*****ใครจะมาแนวเคร่งตัวสะกด ใดๆคือพักก่อนนะครับ
*****เป็นโพสเชิงบ่นชีวิต อยากระบาย
ก่อนอื่นเลย ใครที่บอกว่า โควิดไม่ตกงานก็ดีแล้ว แต่สำหรับเราคือรู้ว่า ไม่ตกงานแต่ไม่เหลือเงินเลย แถมต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตแบบค่อนข้างหักโค้งสำหรับเราอยู่พอควรเลย
อย่างแรกเงินเดือน ก่อนโควิดมา คือ 16-18 ต่อเดือน คือได้ค่าจิปาถะเสริมเข้าไป
หลังโควิดคือเหลือแค่ฐาน 9750 (ตามวุฒิอันน้อยนิดของเรา)
และเราอยู่หอพัก ไม่มีบ้านให้กลับ ความสัมพันธ์ในครอบครัวจัดว่า ค่อนข้างแย่กันทั้งบ้านตัวใครตัวมันขั้นสุดหมายถึงความสัมพันธฺนะ ดังนั่นห้ามโลกสวยว่า บ้านคือที่สุดท้ายยังไงก็ตัดไม่ขาด ยังไงก็กลับไปได้แหละ เคยจะกลับไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาถามกลับมาคือ จะจ่ายค่าเช่าให้ได้เดือนเท่าไหร่ ถ้าจะกลับมาอยู่ฟรีกินฟรีไม่ได้นะ
สิ่งที่เปลี่ยนแรกคือ ย้ายที่พักจากหอเดือนละ 3000 ไปอยู่ตึกที่ เดือนละ 1700 อันนี้คือช็อคจริงๆ แต่ต้องเอาเพราะอยู่ไกล้ตึกเดิมและไกล้ที่ทำงาน
สิ่งที่แตกต่าง เมื่อมาอยู่ 1700 คือ
สภาพในตึก - พื้นกระเบื้องเก่าๆมีรอยแตกแบบสะพรึงทุกชั้น สภาพคือรู้เลยว่าชาตินี้คงไม่คิดจะปรับปรุงอะไรในตึกแน่ๆ เก่าจนหลอนมากๆ
สภาพในห้อง - ห้องที่โล่ง โล่งๆเลย จากพัดลมใหญ่ๆบนเพดาน ได้แค่พัดลมติดกำแพงตัวน้อยๆ T T
สังคมคนในตึก - เปิดประตูฟรีฟรอม เสียงดัง ทำกับข้าวกับปลา กลิ่นโขม่งไปทั่ว คือเปิดไม่กี่ห้องยังพอว่า เปิดเกือบทั้งชั้น แล้วคือเอนจอยกับการเปิดประตูดูทีวี ดูหนัง บลาๆกันมาก
ความปลอดภัย - ไม่มีกล้องวงจรปิดในตึก ที่มีคือกล้องดัมมี่ทั้งตึก ไม่มี รปภ.เฝ้าหน้าตึก ระเบียงตั้งแต่ชั้น 2 ไม่มีแผงรวดเหล็กปิด(ชั้น 1 ที่มีกั้นก็คือ เหล็กอ่อนยวบย้าบพร้อมโดนชนแล้วหลุดได้เสมอ) แล้วคือระเบียงแต่ละห้อง ไกล้ชิดกันจนสามารถปีนข้ามมาได้ (เคยเจอข้างห้องโยนก้นบุหรี่มา เราเลยแก้ด้วยการ เอากาวติดเหล็กที่เสียบยากันยุง สามอันตรงขอบระเบียง และจุดยากันยุงสามอันแบบควันโขม่ง ให้ควันขุ่ง พอลมพัดไปทีก็ได้ยินเสียงไอค่อกแค่ก จุดเสร็จคือปิดประตู หน้าต่างตรงระเบียงเลยนะ ให้ควันอบอวน
ตรงนั่นแหละ)
