ในระหว่างที่อเมริกาเหนือตลาดหนังที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังงอมพระรามจาก COVID-19 กันอยู่จนโรงหนังยังแทบจะเปิดทำการไม่ได้ ในหลายๆประเทศนั้นโรงภาพยนตร์ได้กลับมาให้บริการกันบ้างแล้ว แม้จะโดนจำกัดด้วยความจุ รอบฉาย และมาตรการต่างๆ ซึ่งเมื่อไม่มี Content ใหม่ๆมาให้รับชมหลายประเทศจึงมีการนำภาพยนตร์ฮิตในอดีตกลับมาให้ได้รับชมกันในโรงหนังอีกครั้ง
จีนซึ่งนับเป็นประเทศแรกๆที่ฟื้นตัวจากการระบาดของ COVID-19 ได้กลับมาเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์อีกครั้งในวันที่ 20 กรกฎาคม เกือบครึ่งปีเต็มหลังจากปิดตายโรงหนังไปตั้งแต่ 24 มกราคมที่ผ่านมา และจีนก็ไม่ต่างจากประเทศอื่นที่ขาดแคลนหนังใหม่ๆที่จะนำเข้าฉาย แม้ว่าจะมีหนังตรุษจีนหลายเรื่องตกค้างมาตั้งแต่ต้นปีก็ตาม แต่ผู้จัดจำหน่ายก็ไม่อยากนำหนังเหล่านั้นลงโรงในเวลานี้เพราะรัฐบาลจีนอนุญาตให้โรงหนังรับผู้ชมได้ที่ความจุเพียง 30% เท่านั้น จึงเป็นเหตุให้หลายค่ายนำหนังฮิตในอดีตออกมาฉายกระตุ้นตลาดและสร้างรายได้ให้กับโรงหนังในระหว่างที่รอหนังใหม่ๆมาเข้าฉาย
Interstellar ทะยานดาวกู้โลกของ Christopher Nolan ได้ถูกนำออกมา Re-run อีกครั้งเพื่อเตรียมตัวต้อนรับ TENET และทำรายได้ในปัจจุบันไปถึง 100 ล้านหยวน (14.5 ล้านเหรียญ) กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับที่ 3 ของปี 2020 ในจีน ต่อจาก Dolittle (124.4 ล้านหยวน) และ Spied in Disguise (103.3 ล้านหยวน) ได้อย่างสบายๆ ให้เมื่อรวมรายได้จากการฉายครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2014 ที่ทำไว้ 755 ล้านหยวน ปัจจุบัน Interstellar ทำเงินรวมในจีนไปแล้วทั้งสิ้น 855 ล้านหยวน
และสุดสัปดาห์นี้ Harry Potter nd the Philosopher's Stone จะกลับมาเปิดโลกพ่อมดน้อยภาคแรกในจีนเป็นด้วยระบบ 3D เป็นครั้งแรกทั้งโรงธรรมดาและ IMAX ซึ่ง HP1 เคยเข้าฉายเมื่อเดือนมกราคมปี 2002 ซึ่งสภาพของตลาดหนังในจีนขณะนั้นยังเล็กกระจ้อยร้อยจึงทำเงินไปแค่ 56 ล้านหยวน (หรือ 8 ล้านเหรียญในปัจจุบัน) เท่านั้น กาลเวลาผ่านไป 18 ปี จีนเติบโตกลายเป็นตลาดหนังยักษ์ใหญ่อันดับที่ 2 ของโลกรองจากอเมริกาเหนือ และในสุดสัปดาห์นี้ที่ WB นำ Harry Potter and the Philosopher's Stone กลับมาฉายอีกครั้งนั้น รัฐบาลจีนก็อนุญาตให้โรงหนังเพิ่มความจุเป็น 50% ได้พอดี ทำให้คาดหมายกันว่า HP1 อาจทำเงินแค่ช่วงสุดสัปดาห์เปิดตัวได้ถึง 140 ล้านหยวน มากกว่ารายได้ตลอดการฉายครั้งแรกถึง 2.5 เท่า รวมทั้ง Maoyan ยังคาดการณ์ว่า HP1 จะทำเงินจากการฉาย Re-run ครั้งนี้สูงถึง 305 ล้านหยวน (43.5 ล้านเหรียญ) มากกว่ารายได้ตลอดการฉายครั้งแรก 5.5 เท่า แม้จะรับผู้ชมได้เพียง 50% ของความจุก็ตาม
ทั้งหมดนี้ก็เพราะการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ในประเทศ ทั้งด้านจำนวนโรง จำนวนที่หนัง และราคาตั๋วที่แพงขึ้นจากโรง PLF และ IMAX ที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในช่วง 18 ปีมานี้
ตัวเลขล่าสุดในเวลาประมาณ 11:00 ของวันนี้ (วันศุกร์) ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเป็นวันแรกที่หนังเริ่มฉาย Harry Potter and the Philosopher's Stone (Re-run) ทำรายได้ไปแล้ว 16.1 ล้านหยวน และคาดว่าภายในวันอาทิตย์นี้ HP1 จะแซง Dolittle ขึ้นเป็นหนังทำเงินสูงสุดของปีจากการฉายแค่ 3 วันได้อย่างแน่นอน
