ปัญหารอยดำ (ตามซอก) ที่สาวๆ ไม่อยากบอกใคร
สาว ๆ หลายคนคงจะเคยรู้สึกไม่มั่นใจเวลาที่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำหรือใส่ชุดที่ต้องเปิดเผยเนื้อตัวกันบ้างใช่มั้ยครับ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะปัญหารอยคล้ำหรือรอยดำตามจุดต่างๆ ของร่างกายไม่ว่าจะเป็น ซอกคอ ขาหนีบ ใต้รักแร้ ข้อพับ รอยบิกินี่ หรือแม้กระทั่งร่องก้น ที่ต่อให้ไม่มีใครเห็น แต่ตัวเราก็เห็นเองทุกวันอยู่ดี
ซึ่งหลายคนก็อาจจะแก้ปัญหาด้วยการหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่ต้องโชว์ผิวไปเลย หรือบางคนก็ไปซื้อครีมมาทา หรือไม่ก็อาจจะไปที่คลินิกเสริมความงามซึ่งมีอยู่ทั่วไปเพื่อขจัดปัญหากวนใจเหล่านั้น ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง บางคนไปรักษาหายแล้วก็กลับมาเป็นซ้ำอีก
ไม่ต้องกลุ้มใจไปนะครับ เพราะวันนี้พี่หมอไปหาทางออกมาให้สาวๆ ทุกคนแล้ว นอกจากนั้น พี่หมอยังไปหาสาเหตุที่แท้จริงของเจ้ารอยคล้ำเหล่านั้นมาฝากกันด้วย
รอยดำ (ตามซอก) เกิดได้อย่างไร
· การเสียดสีกันของผิวหนังในบริเวณนั้น เช่น ขาหนีบดำเกิดจากการเสียดสีกันของขาทั้ง 2 ข้าง โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก สาเหตุก็เพราะตามธรรมชาติของร่างกายเมื่อผิวหนังบริเวณไหนมีการเคลื่อนไหวหรือเสียดสีกันมากๆ บริเวณนั้นก็จะมีการสร้างเม็ดสีที่มากกว่าส่วนที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว
· การกำจัดขนแบบผิดวิธี โดยเฉพาะใต้รักแร้ ซึ่งจะทำให้ผิวบริเวณนั้นได้รับการเสียดสี ผิวจึงมีการสร้างเม็ดสีที่มากขึ้น ทำให้มีรอยคล้ำตามมา นอกจากนี้ การกำจัดขนแบบผิดวิธีก็ยังทำให้ผิวได้รับบาดเจ็บซ้ำๆ จนทำให้เกิดขนคุด และรูขุมขนอุดตันอีกด้วย
· การแพ้หรือระคายเคืองที่เกิดจากเครื่องสำอาง โลชั่น และน้ำหอมที่สาวๆ ใช้อยู่ เพราะบางครั้งรอยคล้ำก็อาจมีสีเข้มขึ้นได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นนี่เองที่เป็นสาเหตุให้ผิวบริเวณนั้นผลิตเม็ดสีได้มากกว่าปกติ
· ความอับชื้น อันเป็นที่มาของอาการคันที่เกิดขึ้นจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา โดยเฉพาะในบริเวณที่เราอาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งเวลาที่เราคัน เราก็ต้องเกาใช่มั้ยครับ และก็เพราะการเกานี่แหละครับที่ทำให้ผิวอักเสบ จนอาจจะกลายเป็นแผลหรือรอยดำที่คอยกวนใจเรานั่นเอง
· การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป ก็อาจทำให้ผิวหนังเกิดการเสียดสีกับเนื้อผ้า จนเกิดรอยดำตามจุดต่างๆ ของร่างกาย
· กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ความเครียดและอาการภูมิแพ้ ซึ่งบางครั้งปัจจัยภายในเหล่านี้ก็อาจส่งผลให้เกิดรอยคล้ำตามร่างกายได้เช่นกัน
· การตั้งครรภ์ อย่างที่บอกว่าบางครั้งฮอร์โมนก็สามารถทำให้เกิดรอยคล้ำได้เช่นกัน โดยเฉพาะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ซึ่งระดับของฮอร์โมนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ก็อาจส่งผลให้ผิวของคุณแม่มีรอยดำคล้ำ หรือมีสีเข้มขึ้นตามบริเวณต้นคอ ข้อพับ ขาหนีบ หัวนม และรักแร้ ซึ่งรอยคล้ำเหล่านี้สามารถหายเองได้หลังคลอด
· ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ร่างกายมีภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน เนื่องจากระดับอินซูลินที่สูงจะไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังเจริญเติบโตได้มากขึ้น หรือที่เรียกว่า Acanthosis nigricans ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีผิวคล้ำ หนา และมีปื้นที่มีลักษณะเหมือนกำมะหยี่เกิดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ คอ และขาหนีบ นอกจากนี้ยังพบได้ในผู้ที่มีรูปร่างอ้วนมากๆ และผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่นๆ เช่น โรคมะเร็งทางเดินอาหาร และโรคความผิดปกติของต่อมไร้ท่อบางชนิด รวมถึงผู้ที่ได้รับยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด และยาสเตียรอยด์
อ่านมาตรงนี้ หลายๆ คนอาจจะกำลังกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่เป็นไรครับพี่หมอไปหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้มาให้แล้ว มาดูกัน
วิธีลดรอยดำแบบง่ายๆ ด้วยตัวเอง
· ใช้กรดผลไม้หรือครีมที่ผสมสารไวท์เทนนิ่ง โดยปกติผิวของคนเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 28 วัน แต่ถ้าเราอายุมากขึ้นหรือมีการเสียดสีของผิวบ่อยๆ ก็อาจทำให้การผลัดเซลล์ผิวไม่เป็นไปตามปกติ ดังนั้น การใช้กรดผลไม้ (Alpha Hydroxy Acid-AHA) ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเร่งให้มีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และทำให้เซลล์ผิวที่เกิดใหม่มีสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวเดิมของเรา ส่วนการเลือกใช้กรดผลไม้นั้น ควรเลือกแบบที่มีความเข้มข้นไม่เกิน 15% เพราะถ้าไปเลือกใช้แบบที่มีความเข้มข้นสูงๆ ก็อาจทำให้ผิวเกิดการไหม้ อักเสบหรือดำแบบถาวรได้ ส่วนครีมที่ผสมสารไวท์เทนนิ่ง ก็ควรเลือกแบบที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการสร้างเมลานินของผิวได้ เช่น ไทอามิดอล, บิลทิล-รีซอซินอล, กรดทรานซามิก, วิตามินซี, วิตามินบี3, อัลฟ่าอาร์บูติน รวมถึงกรดโคจิกด้วย
· งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำหอมมากเกินไป หรือหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เคยแพ้ และเมื่อมีผื่นแพ้เกิดขึ้น โดยเฉพาะตามซอกหรือข้อพับ ก็ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ ไม่ควรแกะหรือเกานะครับ เพราะอาจจะทำให้ผิวอักเสบได้
· สำหรับผู้ที่มีปัญหาขาหนีบดำ เพราะภาวะน้ำหนักเกิน ควรหลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่รัดแน่นจนเกินไป หรือถ้าลดน้ำหนักได้ก็จะดีที่สุดครับ เพราะจะเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหานี้ในระยะยาวได้
แถมท้ายด้วยวิธีที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ที่ไม่มีเวลาและต้องการเห็นผลแบบฉับไวก็คือ การทำเลเซอร์ ซึ่งปัจจุบันก็มีเลเซอร์หลายชนิดที่สามารถทำให้เม็ดสีจางลงได้ แต่ก็ต้องเลือกชนิดของเลเซอร์ให้เหมาะกับปัญหาของเราด้วยนะครับ เพราะหากมีการใช้ค่าของเลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้ปัญหารอยดำกลับมากวนใจเราได้อีก ซึ่งเรื่องนี้ผู้ที่จะแนะนำเราได้ดีที่สุดก็คงไม่พ้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังนั่นเอง โดยเลเซอร์ที่นิยมใช้กันตอนนี้มีอยู่ 2 ชนิด คือ
·
Gentle MAX Pro เป็นเทคโนโลยีจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถแก้ปัญหาผิวพรรณได้หลายชนิด เช่น เม็ดสีเข้มตามจุดต่างๆ ริ้วรอยตามใบหน้า ผิวไม่กระชับ เส้นเลือดบนใบหน้า และการกำจัดขนใต้วงแขนหรือตามร่างกาย โดยเครื่องมือชนิดนี้จะมีระบบสเปรย์พ่นความเย็น DCD (Dynamic Cooling Device) ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวชั้นนอกไม่ให้ได้รับผลข้างเคียง ในขณะที่ลำแสงเลเซอร์ตรงเข้าไปจัดการกับด้านในของผิวได้ทันที จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยดำใต้รักแร้ เพราะนอกจากจะช่วยกำจัดขนถาวรได้แล้ว ยังช่วยปรับผิวใต้รักแร้ให้เรียบเนียนได้อีกด้วย
