ในทุก ๆ 3 ปี ตลาด TFEX กับโบรกเกอร์จะร่วมมือกันจัดกิจกรรมที่ชื่อว่า
“TFEX Trading Challenge” ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนได้เรียนรู้และพัฒนาการเล่น TFEX แต่ Highlight ที่ทุกคนโฟกัส คงหนีไม่พ้น
“การจัดการแข่งขันเทรด TFEX” โดยมีรางวัล
มูลค่ากว่า 2 ล้านบาทเป็นเดิมพัน ซึ่งนี้ถือเป็นการ “คืนกำไร” ให้กับนักลงทุนอย่างแท้จริง เพราะทางตลาดเปิดให้ทุกคนเข้าร่วมกิจกรรม “ฟรี” โดยมีเงื่อนไขแบบบาง ๆ คือ มีบัญชีซื้อขายกับทางบริษัทสมาชิกเท่านั้น และในปีนี้(2020) ก็ถือเป็นอีกปีที่ครบกำหนด เราจึงอยากนำกิจกรรมดี ๆ มาบอกเล่าสู่กันฟัง รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลและแนะนำกลยุทธ์เพื่อให้ทุกท่านมีโอกาสได้รับรางวัลมากขึ้น เรามั่นใจว่าใครที่อ่านบทความนี้จบ จะมีสิทธิ์เป็นผู้ชนะการแข่งขันอย่างแน่นอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Credit : https://www.tfex.co.th/th/activities/TFEX_TradingChallenge2020.html
กิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ … แต่กลับมีคนสนใจน้อยกว่าที่คิด
หลังจากเราทราบว่าจะมีกิจกรรมนี้ จึงทำการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการแข่งขัน แต่กลับพบเรื่องที่น่าประหลาดใจจนต้องนำมาบอกต่อให้กับทุกคน โดยตามปกติตลาด TFEX จะทำการแบ่งรางวัลเพื่อให้นักลงทุนได้รับกันอย่างทั่วถึงทั้งหมด 13 รางวัล ดังนั้น เรามาดูกันว่าในการแข่งรอบก่อน(2017) มีใครบ้างที่ได้รับรางวัล และพวกเขามี Performance อย่างไร
รูปแสดงอันดับผู้ได้รับรางวัลตลอดทั้งโครงการของการแข่งขันระดับมือใหม่
จากรูป หลายท่านคงสงสัยกันใช่ไหมครับ ว่าเรานำมาครบหรือไม่ ? เพราะจากในย่อหน้าก่อนเราบอกไว้ว่า รางวัลที่กำหนดมี
มากถึง 13 รางวัล แต่ทำไมในรูปกลับโชว์ผู้ที่ได้รางวัลเพียงแค่ 4 ท่านเท่านั้น แต่นี่เป็นเรื่องจริงครับ ในรอบก่อนมีคนที่ชนะกิจกรรมและได้รับรางวัลเพียงแค่ 4 ท่านจริง ๆ แถมท่านที่ได้รับรางวัลลำดับสุดท้ายก็ทำผลตอบแทนได้เพียงแค่ 0.5% และนี้จึงเป็นเหตุผลที่เราบอกกับทุกท่านว่า
“คนสนใจน้อยกว่าที่คิด” ดังนั้น กิจกรรมนี้จึงเป็นโอกาสให้กับคนที่คิดจะเล่น TFEX ได้มีแรงจูงใจและกล้าตัดสินใจเข้ามาในตลาด ส่วนคนที่เทรดอยู่แล้วก็สามารถใช้โครงการนี้ เป็นตัวเพิ่มชื่อเสียงและผลตอบแทนได้
รายละเอียดโครงการ
เนื้อหาหลักของกิจกรรม จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.การให้ความรู้อย่างครบถ้วน
