครื่อง การจะชาร์จไวนั้นมันขึ้นอยู่กับมือถือแต่ละแบรนด์ ขึ้นอยู่กับสายชาร์จ และ ที่ชาร์จด้วย การที่สายไฟ หรือ อแดปเตอร์จ่ายไฟ จ่ายไฟ รองรับไฟได้สูงๆ ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป มันอาจจะเป็นแค่คำโฆษณา ก็เป็นได้ . . .
หากเราไปซื้อ อแดปเตอร์ที่ชาร์จไวมา แต่ดันซื้อมาเป็น Fast Charge ของ Samsung แต่มือถือคุณคือ Huawei คุณก็ไม่สามารถชาร์จเร็วตามที่มือถือทำได้ ก็ได้ครับ

. . . เช่นเดียวกัน หากเราซื้อที่ชาร์จไวของ huawei แบบ SCP มา แต่สายชาร์จ ดันเป็นสายชาร์จที่รองรับ AFC คุณก็จะได้ไฟที่ไม่ตรงกับมือถือคุณทำได้ เป็นต้นครับ . . .

ซึ่งการที่จะชาร์จไวได้ มีสามส่วนคือ
1.  มือถือที่เราใช้งาน
2.  สายชาร์จที่เราใช้งาน
3.  Adapter ที่เราใช้งาน
ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กัน การจ่ายไฟ ก็เหมือนการคุยกันระหว่างคนสองคนครับ คุยกันรู้เรื่องก็จ่ายไฟเยอะ คุยกันไม่รู้เรื่อง ก็จ่ายไฟปกติ เป็นต้น

เทคโนโลยีชาร์จเร็วในปัจจุบัน
- QC : Qualcomm QuickCharge 
- AFC : Samsung Adaptive Fast Charge 
- FCP : Huawei Fast Charge Protocol
- SCP : Huawei Supercharge Protocol
- BC1.1 / BC1.2 : USB Battery Charging 1.1/1.2
- VOOC : Voltage Open Loop Multi-step Constant-Current Charging
- PD : USB Power Delivery 
- PE : MediaTek Pump Express (ปัจจุบันไม่ค่อยเห็นแล้ว)

เพื่อความไม่งง ผมจะแยกตามยี่ห้อแล้วกันนะครับ

1. Samsung - - > AFC & QC
- แบรนด์นี้มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว น่าจะรายแรกๆ ของโลกแล้วครับ กับ AFC หรือ  Adaptive Fast Charge ที่สามารถชาร์จไฟได้ที่ 9V 1.67A หรือ 15W นั่นเอง ซึ่ง AFC นั้นจะไป Compatible กับ QC2.0 ที่รองรับไฟสูงสุดในระดับใกล้เคียงกันคือ 9V/2A หรือ 18W ในฝั่งชาร์จเจอร์ แต่จุดต่างระหว่าง QC และ AFC คือ หากเราใช้มือถือขณะชาร์จ AFC จะปรับแรงไฟลงมาเหลือ 5V ครับ แต่หากปิดจอ ไฟจะกลับไปที่ 9V เช่นเดิม ซึ่งต่างจาก QC2.0 ที่จะไม่ปรับไฟลงมาไม่ว่าจะเปิดจอ หรือ ปิดจอครับ 

- ในปี 2019 เอง ก็มีการพัฒนะ AFC 2.0 ที่สามารถรองรับการจ่ายไฟได้สูงสุดถึง 25W และ 45W สำหรับรุ่น Galaxy Note10+ เป็นรุ่นแรก โดยผ่านเทคโนโลยี Type C PDO + PPS  ครับ ซึ่งสองเทคโนโลยีนี้จะพูดถึงในส่วนต่อไปนะครับ

2. Huawei - - > FCP & SCP


- แบรนด์นี้มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว รายแรกๆ ของโลกเช่นกัน กับเทคโนโลยี FCP หรือ Fast Charge Protocol ที่สามารถชาร์จไฟได้ที่ 9V/2A โดยตัวมันเองจะไป Compatible กับ QC2.0 เช่นเดียวกับ AFC ครับ โดย ณ ตอนนี้ FCP จะเริ่ม fade ตัวออกจากตลาดแล้ว หรือ รองรับเฉพาะตัวระดับล่างเท่านั้น