กำแพงห้องที่บางมาก - จากข้อบน บางไม่บางขนาดเสียงไอค่อกแค่กแบบ ไอเป็นจริงเป็นจังก็ได้ยินนะ หรือจะแค่เปิดเพลงดังตามปกติตอนอยู่ห้อง3000 เสียงก็มีลอดๆไปอีกห้องได้นะ คือเสียงอะไรที่เคยดังได้ตอนห้อง 3000 มาห้อง 1700 คือไม่ได้เลย ทะลุหมด เพราะกำแพงบาง และประตูห้องที่เป็นไม้แบบใส้กลางโปร่งๆ และมีช่องว่างเว้นตรงพื้นประตูให้ลมและสรรพสัตว์เข้ามา(อันนี้หาอะไรมาติดกั้นไว้แล้ว) คือห้องไม่มทีความดูดเสียงหรือเก็บเสียงใดๆเลย
ความรู้สึกเราก็คือ หลังโควิดมา การที่เราไปทำงานเหนื่อยๆกลับมา ยังต้องเจอสภาพหอพักแบบนี้ สภาพแวดล้อมแบบนี้(ที่ทำงานก็เจอพวกประสาท-จะตายแล้ว) คือมันยิ่งทำให้สุขภาพจิตเราแย่ลงๆ ปล.ใครที่บอกทำไมไม่เลือกหอที่ดีกว่านี้บลาๆ คือ ด้วยการเจอหักเงินจนเหลือแต่ฐานแบบหักดิบ มันก็ช็อคจนตั้งตัวไม่ทันหรอก และใช่เราไม่มีเงินเก็บเลย
อย่างที่สองคือจากที่สามารถอย่างน้อยไปกินบุฟเฟ่ได้เดือนละครั้ง กินอะไรดีๆสักอย้างๆที่ไม่เกิน 500 สักเดือนละครั้ง ตอนนี้คือทำอะไรแบบนั่นไม่ได้เลย
เราขอบ่นแค่การเปลี่ยนแปลงเรื่องหอพักกับการกินจุบจิบพอนะ ไม่อยากผ่ามไปยาวกว่านี้ มันยิ่งพิมพ์ยิ่งทำให้แบบรู้สึกอึดอัดในใจไปหมด
ใครที่อ่านจนจบ ขอกำลังใจที่อ่านแล้วไม่ต้องดึงซีนนั่นซีนนี้นะ ขอแบบเป็นกำลังใจที่อ่านแล้วแบบ เออเนาะ นั่นสิบลาๆ ไม่ต้องยกเรื่องตนมาเปรียบเทียบบลาๆนะขอร้องเลยยยย
รีวิวเชิงบ่นชีวิต หลังโควิด ไม่ตกงานแต่โดนหักเงินเดือนจนเหลือแค่ฐาน กับการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป...จนแบบว่า
*****เป็นโพสเชิงบ่นชีวิต อยากระบาย
ก่อนอื่นเลย ใครที่บอกว่า โควิดไม่ตกงานก็ดีแล้ว แต่สำหรับเราคือรู้ว่า ไม่ตกงานแต่ไม่เหลือเงินเลย แถมต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตแบบค่อนข้างหักโค้งสำหรับเราอยู่พอควรเลย
อย่างแรกเงินเดือน ก่อนโควิดมา คือ 16-18 ต่อเดือน คือได้ค่าจิปาถะเสริมเข้าไป
หลังโควิดคือเหลือแค่ฐาน 9750 (ตามวุฒิอันน้อยนิดของเรา)
และเราอยู่หอพัก ไม่มีบ้านให้กลับ ความสัมพันธ์ในครอบครัวจัดว่า ค่อนข้างแย่กันทั้งบ้านตัวใครตัวมันขั้นสุดหมายถึงความสัมพันธฺนะ ดังนั่นห้ามโลกสวยว่า บ้านคือที่สุดท้ายยังไงก็ตัดไม่ขาด ยังไงก็กลับไปได้แหละ เคยจะกลับไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาถามกลับมาคือ จะจ่ายค่าเช่าให้ได้เดือนเท่าไหร่ ถ้าจะกลับมาอยู่ฟรีกินฟรีไม่ได้นะ
สิ่งที่เปลี่ยนแรกคือ ย้ายที่พักจากหอเดือนละ 3000 ไปอยู่ตึกที่ เดือนละ 1700 อันนี้คือช็อคจริงๆ แต่ต้องเอาเพราะอยู่ไกล้ตึกเดิมและไกล้ที่ทำงาน
สิ่งที่แตกต่าง เมื่อมาอยู่ 1700 คือ