ทางตลาดได้เชิญกูรูที่มีชื่อเสียงทางด้าน TFEX และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญของทางโบรกเกอร์ จัด Class สัมมนาให้ความรู้ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเทรดจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่คนที่เพิ่งเริ่มหัดเทรด จนไปถึงคนที่เทรดอยู่แล้วและต้องการพัฒนา Skill ของตัวเอง โดยดูเนื้อหา/วัน-เวลาสัมมนาทั้งหมดได้ที่ลิ้ง
https://www.tfex.co.th/th/education/trading_challenge/2020/seminar.html
2.การแข่งขันชิงรางวัล
อย่างที่บอกว่านี้ถือเป็น Highlight ของโครงการที่นักลงทุนให้ความสนใจ เพราะ ต้องถือว่าเป็นโครงการที่แจกรางวัลหนักที่สุด ดังนั้น เพื่อป้องกันความผิดพลาด เรามาทำความเข้าใจกฏ-กติกาทั้งหมดต่อจากนี้
รูปแบบการแข่งกัน
หากถ้านำนักลงทุนมือใหม่มาแข่งขันรวมกับคนที่เทรดเป็นอยู่แล้วคงดูไม่เป็นธรรมนัก ดังนั้น ตลาด TFEX จึงทำการแบ่งระดับการแข่งขันออกเป็น 2 ระดับ คือ
มือใหม่ กับ คนที่เทรดเป็นอยู่แล้ว โดยมีกติกา คือ
“ทำอัตราผลตอบแทนให้มากที่สุด” ซึ่งก็เป็นเกณฑ์ชี้วัดที่ต่อให้ไม่ต้องบอก ทุกท่านก็คงพอทราบได้อยู่แล้ว แต่สำหรับรายการนี้
การคิดผลตอบแทนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ทุกท่าน “จำเป็น” ต้องทราบเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการผิดพลาดในการแข่งขัน
สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับกติกาการวัด Performance
เนื่องจากในการแข่งขันรอบที่แล้ว ทางตลาดได้มีการตั้งเงื่อนไขการแข่งขันที่ค่อนข้างเข้มงวด เช่น การกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 50,000 บาท, กำหนด Series ที่เล่นได้ รวมไปถึงการห้ามฝาก-ถอนเงินระหว่างรอบก่อนแข่งขัน ซึ่ง “ขัดแย้ง” กับธรรมชาติการเทรดจริงของนักลงทุน จึงทำให้มีคนสนใจ/ผ่านเกณฑ์ค่อนข้างน้อย ดังนั้น ในปีนี้ตลาดจึงได้ทำการ
เปลี่ยนกติกาใหม่ ดังนี้
1.เปลี่ยนวิธีคิด %อัตราผลตอบแทน
ในรอบก่อนหน้า ตลาดใช้วิธีคิด Performance จาก “การเติบโตของเงินทุน” โดยดูว่า สินทรัพย์รวมในพอร์ตของใครมี %เติบโตจากวันเริ่มต้นมากที่สุด จึงทำให้คนที่เทรดแบบไม่เผื่อเงินวางประกัน (Overtrade) มีแนวโน้มได้เปรียบ ซึ่งในโลกของการเทรดจริงนักลงทุนทุกคนต่างรู้ดีกว่า การวางเงินเผื่อเป็นหลักการสำคัญที่จำเป็นต้องปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง
จึงทำให้คนเล่น TFEX ทุกคนวางเผื่อและเสียเปรียบคนที่เข้ามาเพื่อแข่งขันอย่างเดียว ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหานี้ ตลาดจึงเปลี่ยนการวัด Performance แบบใหม่ โดยเป็นการ
“วัดประสิทธิภาพการทำกำไรเฉลี่ย” ดังสมการ
จากสมการจะเห็นว่า ฐานที่ใช้คิดกำไรขาดทุน(ตัวหาร) จะเป็น “ต้นทุนราคาเปิด” ซึ่งก็คือ
มูลค่าตอนเปิดรวมทั้งหมดทุกออเดอร์ จึงทำให้ไม่ว่าใครจะวางเงินไว้เท่าไหร่ต่อสัญญาก็ไม่มีผลกระทบ และเป็นวิธีวัด “ความสามารถในการคาดการณ์ทิศทาง” อย่างแท้จริง สรุปคือใครแม่นยำ+รันเทรนได้ยาวกว่า มีโอกาสเป็นแชมป์ที่สูงกว่า
