(ก้อนอำพันนี้ถูกพบที่รัฐคะฉิ่นของเมียนมาตั้งแต่ปี 2017)
รายงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Current Biology ฉบับล่าสุด เผยผลการศึกษาแมลงดึกดำบรรพ์บางสายพันธุ์ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสเมื่อราวร้อยล้านปีก่อน โดยวิเคราะห์จากซากฟอสซิลของ "มดยมโลก" (Hell Ant) ที่กำลังงับเหยื่อค้างอยู่ในก้อนอำพันเก่าแก่ 99 ล้านปี
มีการค้นพบก้อนอำพันดังกล่าวในรัฐคะฉิ่นของเมียนมาตั้งแต่ปี 2017 โดยภายในก้อนอำพันคือซากฟอสซิลของมดที่มีขากรรไกรแนวตั้งขนาดใหญ่และโค้งงอเหมือนเคียวยมทูต ทั้งยังอยู่ในท่วงท่าขณะกำลังงับลูกของบรรพบุรุษแมลงสาบสายพันธุ์หนึ่ง (Caputoraptor elegans) เอาไว้ด้วย แมลงโบราณทั้งสองชนิดต่างสูญพันธุ์ไปแล้วทั้งคู่ แต่ซากที่เหลืออยู่ในก้อนอำพันหายากชิ้นนี้ เป็นหลักฐานชี้ถึงขั้นตอนสำคัญทางวิวัฒนาการที่ส่งผลทั้งต่อความอยู่รอดและดับสูญของเผ่าพันธุ์
ดร. ฟิลิป บาร์เดน (Phillip Barden) ผู้นำทีมนักบรรพชีวินวิทยาจากสถาบันเทคโนโลยีนิวเจอร์ซีย์ (NJIT / New Jersey Institute of Technology) ของสหรัฐฯ ระบุว่าฟอสซิลดังกล่าวคือหลักฐานที่เป็นรูปธรรมชิ้นแรก ซึ่งยืนยันว่า "มดยมโลก" หรือที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Haidomyrmecine เป็นมดชนิดเดียวที่มีขากรรไกรล่างซึ่งวางตัวและเคลื่อนไหวขึ้นลงในแนวตั้ง ต่างจากบรรดามดในปัจจุบันที่มีขากรรไกรในแนวขวางและขยับไปมาทางด้านข้างและยังมีเขาอยู่ที่กลางหน้าผากด้วย
จริงๆ แล้ว มดยมโลกเป็นชื่อที่เรียกกันเล่นๆ แต่ชื่อที่เป็นทางการก็คือ Ceratomyrmex ellenbergeri จัดอยู่ในวงย่อย Haidomyrmecine อาศัยอยู่ในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ และอาศัยอยู่บนโลกมานานกว่า 20 ล้านปี
ดร. บาร์เดน กล่าวว่า นับตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการขุดพบมดยมโลกขึ้นมาเมื่อประมาณร้อยปีก่อน ก็เป็นปริศนามาตลอดว่า ทำไมแมลงที่สูญพันธุ์ไปแล้วชนิดนี้ ถึงได้แตกต่างอย่างชัดเจนจากมดที่เราพบเจอกันในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า ซากฟอสซิลนี้อาจพิสูจน์ว่า อวัยวะที่ไม่เหมือนใครนี้จำกัดการเคลื่อนไหวส่วนหัวของมันมากเกินไป และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้องสูญพันธุ์ โดยไม่มีมดชนิดใดในปัจจุบันตามรอยวิวัฒนาการไปในแนวนี้
(ภาพที่วาดขึ้นใหม่ (ขวา) แสดงให้เห็นรูปร่างของแมลงทั้งสองชนิดชัดเจนขึ้น)
(แบบจำลองส่วนหัวของมดยมโลก สีแดงคือขากรรไกรแนวตั้งรูปเคียว สีฟ้าคือเขาที่งอกบนหน้าผาก)
ซากของมดยมโลกที่อยู่ในก้อนอำพันดังกล่าว ใช้ขากรรไกรล่างที่เหมือนกับเคียวขนาดใหญ่ตรึงเหยื่อให้ติดอยู่กับเขายาวที่หน้าผาก ทำให้สามารถสังหารเหยื่อได้ง่าย ส่วนมดยมโลกอีกชนิดหนึ่งที่มีการค้นพบก่อนหน้านี้ ใช้เขาที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะแทงเหยื่อและดูดกินของเหลวจากอวัยวะภายใน จนได้ฉายาว่า "วลาดนักเสียบ" (Vlad the Impaler) เหมือนกับต้นกำเนิดของตำนานผีดูดเลือด