สภาพในตึก - พื้นกระเบื้องเก่าๆมีรอยแตกแบบสะพรึงทุกชั้น สภาพคือรู้เลยว่าชาตินี้คงไม่คิดจะปรับปรุงอะไรในตึกแน่ๆ เก่าจนหลอนมากๆ
สภาพในห้อง - ห้องที่โล่ง โล่งๆเลย จากพัดลมใหญ่ๆบนเพดาน ได้แค่พัดลมติดกำแพงตัวน้อยๆ T T
สังคมคนในตึก - เปิดประตูฟรีฟรอม เสียงดัง ทำกับข้าวกับปลา กลิ่นโขม่งไปทั่ว คือเปิดไม่กี่ห้องยังพอว่า เปิดเกือบทั้งชั้น แล้วคือเอนจอยกับการเปิดประตูดูทีวี ดูหนัง บลาๆกันมาก
ความปลอดภัย - ไม่มีกล้องวงจรปิดในตึก ที่มีคือกล้องดัมมี่ทั้งตึก ไม่มี รปภ.เฝ้าหน้าตึก ระเบียงตั้งแต่ชั้น 2 ไม่มีแผงรวดเหล็กปิด(ชั้น 1 ที่มีกั้นก็คือ เหล็กอ่อนยวบย้าบพร้อมโดนชนแล้วหลุดได้เสมอ) แล้วคือระเบียงแต่ละห้อง ไกล้ชิดกันจนสามารถปีนข้ามมาได้ (เคยเจอข้างห้องโยนก้นบุหรี่มา เราเลยแก้ด้วยการ เอากาวติดเหล็กที่เสียบยากันยุง สามอันตรงขอบระเบียง และจุดยากันยุงสามอันแบบควันโขม่ง ให้ควันขุ่ง พอลมพัดไปทีก็ได้ยินเสียงไอค่อกแค่ก จุดเสร็จคือปิดประตู หน้าต่างตรงระเบียงเลยนะ ให้ควันอบอวนตรงนั่นแหละ)
กำแพงห้องที่บางมาก - จากข้อบน บางไม่บางขนาดเสียงไอค่อกแค่กแบบ ไอเป็นจริงเป็นจังก็ได้ยินนะ หรือจะแค่เปิดเพลงดังตามปกติตอนอยู่ห้อง3000 เสียงก็มีลอดๆไปอีกห้องได้นะ คือเสียงอะไรที่เคยดังได้ตอนห้อง 3000 มาห้อง 1700 คือไม่ได้เลย ทะลุหมด เพราะกำแพงบาง และประตูห้องที่เป็นไม้แบบใส้กลางโปร่งๆ และมีช่องว่างเว้นตรงพื้นประตูให้ลมและสรรพสัตว์เข้ามา(อันนี้หาอะไรมาติดกั้นไว้แล้ว) คือห้องไม่มทีความดูดเสียงหรือเก็บเสียงใดๆเลย
ความรู้สึกเราก็คือ หลังโควิดมา การที่เราไปทำงานเหนื่อยๆกลับมา ยังต้องเจอสภาพหอพักแบบนี้ สภาพแวดล้อมแบบนี้(ที่ทำงานก็เจอพวกประสาท-จะตายแล้ว) คือมันยิ่งทำให้สุขภาพจิตเราแย่ลงๆ ปล.ใครที่บอกทำไมไม่เลือกหอที่ดีกว่านี้บลาๆ คือ ด้วยการเจอหักเงินจนเหลือแต่ฐานแบบหักดิบ มันก็ช็อคจนตั้งตัวไม่ทันหรอก และใช่เราไม่มีเงินเก็บเลย
อย่างที่สองคือจากที่สามารถอย่างน้อยไปกินบุฟเฟ่ได้เดือนละครั้ง กินอะไรดีๆสักอย้างๆที่ไม่เกิน 500 สักเดือนละครั้ง ตอนนี้คือทำอะไรแบบนั่นไม่ได้เลย
เราขอบ่นแค่การเปลี่ยนแปลงเรื่องหอพักกับการกินจุบจิบพอนะ ไม่อยากผ่ามไปยาวกว่านี้ มันยิ่งพิมพ์ยิ่งทำให้แบบรู้สึกอึดอัดในใจไปหมด
ใครที่อ่านจนจบ ขอกำลังใจที่อ่านแล้วไม่ต้องดึงซีนนั่นซีนนี้นะ ขอแบบเป็นกำลังใจที่อ่านแล้วแบบ เออเนาะ นั่นสิบลาๆ ไม่ต้องยกเรื่องตนมาเปรียบเทียบบลาๆนะขอร้องเลยยยย