2.ค่าธรรมเนียมใช้ “ค่าที่กำหนด” ในการคิด %อัตราผลตอบแทน
นี่เป็นอีก 1 ประเด็นที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจ เนื่องจากนโยบายแต่ละโบรกมีการคิดค่าธรรมเนียมที่ต่างกัน จึงส่งผลต่อกำไรสุทธิ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความแฟร์ กติกาการแข่งขันจึงใช้ระบบการคิดคำนวณ %อัตราผลตอบแทนสุทธิโดย
ใช้ Commission ค่ากลาง (ประกาศในวันที่ 15 ส.ค.) ให้ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน แต่อย่าลืมนะครับว่า
นี้เป็นเกมที่อ้างอิงจากพอร์ตจริง ดังนั้น ต่อให้ Performance ในการแข่งขันค่าธรรมเนียมจะไม่มีผล แต่สำหรับโลกแห่งความจริงค่าคอมถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อพอร์ตการลงทุนในระยะยาว ดังนั้น
หาโบรกที่ค่าธรรมเนียมต่ำไว้เป็นดีที่สุด
3.เอาเงื่อนไขเล็กน้อยออก เช่น การกำหนดเงินขั้นต่ำ
อย่างที่ทราบว่ารอบที่แล้ว มีการกำหนดเงื่อนไขที่ดูค่อนข้างเข้มงวดจนดู “หยุมหยิม” เกินไป จึงทำให้คนโดนตัดสิทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก(เกินครึ่ง) ดังนั้น ในปีนี้ตลาดจึงตัดเงื่อนไขเหล่านั้นทิ้งแทบทั้งหมด ทั้ง
ไม่มีการกำหนดเงินวางขั้นต้น, สามารถฝาก-ถอนเงินได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกตัดสิทธิ์,
ไม่มีการกำหนด Product/Series (ยกเว้น Block Trade ที่เทรดได้ แต่จะไม่ถูกนำมาคิดเป็น Performance) จึงเพิ่มความ Real ให้กับการแข่งขันมากขึ้น
โดยเงื่อนไขหลักที่เพิ่มขึ้นมาปีนี้มีข้อเดียว คือ บังคับให้ต้องใช้โปรแกรม Streaming ในการเทรดเท่านั้น
จากเงื่อนไขทั้งหมด ตลาด TFEX ดูเหมือนจะ “ตั้งใจ” ให้รายย่อยมีข้อได้เปรียบเช่นเดิม โดยแม้จะเปลี่ยนการคิด Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังวัดความสามารถในการทำกำไรอย่างเดียว
ซึ่งถือเป็นทางถนัดของรายย่อย ตรงกันข้ามกับพวกรายใหญ่ที่จะเน้นการแบ่งไม้ซื้อขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นหลัก ดังนั้นหากถ้าเขาอยากสู้กับพวกเราด้วยกติกานี้ ก็คงต้องยอมถอดสูทถอดไทด์มาวัดกันแบบไม่ต้องมีฟอร์มกันเลย นอกจากนี้ การไม่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ จึงทำให้มือใหม่ที่ไม่ได้มีเงินลงทุนที่สูงมีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน โดยทั้งหมดนี้จึงเป็นการ “เข้าทาง” รายย่อย และเราขอฟันธงว่า คนที่ได้แชมป์จะต้องเป็น
“รายย่อยอย่างพวกเรา” แน่นอน