ดร. บาร์เดนชี้ว่า การมีขากรรไกรแนวตั้งที่แปลกประหลาด เป็นเสมือนการทดลองทางวิวัฒนาการ ที่จะพิสูจน์ว่าการล่าเหยื่อได้ง่ายขึ้นโดยแลกกับการมีขากรรไกรแนวตั้งขนาดใหญ่นี้คุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งผลปรากฎว่าอวัยวะที่ไม่เหมือนใครนี้จำกัดการเคลื่อนไหวส่วนหัวของมันมากเกินไป และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้องสูญพันธุ์ โดยไม่มีมดชนิดใดในปัจจุบันตามรอยวิวัฒนาการไปในแนวนี้
" 99% ของสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ที่เคยอยู่บนโลกได้สูญพันธุ์ไปแล้ว และเราก็กำลังเข้าใกล้การสูญพันธุ์ระดับมหึมาครั้งที่ 6 เข้าไปทุกขณะ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะทำความเข้าใจถึงธรรมชาติและลักษณะของการสูญพันธุ์หลากหลายแบบเอาไว้ เพื่อให้ทราบว่าอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยตัดสินให้สิ่งมีชีวิตอยู่รอดหรือสิ้นสูญ" ดร. บาร์เดนกล่าว
ภาพวาดมดโบราณสายพันธุ์ Ceratomyrmex ellenbergeri จัดอยู่ในวงย่อย Haidomyrmecine ซึ่งอาจเป็นเชื้อสายของมดที่เก่าแก่ที่สุด
อาศัยอยู่ในช่วง Creataceous เมื่อ 99 ล้านปีก่อน นักวิทยาศาสตร์คิดว่าโครงสร้างศีรษะเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกับดักเฉพาะทางสำหรับเหยื่อที่มีรูปร่างใหญ่
ชนิดสายพันธุ์ Linguamyrmex vladi (Vlad the Impaler)
มดสายพันธุ์นี้จะใช้อวัยวะดังกล่าวในการตะครุบเหยื่อ ก่อนที่จะปักส่วนปลายที่แหลมคมเข้าไปในร่างของเหยื่อเพื่อ “ดูดเลือด” ผ่านท่อเล็กๆ ที่อยู่บริเวณขากรรไกรล่าง ซึ่งทำหน้าที่คล้ายๆ กับปากยุง ความสามารถนี้ทำให้ได้รับชื่อว่า “มดแวมไพร์ / Vlad the Impaler ” นอกจากการล่าที่น่าสยดสยองแล้ว มดสายพันธุ์นี้ยังสามารถทำโลหะชีวภาพได้ด้วย
นักวิทยาศาสตร์ทราบจากการเอกซเรย์มดสายพันธุ์นี้ และพบว่าพวกมันสามารถ “เสริมความแข็งแกร่ง” ของอวัยวะส่วนเขาของมันด้วยโลหะได้
เป็นไปได้ว่านี่จะเป็นความสามารถในการแยกโลหะจากอาหารที่ทาน และย้ายมันไปรวมไว้ยังส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย อย่างเขาของมันเพื่อป้องกันการเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
Cr.
https://www.tnews.co.th/variety/480397/ชม-มดแวมไพร์-อายุ-98-ล้านปีจากพม่า-ที่ล่าเหยื่อด้วยการดูดเลือด
(ภาพที่วาดขึ้นใหม่เพื่อแสดงให้เห็นลักษณะการโจมตีสัตว์ในมุมมองด้านข้างของLinguamyrmex และตัวอ่อนของด้วง)
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.cbsnews.com/…/scientists-discover-amber-tomb-t…/
https://www.usatoday.com/…/hell-ant-fossil-disc…/3336140001/
https://www.bbc.co.uk/newsround/53720076
https://www.khaosod.co.th/bbc-thai/news_4677281
Cr.
https://th-th.facebook.com/thematterco/posts/2659780790903973
Cr.ภาพ BARDEN ET AL. / CURRENT BIOLOGY 2020
Cr.
https://www.bbc.com/thai/features-53713991
Cr.
http://www.sci-news.com/paleontology/unicorn-ant-burmese-amber-03917.html / โดย Enrico de Lazaro
Cr.
https://en.wikipedia.org/wiki/Linguamyrmex
Cr.
