สวัสดีครับเหล่านักเดินทาง ผมทู (TO) หนึ่งในนักเดินทางสายร้านกาแฟที่ชอบแวะเติมน้ำตาลตลอดการเดินทาง แต่สำหรับครั้งนี้ผมไม่ได้จะมารีวิวร้านกาแฟนะครับ เพราะการเดินทางครั้งนี้ผมดันไปเจอกับอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจกว่าร้านกาแฟที่ผมชอบไปซะอีก
แม้จะเกิดในเขตจังหวัดนครสวรรค์แต่ก็ไม่เคยมาที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว กว่าจะรู้ว่าจังหวัดที่ตัวเองเกิดมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆผมก็ใช้ชีวิตผ่านมา 25 ปีแล้ว
เอาล่ะครับมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนั้นเป็นวันที่ผมกับแฟนมีธุระที่จังหวัดนครสวรรค์พอดี หลังจากเสร็จภารกิจเราเลยตัดสินใจหาที่ท่องเที่ยวกันสักนิด และสถานที่แรกเลยก็คือ วัดคีรีวงศ์ ซึ่งเป็นการตัดสินใจของเธอโดยที่ในหัวผมทำได้แค่คิดแต่เพียงว่า "วัดอีกแล้วเหรอ...."
ไม่มีชายใดสามารถขัดความตั้งใจของมนุษย์เพศหญิงได้ ผมทำได้เพียงตั้ง GPS และเฝ้าคิดว่าพอไปถึงคงมีอะไรที่น่าสนใจกว่าการนั่งเขย่าเซียมซี
ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงทางขึ้นตัววัด ต้องบอกเลยว่าแค่ทางขึ้นก็แอบสนุกแล้วเพราะเป็นทางขึ้นเขาที่ถูกล้อมไปด้วยป่า เป็นการสร้างความรู้สึกน่าค้นหาได้ดีที่สุดสำหรับการไปวัดสักที่หนึ่ง และแล้วเราก็มาถึง
ต้องขอออกตัวเลยว่าวัดคีรีวงศ์คือสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ เพราะนอกจากจะได้ไหว้พระตามความเชื่อของเหล่าชาวพุทธ เราจะยังได้สัมผัสกับบรรยากาศโดยรอบของวัดที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของตัวเมืองนครสวรรค์เลยก็ว่าได้ แล้วพอได้หยุดมองออกไปรอบๆทิวทัศน์เหล่านั้นก็ทำให้ผมต้องยืนกดปุ่มชัตเตอร์อย่างบ้าคลั่ง
ต่อให้คุณจะไม่ใช่นักถ่ายภาพสายแลนด์สเคปแต่พอได้มาอยู่จุดนี้คุณก็ต้องกดไปสักสองสามรูปเป็นอย่างต่ำ
และนี่คือภาพคร่าวๆจากทิวทัศน์ที่คุณจะได้สัมผัส หากมีโอกาสได้ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ก็อย่าลืมมาเช็คอินที่วัดคีรีวงศ์ด้วยนะครับ และนอกจากวิวรอบๆที่สวยสะดุดตาแล้ว ตัววิหารของวัดก็เรียกได้ว่างดงามไม่แพ้กัน
แม้จะไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากเหมือนกับวัดดังๆที่จังหวัดอื่นแต่ภายในวิหารแห่งนี้ก็มีอยู่ทั้งหมดสามชั้น และชั้นที่สามก็เปรียบเสมือนกับดาดฟ้าที่จะทำให้ทุกคนได้เห็นวิวรอบๆโดยที่ไม่มีกิ่งไม้มาคอยรกสายตา
หลังจากที่เราไหว้พระและยืนถ่ายรูปกันจนผมเสียทรงพายุก็เริ่มก่อตัว เมฆดำค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาพวกเราอย่างช้าเหมือนกับเป็นการเตือนว่าจะไปที่ไหนกันต่อก็ให้รีบไปเพราะกล้องของนายไม่กันละอองน้ำเลยแม้แต่น้อย เราจึงรีบพากันออกเดินทางต่อไปยังแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดนครสวรรค์ "พาสาน"
แม้จะรีบแต่ก็ต้องระมัดระวังช่วงที่ต้องขับรถลงเขาเพราะถนนบางช่วงก็ชันเหลือเกิน
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที พวกเราก็มาถึง
พาสาน
ต้องขออภัยที่ภาพออกจะมืดไปสักนิดเพราะสภาพอากาศในตอนนั้นจะเรียกว่าเป็นพายุเลยก็ว่าได้ ด้วยลมที่แรงและกลุ่มสายฝนที่ห่างออกไปประมาณ 5 - 10 กิโลทำให้ผมในตอนนั้นกลัวฟ้าผ่าเป็นอย่างมาก เพราะด้านบนของพาสานมีเสาบางอย่างที่สภาพไม่ต่างไปจากสายล่อฟ้า ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าเสานั่นมีไว้ทำไมแต่แฟนผมที่ในหัวเหมือนจะไร้ซึ่งความกลัวกลับรีบวิ่งขึ้นไปตากอากาศพร้อมกับยืนโพสท่ารอไว้แล้ว ทำให้ผมต้องพยายามคิดว่าเสาอากาศตรงนั้นคงเป็นแค่เสาสัญญาณไวไฟ (wifi)
โดยรวมแล้วที่นี่เหมาะกับการถ่ายรูปเป็นอย่างมากถ้าในวันนั้นไม่มีพายุเข้า เพราะนอกจากโครงสร้างด้านนอกที่แสดงถึงความทันสมัยที่ดูแปลกตา ภายในพาสานก็ยังมีมุมให้ถ่ายรูปอยู่เหมือนกัน แต่ข้อเสียคือถ้าคนเยอะก็จะทำให้รู้สึกถึงความคับแคบแออัดเป็นอย่างมาก แต่ก็คงไม่เกินกำลังของเหล่าช่างภาพหรอกนะ แต่มือสมัครเล่นอย่างผมนี่ถึงกับปวดหัวเลย
ผ่านไป 20 นาทีก็ถึงเวลาที่ต้องแยกย้าย แม้พายุจะไม่อยู่ในแผนแต่การได้มาดูพาสานตอนฝนตกก็ชวนให้ได้บรรยากาศดีๆไปอีกแบบ และสำหรับการรีวิวในครั้งนี้ก็หวังว่าจะทำให้นักเดินทางหลายๆคนตัดสินใจกลับไปเยี่ยมชมจังหวัดนครสวรรค์กันอีกนะครับ
อุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพในทริปนี้
กล้อง : OLYMPUS OMD-EM 10 MARK 3
เลนส์ : KIT 14 - 42 mm F3.5 - 5.6 EZ
ขอฝากเพจเดินทางน้องใหม่ไว้กับนักเดินทางทุกท่านด้วยนะครับ
😊
ขอบคุณครับ
พาสานวันฝนตก และทิวทัศน์จากวัดคีรีวงศ์ (TO NAKHON SAWAN)