**** Edit ในส่วนการคิด %ผลตอบแทนครับ เท่าที่คุยกับทางตลาด TFEX มา เหมือนจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในส่วนของสมการนะครับ ตรงที่เป็น "ราคา" ความหมายจะหมายถึง "มูลค่า" ครับ ดังนั้น Performance ที่ออกมาจะอยู่ในรูปของ "ค่าเฉลี่ย" จึงทำให้ คนที่ "Run Trend ถูกทาง มีแนวโน้มได้เปรียบกว่าคนที่เทรดสั้น" เพราะการเล่นสั้นจะไปฉุดให้ตัวหารสูงขึ้นตามไปด้วย และหากถ้ามีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะรีบมาอัพเดทให้นะครับ ขอบคุณครับ
[PR] TFEX Challenge โครงการแข่งขัน TFEX ที่ใหญ่ที่สุดของไทย <<แชร์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเป็นการแชมป์>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ … แต่กลับมีคนสนใจน้อยกว่าที่คิด
หลังจากเราทราบว่าจะมีกิจกรรมนี้ จึงทำการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการแข่งขัน แต่กลับพบเรื่องที่น่าประหลาดใจจนต้องนำมาบอกต่อให้กับทุกคน โดยตามปกติตลาด TFEX จะทำการแบ่งรางวัลเพื่อให้นักลงทุนได้รับกันอย่างทั่วถึงทั้งหมด 13 รางวัล ดังนั้น เรามาดูกันว่าในการแข่งรอบก่อน(2017) มีใครบ้างที่ได้รับรางวัล และพวกเขามี Performance อย่างไร
รูปแสดงอันดับผู้ได้รับรางวัลตลอดทั้งโครงการของการแข่งขันระดับมือใหม่
จากรูป หลายท่านคงสงสัยกันใช่ไหมครับ ว่าเรานำมาครบหรือไม่ ? เพราะจากในย่อหน้าก่อนเราบอกไว้ว่า รางวัลที่กำหนดมีมากถึง 13 รางวัล แต่ทำไมในรูปกลับโชว์ผู้ที่ได้รางวัลเพียงแค่ 4 ท่านเท่านั้น แต่นี่เป็นเรื่องจริงครับ ในรอบก่อนมีคนที่ชนะกิจกรรมและได้รับรางวัลเพียงแค่ 4 ท่านจริง ๆ แถมท่านที่ได้รับรางวัลลำดับสุดท้ายก็ทำผลตอบแทนได้เพียงแค่ 0.5% และนี้จึงเป็นเหตุผลที่เราบอกกับทุกท่านว่า “คนสนใจน้อยกว่าที่คิด” ดังนั้น กิจกรรมนี้จึงเป็นโอกาสให้กับคนที่คิดจะเล่น TFEX ได้มีแรงจูงใจและกล้าตัดสินใจเข้ามาในตลาด ส่วนคนที่เทรดอยู่แล้วก็สามารถใช้โครงการนี้ เป็นตัวเพิ่มชื่อเสียงและผลตอบแทนได้
รายละเอียดโครงการ
เนื้อหาหลักของกิจกรรม จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.การให้ความรู้อย่างครบถ้วน
ทางตลาดได้เชิญกูรูที่มีชื่อเสียงทางด้าน TFEX และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญของทางโบรกเกอร์ จัด Class สัมมนาให้ความรู้ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเทรดจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่คนที่เพิ่งเริ่มหัดเทรด จนไปถึงคนที่เทรดอยู่แล้วและต้องการพัฒนา Skill ของตัวเอง โดยดูเนื้อหา/วัน-เวลาสัมมนาทั้งหมดได้ที่ลิ้ง
https://www.tfex.co.th/th/education/trading_challenge/2020/seminar.html
2.การแข่งขันชิงรางวัล