Harry Potter and the Philosopher's Stone (Re-run) ภาพสะท้อนความยิ่งใหญ่สำหรับการเติบโตของธุรกิจโรงหนังในประเทศจีน
จีนซึ่งนับเป็นประเทศแรกๆที่ฟื้นตัวจากการระบาดของ COVID-19 ได้กลับมาเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์อีกครั้งในวันที่ 20 กรกฎาคม เกือบครึ่งปีเต็มหลังจากปิดตายโรงหนังไปตั้งแต่ 24 มกราคมที่ผ่านมา และจีนก็ไม่ต่างจากประเทศอื่นที่ขาดแคลนหนังใหม่ๆที่จะนำเข้าฉาย แม้ว่าจะมีหนังตรุษจีนหลายเรื่องตกค้างมาตั้งแต่ต้นปีก็ตาม แต่ผู้จัดจำหน่ายก็ไม่อยากนำหนังเหล่านั้นลงโรงในเวลานี้เพราะรัฐบาลจีนอนุญาตให้โรงหนังรับผู้ชมได้ที่ความจุเพียง 30% เท่านั้น จึงเป็นเหตุให้หลายค่ายนำหนังฮิตในอดีตออกมาฉายกระตุ้นตลาดและสร้างรายได้ให้กับโรงหนังในระหว่างที่รอหนังใหม่ๆมาเข้าฉาย
Interstellar ทะยานดาวกู้โลกของ Christopher Nolan ได้ถูกนำออกมา Re-run อีกครั้งเพื่อเตรียมตัวต้อนรับ TENET และทำรายได้ในปัจจุบันไปถึง 100 ล้านหยวน (14.5 ล้านเหรียญ) กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับที่ 3 ของปี 2020 ในจีน ต่อจาก Dolittle (124.4 ล้านหยวน) และ Spied in Disguise (103.3 ล้านหยวน) ได้อย่างสบายๆ ให้เมื่อรวมรายได้จากการฉายครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2014 ที่ทำไว้ 755 ล้านหยวน ปัจจุบัน Interstellar ทำเงินรวมในจีนไปแล้วทั้งสิ้น 855 ล้านหยวน
และสุดสัปดาห์นี้ Harry Potter nd the Philosopher's Stone จะกลับมาเปิดโลกพ่อมดน้อยภาคแรกในจีนเป็นด้วยระบบ 3D เป็นครั้งแรกทั้งโรงธรรมดาและ IMAX ซึ่ง HP1 เคยเข้าฉายเมื่อเดือนมกราคมปี 2002 ซึ่งสภาพของตลาดหนังในจีนขณะนั้นยังเล็กกระจ้อยร้อยจึงทำเงินไปแค่ 56 ล้านหยวน (หรือ 8 ล้านเหรียญในปัจจุบัน) เท่านั้น กาลเวลาผ่านไป 18 ปี จีนเติบโตกลายเป็นตลาดหนังยักษ์ใหญ่อันดับที่ 2 ของโลกรองจากอเมริกาเหนือ และในสุดสัปดาห์นี้ที่ WB นำ Harry Potter and the Philosopher's Stone กลับมาฉายอีกครั้งนั้น รัฐบาลจีนก็อนุญาตให้โรงหนังเพิ่มความจุเป็น 50% ได้พอดี ทำให้คาดหมายกันว่า HP1 อาจทำเงินแค่ช่วงสุดสัปดาห์เปิดตัวได้ถึง 140 ล้านหยวน มากกว่ารายได้ตลอดการฉายครั้งแรกถึง 2.5 เท่า รวมทั้ง Maoyan ยังคาดการณ์ว่า HP1 จะทำเงินจากการฉาย Re-run ครั้งนี้สูงถึง 305 ล้านหยวน (43.5 ล้านเหรียญ) มากกว่ารายได้ตลอดการฉายครั้งแรก 5.5 เท่า แม้จะรับผู้ชมได้เพียง 50% ของความจุก็ตาม
ทั้งหมดนี้ก็เพราะการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ในประเทศ ทั้งด้านจำนวนโรง จำนวนที่หนัง และราคาตั๋วที่แพงขึ้นจากโรง PLF และ IMAX ที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในช่วง 18 ปีมานี้
ตัวเลขล่าสุดในเวลาประมาณ 11:00 ของวันนี้ (วันศุกร์) ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเป็นวันแรกที่หนังเริ่มฉาย Harry Potter and the Philosopher's Stone (Re-run) ทำรายได้ไปแล้ว 16.1 ล้านหยวน และคาดว่าภายในวันอาทิตย์นี้ HP1 จะแซง Dolittle ขึ้นเป็นหนังทำเงินสูงสุดของปีจากการฉายแค่ 3 วันได้อย่างแน่นอน