·
Picosecond Laser เป็นเลเซอร์ที่พัฒนามาจากเลเซอร์ที่ใช้ในการลบรอยสัก รอยดำที่แก้ไม่หาย รอยฝ้าลึก รอยแผลเป็น เนื่องจากเลเซอร์ชนิดนี้เป็นเลเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการพัฒนาพลังงานแสงแบบ Nanosecond เป็น Picosecond ซึ่งเป็นการส่งพลังงานเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นในระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที ทำให้เม็ดสีดำแตกตัวเป็นเม็ดเล็กๆ หลังจากนั้นเม็ดสีที่แตกตัวก็จะถูกขับออกจากร่างกายได้ โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ไม่เสี่ยงต่อผิวไหม้ และสามารถรักษาได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนผลลัพธ์นั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน จึงควรให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาและประเมินจำนวนครั้งในการรักษา
เรื่องความสวยความงามเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา แต่ก็ต้องดูแลให้ถูกวิธีด้วยนะครับ ห้ามไปทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าโดยเด็ดขาด เช่น การซื้อครีมจากแหล่งผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้ หรือแม้กระทั่งอาหารเสริม ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะซื้อมารับประทาน ที่สำคัญ ดูแลภายนอกแล้วก็ต้องดูแลภายในด้วย เพราะความคิดและจิตใจก็สำคัญไม่แพ้รูปร่างหน้าตาของสาวๆ เลยนะครับ เหมือนที่ฝรั่งเค้าว่า “Beauty From Within” นั่นเอง
แล้วกลับมาพบกับสาระน่ารู้จากพี่หมอได้ใหม่ในสัปดาห์หน้านะครับ 💝 💝 💝
ปัญหารอยดำ (ตามซอก) ที่สาวๆ ไม่อยากบอกใคร
สาว ๆ หลายคนคงจะเคยรู้สึกไม่มั่นใจเวลาที่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำหรือใส่ชุดที่ต้องเปิดเผยเนื้อตัวกันบ้างใช่มั้ยครับ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะปัญหารอยคล้ำหรือรอยดำตามจุดต่างๆ ของร่างกายไม่ว่าจะเป็น ซอกคอ ขาหนีบ ใต้รักแร้ ข้อพับ รอยบิกินี่ หรือแม้กระทั่งร่องก้น ที่ต่อให้ไม่มีใครเห็น แต่ตัวเราก็เห็นเองทุกวันอยู่ดี
ซึ่งหลายคนก็อาจจะแก้ปัญหาด้วยการหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่ต้องโชว์ผิวไปเลย หรือบางคนก็ไปซื้อครีมมาทา หรือไม่ก็อาจจะไปที่คลินิกเสริมความงามซึ่งมีอยู่ทั่วไปเพื่อขจัดปัญหากวนใจเหล่านั้น ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง บางคนไปรักษาหายแล้วก็กลับมาเป็นซ้ำอีก
ไม่ต้องกลุ้มใจไปนะครับ เพราะวันนี้พี่หมอไปหาทางออกมาให้สาวๆ ทุกคนแล้ว นอกจากนั้น พี่หมอยังไปหาสาเหตุที่แท้จริงของเจ้ารอยคล้ำเหล่านั้นมาฝากกันด้วย
รอยดำ (ตามซอก) เกิดได้อย่างไร
· การเสียดสีกันของผิวหนังในบริเวณนั้น เช่น ขาหนีบดำเกิดจากการเสียดสีกันของขาทั้ง 2 ข้าง โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก สาเหตุก็เพราะตามธรรมชาติของร่างกายเมื่อผิวหนังบริเวณไหนมีการเคลื่อนไหวหรือเสียดสีกันมากๆ บริเวณนั้นก็จะมีการสร้างเม็ดสีที่มากกว่าส่วนที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว
· การกำจัดขนแบบผิดวิธี โดยเฉพาะใต้รักแร้ ซึ่งจะทำให้ผิวบริเวณนั้นได้รับการเสียดสี ผิวจึงมีการสร้างเม็ดสีที่มากขึ้น ทำให้มีรอยคล้ำตามมา นอกจากนี้ การกำจัดขนแบบผิดวิธีก็ยังทำให้ผิวได้รับบาดเจ็บซ้ำๆ จนทำให้เกิดขนคุด และรูขุมขนอุดตันอีกด้วย