อย่างที่บอกว่านี้ถือเป็น Highlight ของโครงการที่นักลงทุนให้ความสนใจ เพราะ ต้องถือว่าเป็นโครงการที่แจกรางวัลหนักที่สุด ดังนั้น เพื่อป้องกันความผิดพลาด เรามาทำความเข้าใจกฏ-กติกาทั้งหมดต่อจากนี้
รูปแบบการแข่งกัน
หากถ้านำนักลงทุนมือใหม่มาแข่งขันรวมกับคนที่เทรดเป็นอยู่แล้วคงดูไม่เป็นธรรมนัก ดังนั้น ตลาด TFEX จึงทำการแบ่งระดับการแข่งขันออกเป็น 2 ระดับ คือ มือใหม่ กับ คนที่เทรดเป็นอยู่แล้ว โดยมีกติกา คือ “ทำอัตราผลตอบแทนให้มากที่สุด” ซึ่งก็เป็นเกณฑ์ชี้วัดที่ต่อให้ไม่ต้องบอก ทุกท่านก็คงพอทราบได้อยู่แล้ว แต่สำหรับรายการนี้ การคิดผลตอบแทนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ทุกท่าน “จำเป็น” ต้องทราบเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการผิดพลาดในการแข่งขัน
สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับกติกาการวัด Performance
เนื่องจากในการแข่งขันรอบที่แล้ว ทางตลาดได้มีการตั้งเงื่อนไขการแข่งขันที่ค่อนข้างเข้มงวด เช่น การกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 50,000 บาท, กำหนด Series ที่เล่นได้ รวมไปถึงการห้ามฝาก-ถอนเงินระหว่างรอบก่อนแข่งขัน ซึ่ง “ขัดแย้ง” กับธรรมชาติการเทรดจริงของนักลงทุน จึงทำให้มีคนสนใจ/ผ่านเกณฑ์ค่อนข้างน้อย ดังนั้น ในปีนี้ตลาดจึงได้ทำการเปลี่ยนกติกาใหม่ ดังนี้
1.เปลี่ยนวิธีคิด %อัตราผลตอบแทน
ในรอบก่อนหน้า ตลาดใช้วิธีคิด Performance จาก “การเติบโตของเงินทุน” โดยดูว่า สินทรัพย์รวมในพอร์ตของใครมี %เติบโตจากวันเริ่มต้นมากที่สุด จึงทำให้คนที่เทรดแบบไม่เผื่อเงินวางประกัน (Overtrade) มีแนวโน้มได้เปรียบ ซึ่งในโลกของการเทรดจริงนักลงทุนทุกคนต่างรู้ดีกว่า การวางเงินเผื่อเป็นหลักการสำคัญที่จำเป็นต้องปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้คนเล่น TFEX ทุกคนวางเผื่อและเสียเปรียบคนที่เข้ามาเพื่อแข่งขันอย่างเดียว ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหานี้ ตลาดจึงเปลี่ยนการวัด Performance แบบใหม่ โดยเป็นการ “วัดประสิทธิภาพการทำกำไรเฉลี่ย” ดังสมการ
จากสมการจะเห็นว่า ฐานที่ใช้คิดกำไรขาดทุน(ตัวหาร) จะเป็น “ต้นทุนราคาเปิด” ซึ่งก็คือ มูลค่าตอนเปิดรวมทั้งหมดทุกออเดอร์ จึงทำให้ไม่ว่าใครจะวางเงินไว้เท่าไหร่ต่อสัญญาก็ไม่มีผลกระทบ และเป็นวิธีวัด “ความสามารถในการคาดการณ์ทิศทาง” อย่างแท้จริง สรุปคือใครแม่นยำ+รันเทรนได้ยาวกว่า มีโอกาสเป็นแชมป์ที่สูงกว่า
2.ค่าธรรมเนียมใช้ “ค่าที่กำหนด” ในการคิด %อัตราผลตอบแทน