https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1111/syen.12253
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
" Hell Ant " มดโบราณในก้อนอำพันเกือบร้อยล้านปี
มีการค้นพบก้อนอำพันดังกล่าวในรัฐคะฉิ่นของเมียนมาตั้งแต่ปี 2017 โดยภายในก้อนอำพันคือซากฟอสซิลของมดที่มีขากรรไกรแนวตั้งขนาดใหญ่และโค้งงอเหมือนเคียวยมทูต ทั้งยังอยู่ในท่วงท่าขณะกำลังงับลูกของบรรพบุรุษแมลงสาบสายพันธุ์หนึ่ง (Caputoraptor elegans) เอาไว้ด้วย แมลงโบราณทั้งสองชนิดต่างสูญพันธุ์ไปแล้วทั้งคู่ แต่ซากที่เหลืออยู่ในก้อนอำพันหายากชิ้นนี้ เป็นหลักฐานชี้ถึงขั้นตอนสำคัญทางวิวัฒนาการที่ส่งผลทั้งต่อความอยู่รอดและดับสูญของเผ่าพันธุ์
ดร. ฟิลิป บาร์เดน (Phillip Barden) ผู้นำทีมนักบรรพชีวินวิทยาจากสถาบันเทคโนโลยีนิวเจอร์ซีย์ (NJIT / New Jersey Institute of Technology) ของสหรัฐฯ ระบุว่าฟอสซิลดังกล่าวคือหลักฐานที่เป็นรูปธรรมชิ้นแรก ซึ่งยืนยันว่า "มดยมโลก" หรือที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Haidomyrmecine เป็นมดชนิดเดียวที่มีขากรรไกรล่างซึ่งวางตัวและเคลื่อนไหวขึ้นลงในแนวตั้ง ต่างจากบรรดามดในปัจจุบันที่มีขากรรไกรในแนวขวางและขยับไปมาทางด้านข้างและยังมีเขาอยู่ที่กลางหน้าผากด้วย
จริงๆ แล้ว มดยมโลกเป็นชื่อที่เรียกกันเล่นๆ แต่ชื่อที่เป็นทางการก็คือ Ceratomyrmex ellenbergeri จัดอยู่ในวงย่อย Haidomyrmecine อาศัยอยู่ในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ และอาศัยอยู่บนโลกมานานกว่า 20 ล้านปี
ดร. บาร์เดนชี้ว่า การมีขากรรไกรแนวตั้งที่แปลกประหลาด เป็นเสมือนการทดลองทางวิวัฒนาการ ที่จะพิสูจน์ว่าการล่าเหยื่อได้ง่ายขึ้นโดยแลกกับการมีขากรรไกรแนวตั้งขนาดใหญ่นี้คุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งผลปรากฎว่าอวัยวะที่ไม่เหมือนใครนี้จำกัดการเคลื่อนไหวส่วนหัวของมันมากเกินไป และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้องสูญพันธุ์ โดยไม่มีมดชนิดใดในปัจจุบันตามรอยวิวัฒนาการไปในแนวนี้
" 99% ของสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ที่เคยอยู่บนโลกได้สูญพันธุ์ไปแล้ว และเราก็กำลังเข้าใกล้การสูญพันธุ์ระดับมหึมาครั้งที่ 6 เข้าไปทุกขณะ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะทำความเข้าใจถึงธรรมชาติและลักษณะของการสูญพันธุ์หลากหลายแบบเอาไว้ เพื่อให้ทราบว่าอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยตัดสินให้สิ่งมีชีวิตอยู่รอดหรือสิ้นสูญ" ดร. บาร์เดนกล่าว
นักวิทยาศาสตร์ทราบจากการเอกซเรย์มดสายพันธุ์นี้ และพบว่าพวกมันสามารถ “เสริมความแข็งแกร่ง” ของอวัยวะส่วนเขาของมันด้วยโลหะได้
เป็นไปได้ว่านี่จะเป็นความสามารถในการแยกโลหะจากอาหารที่ทาน และย้ายมันไปรวมไว้ยังส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย อย่างเขาของมันเพื่อป้องกันการเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
Cr.https://www.tnews.co.th/variety/480397/ชม-มดแวมไพร์-อายุ-98-ล้านปีจากพม่า-ที่ล่าเหยื่อด้วยการดูดเลือด
https://www.cbsnews.com/…/scientists-discover-amber-tomb-t…/
https://www.usatoday.com/…/hell-ant-fossil-disc…/3336140001/
https://www.bbc.co.uk/newsround/53720076
https://www.khaosod.co.th/bbc-thai/news_4677281
Cr.https://th-th.facebook.com/thematterco/posts/2659780790903973
Cr.ภาพ BARDEN ET AL. / CURRENT BIOLOGY 2020
Cr.https://www.bbc.com/thai/features-53713991
Cr.http://www.sci-news.com/paleontology/unicorn-ant-burmese-amber-03917.html / โดย Enrico de Lazaro
Cr.https://en.wikipedia.org/wiki/Linguamyrmex
Cr.https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1111/syen.12253
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)