· การแพ้หรือระคายเคืองที่เกิดจากเครื่องสำอาง โลชั่น และน้ำหอมที่สาวๆ ใช้อยู่ เพราะบางครั้งรอยคล้ำก็อาจมีสีเข้มขึ้นได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นนี่เองที่เป็นสาเหตุให้ผิวบริเวณนั้นผลิตเม็ดสีได้มากกว่าปกติ
· ความอับชื้น อันเป็นที่มาของอาการคันที่เกิดขึ้นจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา โดยเฉพาะในบริเวณที่เราอาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งเวลาที่เราคัน เราก็ต้องเกาใช่มั้ยครับ และก็เพราะการเกานี่แหละครับที่ทำให้ผิวอักเสบ จนอาจจะกลายเป็นแผลหรือรอยดำที่คอยกวนใจเรานั่นเอง
· การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป ก็อาจทำให้ผิวหนังเกิดการเสียดสีกับเนื้อผ้า จนเกิดรอยดำตามจุดต่างๆ ของร่างกาย
· กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ความเครียดและอาการภูมิแพ้ ซึ่งบางครั้งปัจจัยภายในเหล่านี้ก็อาจส่งผลให้เกิดรอยคล้ำตามร่างกายได้เช่นกัน
· การตั้งครรภ์ อย่างที่บอกว่าบางครั้งฮอร์โมนก็สามารถทำให้เกิดรอยคล้ำได้เช่นกัน โดยเฉพาะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ซึ่งระดับของฮอร์โมนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ก็อาจส่งผลให้ผิวของคุณแม่มีรอยดำคล้ำ หรือมีสีเข้มขึ้นตามบริเวณต้นคอ ข้อพับ ขาหนีบ หัวนม และรักแร้ ซึ่งรอยคล้ำเหล่านี้สามารถหายเองได้หลังคลอด
· ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ร่างกายมีภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน เนื่องจากระดับอินซูลินที่สูงจะไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังเจริญเติบโตได้มากขึ้น หรือที่เรียกว่า Acanthosis nigricans ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีผิวคล้ำ หนา และมีปื้นที่มีลักษณะเหมือนกำมะหยี่เกิดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ คอ และขาหนีบ นอกจากนี้ยังพบได้ในผู้ที่มีรูปร่างอ้วนมากๆ และผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่นๆ เช่น โรคมะเร็งทางเดินอาหาร และโรคความผิดปกติของต่อมไร้ท่อบางชนิด รวมถึงผู้ที่ได้รับยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด และยาสเตียรอยด์
อ่านมาตรงนี้ หลายๆ คนอาจจะกำลังกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่เป็นไรครับพี่หมอไปหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้มาให้แล้ว มาดูกัน
วิธีลดรอยดำแบบง่ายๆ ด้วยตัวเอง
· ใช้กรดผลไม้หรือครีมที่ผสมสารไวท์เทนนิ่ง โดยปกติผิวของคนเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 28 วัน แต่ถ้าเราอายุมากขึ้นหรือมีการเสียดสีของผิวบ่อยๆ ก็อาจทำให้การผลัดเซลล์ผิวไม่เป็นไปตามปกติ ดังนั้น การใช้กรดผลไม้ (Alpha Hydroxy Acid-AHA) ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเร่งให้มีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และทำให้เซลล์ผิวที่เกิดใหม่มีสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวเดิมของเรา ส่วนการเลือกใช้กรดผลไม้นั้น ควรเลือกแบบที่มีความเข้มข้นไม่เกิน 15% เพราะถ้าไปเลือกใช้แบบที่มีความเข้มข้นสูงๆ ก็อาจทำให้ผิวเกิดการไหม้ อักเสบหรือดำแบบถาวรได้ ส่วนครีมที่ผสมสารไวท์เทนนิ่ง ก็ควรเลือกแบบที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการสร้างเมลานินของผิวได้ เช่น ไทอามิดอล, บิลทิล-รีซอซินอล, กรดทรานซามิก, วิตามินซี, วิตามินบี3, อัลฟ่าอาร์บูติน รวมถึงกรดโคจิกด้วย
· งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำหอมมากเกินไป หรือหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เคยแพ้ และเมื่อมีผื่นแพ้เกิดขึ้น โดยเฉพาะตามซอกหรือข้อพับ ก็ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ ไม่ควรแกะหรือเกานะครับ เพราะอาจจะทำให้ผิวอักเสบได้
· สำหรับผู้ที่มีปัญหาขาหนีบดำ เพราะภาวะน้ำหนักเกิน ควรหลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่รัดแน่นจนเกินไป หรือถ้าลดน้ำหนักได้ก็จะดีที่สุดครับ เพราะจะเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหานี้ในระยะยาวได้
แถมท้ายด้วยวิธีที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ที่ไม่มีเวลาและต้องการเห็นผลแบบฉับไวก็คือ การทำเลเซอร์ ซึ่งปัจจุบันก็มีเลเซอร์หลายชนิดที่สามารถทำให้เม็ดสีจางลงได้ แต่ก็ต้องเลือกชนิดของเลเซอร์ให้เหมาะกับปัญหาของเราด้วยนะครับ เพราะหากมีการใช้ค่าของเลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้ปัญหารอยดำกลับมากวนใจเราได้อีก ซึ่งเรื่องนี้ผู้ที่จะแนะนำเราได้ดีที่สุดก็คงไม่พ้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังนั่นเอง โดยเลเซอร์ที่นิยมใช้กันตอนนี้มีอยู่ 2 ชนิด คือ
· Gentle MAX Pro เป็นเทคโนโลยีจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถแก้ปัญหาผิวพรรณได้หลายชนิด เช่น เม็ดสีเข้มตามจุดต่างๆ ริ้วรอยตามใบหน้า ผิวไม่กระชับ เส้นเลือดบนใบหน้า และการกำจัดขนใต้วงแขนหรือตามร่างกาย โดยเครื่องมือชนิดนี้จะมีระบบสเปรย์พ่นความเย็น DCD (Dynamic Cooling Device) ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวชั้นนอกไม่ให้ได้รับผลข้างเคียง ในขณะที่ลำแสงเลเซอร์ตรงเข้าไปจัดการกับด้านในของผิวได้ทันที จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยดำใต้รักแร้ เพราะนอกจากจะช่วยกำจัดขนถาวรได้แล้ว ยังช่วยปรับผิวใต้รักแร้ให้เรียบเนียนได้อีกด้วย
· Picosecond Laser เป็นเลเซอร์ที่พัฒนามาจากเลเซอร์ที่ใช้ในการลบรอยสัก รอยดำที่แก้ไม่หาย รอยฝ้าลึก รอยแผลเป็น เนื่องจากเลเซอร์ชนิดนี้เป็นเลเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการพัฒนาพลังงานแสงแบบ Nanosecond เป็น Picosecond ซึ่งเป็นการส่งพลังงานเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นในระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที ทำให้เม็ดสีดำแตกตัวเป็นเม็ดเล็กๆ หลังจากนั้นเม็ดสีที่แตกตัวก็จะถูกขับออกจากร่างกายได้ โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ไม่เสี่ยงต่อผิวไหม้ และสามารถรักษาได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนผลลัพธ์นั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน จึงควรให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาและประเมินจำนวนครั้งในการรักษา
เรื่องความสวยความงามเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา แต่ก็ต้องดูแลให้ถูกวิธีด้วยนะครับ ห้ามไปทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าโดยเด็ดขาด เช่น การซื้อครีมจากแหล่งผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้ หรือแม้กระทั่งอาหารเสริม ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะซื้อมารับประทาน ที่สำคัญ ดูแลภายนอกแล้วก็ต้องดูแลภายในด้วย เพราะความคิดและจิตใจก็สำคัญไม่แพ้รูปร่างหน้าตาของสาวๆ เลยนะครับ เหมือนที่ฝรั่งเค้าว่า “Beauty From Within” นั่นเอง
แล้วกลับมาพบกับสาระน่ารู้จากพี่หมอได้ใหม่ในสัปดาห์หน้านะครับ 💝 💝 💝