นี่เป็นอีก 1 ประเด็นที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจ เนื่องจากนโยบายแต่ละโบรกมีการคิดค่าธรรมเนียมที่ต่างกัน จึงส่งผลต่อกำไรสุทธิ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความแฟร์ กติกาการแข่งขันจึงใช้ระบบการคิดคำนวณ %อัตราผลตอบแทนสุทธิโดยใช้ Commission ค่ากลาง (ประกาศในวันที่ 15 ส.ค.) ให้ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน แต่อย่าลืมนะครับว่า นี้เป็นเกมที่อ้างอิงจากพอร์ตจริง ดังนั้น ต่อให้ Performance ในการแข่งขันค่าธรรมเนียมจะไม่มีผล แต่สำหรับโลกแห่งความจริงค่าคอมถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อพอร์ตการลงทุนในระยะยาว ดังนั้น หาโบรกที่ค่าธรรมเนียมต่ำไว้เป็นดีที่สุด
3.เอาเงื่อนไขเล็กน้อยออก เช่น การกำหนดเงินขั้นต่ำ
อย่างที่ทราบว่ารอบที่แล้ว มีการกำหนดเงื่อนไขที่ดูค่อนข้างเข้มงวดจนดู “หยุมหยิม” เกินไป จึงทำให้คนโดนตัดสิทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก(เกินครึ่ง) ดังนั้น ในปีนี้ตลาดจึงตัดเงื่อนไขเหล่านั้นทิ้งแทบทั้งหมด ทั้ง ไม่มีการกำหนดเงินวางขั้นต้น, สามารถฝาก-ถอนเงินได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกตัดสิทธิ์, ไม่มีการกำหนด Product/Series (ยกเว้น Block Trade ที่เทรดได้ แต่จะไม่ถูกนำมาคิดเป็น Performance) จึงเพิ่มความ Real ให้กับการแข่งขันมากขึ้น โดยเงื่อนไขหลักที่เพิ่มขึ้นมาปีนี้มีข้อเดียว คือ บังคับให้ต้องใช้โปรแกรม Streaming ในการเทรดเท่านั้น
จากเงื่อนไขทั้งหมด ตลาด TFEX ดูเหมือนจะ “ตั้งใจ” ให้รายย่อยมีข้อได้เปรียบเช่นเดิม โดยแม้จะเปลี่ยนการคิด Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังวัดความสามารถในการทำกำไรอย่างเดียว ซึ่งถือเป็นทางถนัดของรายย่อย ตรงกันข้ามกับพวกรายใหญ่ที่จะเน้นการแบ่งไม้ซื้อขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นหลัก ดังนั้นหากถ้าเขาอยากสู้กับพวกเราด้วยกติกานี้ ก็คงต้องยอมถอดสูทถอดไทด์มาวัดกันแบบไม่ต้องมีฟอร์มกันเลย นอกจากนี้ การไม่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ จึงทำให้มือใหม่ที่ไม่ได้มีเงินลงทุนที่สูงมีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน โดยทั้งหมดนี้จึงเป็นการ “เข้าทาง” รายย่อย และเราขอฟันธงว่า คนที่ได้แชมป์จะต้องเป็น “รายย่อยอย่างพวกเรา” แน่นอน
**** Edit ในส่วนการคิด %ผลตอบแทนครับ เท่าที่คุยกับทางตลาด TFEX มา เหมือนจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในส่วนของสมการนะครับ ตรงที่เป็น "ราคา" ความหมายจะหมายถึง "มูลค่า" ครับ ดังนั้น Performance ที่ออกมาจะอยู่ในรูปของ "ค่าเฉลี่ย" จึงทำให้ คนที่ "Run Trend ถูกทาง มีแนวโน้มได้เปรียบกว่าคนที่เทรดสั้น" เพราะการเล่นสั้นจะไปฉุดให้ตัวหารสูงขึ้นตามไปด้วย และหากถ้ามีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะรีบมาอัพเดทให้นะครับ ขอบคุณครับ