- SCP หรือ Supercharge Protocol ซึ่งมีการจ่ายไฟที่ 4.5V/5A หรือ 22.5W ซึ่งในสมัยแรกๆ ถือว่าเร็วมากๆ ครับ ในขณะที่คนอื่น ยังสูงสุดแค่ 18W แต่แบรนด์นี้ไปก่อนเพื่อนละ  โดยสายที่ใช้ต้องเป็นสายที่รองรับไฟ 5A หรือ มีแถบสีม่วงเท่านั้น

   
- SCP 2.0 เข้ามาแทนที่ SCP ตัวแรก โดยตัวแรกที่รองรับคือ P30 Pro ซึ่งถือว่าแรงที่สุด ณ ตอนนั้นเลยครับ โดยรองร้ับไฟ 10V/4A หรือ 40W ครับ  โดยหัวเว่ยยังใช้ Protocol นี้จนถึงปัจจุบัน . . .

3. OPPO/realme/OnePlus - -> VooC / Dash Charge

- BBK หรือบริษัทแม่ของ สามแบรนด์ดัง ได้พัฒนาเทคโนโลยี VooC 2.0 โดยสามารถชาร์จไฟที่ 5V/4A หรือ 20W ได้ แต่สายที่ใช้ต้องเป็นสายพิเศษ (oppo สีเขียว,realme สีเหลือง,oneplus สีแดง) เท่านั้น โดยทั้งสามแบรนด์นี้ ทำงานอยู่บนเทคโนโลยีเดียวกัน ใช้สายและชาร์จเจอร์เดียวกันได้ แต่จะถูกเรียกชื่อต่างกันตามแต่ละแบรนด์ครับ
 
- ในปี 2019 ก็ได้มีการพัฒนา VOOC 3.0 ขึ้นมาโดยทาง BBK เองได้เคลมว่าเร็วกว่าเดิม 23.8% โดยมีการเพิ่มกระแสเข้าไปเป็น 5V/5A หรือ 25W นั่นเอง 

- ระหว่างทางก็มีการพัฒนา SuperVOOC ขึ้นมาโดยนำ VooC 2.0 มาพัฒนาต่อโดยแบ่งแบตเป็นสองก้อน และชาร์จเป็นแบบ parallel ไปนั่นเอง โดยจ่ายไฟสูงสุดที่ 10V/5A หรือ 50W กันเลยทีเดียว

- ในปี 2020 ได้มีการนำ VOOC 3.0 มาพัฒนาต่อเป็น VOOC 4.0 โดยสามารถรับไฟที่กระแสสูงขึ้นเป็น 5V/6A หรือ 30W  

- นอกจากนั้นทาง BBK ได้พัฒนา Super VOOC Fast Charge 2.1 บนพื้นฐาน VooC 2.0 โดยสามารถจ่ายไฟได้สูงสุดถึง 65W

- ล่าสุดตอนนี้ได้มีการพัฒนาตัวใหม่  Super FlashCharge technology ที่สามารถจ่ายไฟได้มากสุดถึง 120W กันเลยทีเดียว ถือว่ามากสุดในขณะนี้แล้วครับ สำหรับการจ่ายไฟให้มือถือ

4. LG, SONY, NOKIA, XIAOMI, HTC, Nubia, VIVO, ASUS
- ทั้งหมดนี้มักใช้เทคโนโลยีจาก Chipset ที่ใช้งานเป็นหลัก นั่นก็คือ Qualcomm นั่นเอง ซึ่ง Qualcomm เองมีเทคโนโลยี Quickcharge ในมืออยู่แล้วซึ่งแรกเริ่มเดิมทีจะถูกใช้งานคู่กับมือถือที่ใช้ CPU เป็น Chipset ของ Qualcomm เท่านั้น แต่ ณ ปัจจุบัน ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์อื่นๆ อีกด้วย
- Qualcomm QuickCharge ถูกพัฒนามาอย่างยาวนาน โดยล่าสุดคือ Qualcomm QuickCharge 5 ที่สามารถรองรับการจ่ายได้มากกว่า 100W
- - QC1.0 => รองรับการจ่ายไฟ สูงสุดที่ 10W (ที่แรงดัน 5V/2A)
- - QC2.0 => รองรับการจ่ายไฟ สูงสุดที่ 18W (ที่แรงดัน 5V, 9V และ 12V)
- - QC3.0 => รองรับการจ่ายไฟ สูงสุดที่ 36W (ที่แรงดัน 3.6V ถึง 22V สามารถเพิ่มแรงดันไฟทีละ200mV ได้)
- - QC4.0 => รองรับการจ่ายไฟ สูงสุดที่ 100W (ที่แรงดัน 3.6V ถึง 20V สามารถเพิ่มแรงดันที่ละเอียดกว่าเดิม โดยสามารถเพิ่มไฟทีละ 20mV ได้) โดยใน QC4.0 จะไป Compatible กับการจ่ายไฟ แบบ USB Power Delivery (PD) อีกด้วย

นอกจาก 5 แบรนด์หลักแล้ว เรายังมีการชาร์จแบบมาตรฐานด้วยนั่นก็คือ Universal Serial Bus Power Delivery (USB-PD) ซึ่งเทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีที่ เรียกได้ว่าเป็นมาตรฐานของยุคปัจจุบันครับ โดยเทคโนโลยีนี้ไม่จำกัดการใช้งานอยู่แค่บนมือถือเท่านั้น ยังเป็นมาตรฐานเดียวกันบนพื้นฐานของอุปกรณ์ ทั่วไปด้วย เช่น Notebook, เครื่องเล่นเกมส์แบบพกพา


. . . เข้าเรื่องกันสักที . . .

ทำไมผมถึงยกให้ Powerbank ตัวนี้เป็น Powerbank อันดับ 1 ที่เราควรมีไว้

เพราะมันรองรับการชาร์จได้หลายอุปกรณ์มากครับ ไม่ว่าจะเป็น
iPhone, Samsung, Huawei, Macbook, Notebook, Netbook, Nintendo Switch 

สามารถยืดอายุการใช้งาน Macbook ได้มากถึง 14 ชั่วโมง  /  iPad ได้มากถึง 20 ชั่วโมง / iPhone ได้มากถึง 64 ชั่วโมง

รองรับ Protocol การชาร์จ มากที่สุดตัวนึง (Apple 2.4A, AFC, SCP, FCP, QC3.0 และ PD)


ฟังดูเหมือนมาโฆษณาให้ใช่ไหมครับ แบบนี้มันต้องวัดไฟกันจริงๆ ใช้งานกันจริงๆ ไปเลย ผมใช้มา 1 อาทิตย์แล้วหลังจากซื้อมาครับ . . . ผลก็คือ ชอบครับ มันสะดวกมาก . . . .

Protocol ที่รองรับ (ที่วัดได้)
จากการวัดช่อง USB Type C ครับ 
ผลที่ได้คือ : Type C รองรับ Protocol การจ่ายไฟแบบ 5V/2A, 5V/1.5A, QC2, QC3 และ FCP


จากการวัดช่อง USB Type A
ผลที่ได้คือ : USB Type A รองรับ Protocol การจ่ายไฟแบบ Apple2.4A, 5V/1.5A, QC2, QC3, AFC,FCP และ SCP


จากการวัดการจ่ายไฟแบบ PDO / PPS
ผลที่ได้คือ :
- Power Delivery rev.3.0 
- PDO รองรับแรงดัน 5V - 20 V (สูงสุด 45W)
- PPS รองรับการปรับแรงดัน 3.3V - 11.0V (ที่แรงดัน 3A)

PPS ย่อมาจาก Programable Power Supply ป็นการปรับแรงดันไฟ (Volt) ได้ละเอียดขึ้นทำให้การจ่ายไฟได้นิ่งขึ้น ร้อนน้อยลง น้อยมากครับที่ Powerbank จะมี PPS มาด้วย ส่วนมากจะมีแค่ PDO (Power Delivery Output) ซึ่งหากจะ Charge มือถือรุ่นใหม่ๆ อย่าง Galaxy Note 10+, Galaxy S20 Ultra หรือ Note 20 Ultra รุ่นใหม่ที่พึ่งออก ต้องมี PPS ด้วยครับถึงจะชาร์จแบบ Fast Charge ได้ . . .
ชื่อสินค้า:   ELECJET PowerPie P20 (Powerbank)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่