แพ้ขนแมว – เรื่องที่ทาสแมวทุกคนต้องรู้
มีใครในนี้เป็นทาสแมวบ้างครับ และถ้าเป็นทาสแมวตัวจริงก็น่าจะรู้ใช่มั้ยครับว่า นายท่านทั้งหลายเขามีวันสำคัญเป็นของตัวเองด้วย นั่นก็คือ ‘วันแมวสากล’ หรือ ‘International Cat Day’ ซึ่งตรงกับวันที่ 8 สิงหาคมของทุกปี
วันแมวสากลนี้ไม่ได้เพิ่งถูกกำหนดขึ้นมานะครับ มีมาตั้งแต่ปี 2002 แล้ว ซึ่งหน่วยงานที่กำหนดขึ้นมาก็คือ กองทุนระหว่างประเทศเพื่อสวัสดิการสัตว์ (International Fund for Animal Welfare) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คนทั่วไปมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแมวมากขึ้น
ข้อดีของการเลี้ยงแมวก็คือ ช่วยจับหนู จับจิ้งจกได้ และก็ยังช่วยให้ผู้เลี้ยงมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ช่วยบรรเทาความเครียด ความวิตกกังวลต่างๆ รวมถึงป้องกันไม่ให้เราเป็นโรคซึมเศร้าได้ด้วยนะครับ แต่จะมีข้อเสียอยู่บ้างก็ตรงที่อาจจะทำให้ผู้เลี้ยงบางคนเกิดอาการแพ้ขนแมวได้
การแพ้ขนแมวเป็นหนึ่งในอาการแพ้ที่พบได้บ่อย ซึ่งจากข้อมูลของคลินิกโรคภูมิแพ้ของโรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่าคนส่วนใหญ่จะแพ้ขนแมวมากกว่าขนสุนัข แต่ถึงแม้จะแพ้ หลายคนก็ยังเลือกที่จะเลี้ยงไว้ในบ้านมากกว่าเอาไปเลี้ยงข้างนอก ซึ่งอาการแพ้ขนแมวนั้นเกิดจากอะไร และทำอย่างไรเราถึงจะป้องกันอาการแพ้ได้ พี่หมอไปหาข้อมูลมาให้แล้วครับ
สาเหตุของการแพ้ขนแมว
การแพ้ขนแมวอาจมีที่มาจากน้ำลายและผิวหนังของแมว เพราะสารก่อภูมิแพ้อาจติดมากับขนแมวขณะที่แมวเลียขนตัวเอง แล้วขนก็อาจจะลอยขึ้นไปในอากาศ ซึ่งเมื่อเราสูดดมสารดังกล่าวเข้าไปก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เพราะอนุภาคของสารก่อภูมิแพ้ในสัตว์เลี้ยงนั้นสามารถติดไปกับเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์และที่นอนของเรา ซึ่งนั่นก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่ไม่ได้เลี้ยงแมวก็อาจจะมีอาการแพ้ขนแมวได้เช่นกัน
อาการแพ้ขนแมว
สามารถแสดงออกได้หลายแบบและหลายระดับ แต่ที่พบได้ทั่วไปก็คือ อาการบวมและคันของเนื้อเยื่อบริเวณรอบดวงตาและจมูก ซึ่งอาจทำให้ตาอักเสบได้ และในบางรายก็อาจมีผื่นขึ้นที่ใบหน้า ลำคอ หรือหน้าอก รวมถึงอาจมีอาการคันจมูก ไอ จาม น้ำมูกไหล ระคายคอ หรือถ้าแพ้มากๆ ก็อาจจะถึงขั้นหายใจไม่ออก
สำหรับผู้ที่เป็นโรคหืด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแมว เพราะมีโอกาสที่อาการจะรุนแรงขึ้น ในกรณีที่สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในขนแมวหลุดเข้าไปในหลอดลม ก็อาจจะไปกระตุ้นแอนติบอดี้บางชนิดบนผิวของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก หรือหายใจเสียงดังวี้ดๆ ซึ่งเป็นอาการกำเริบของโรคหืดเฉียบพลัน และยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคหืดเรื้อรังอีกด้วย
การตรวจวินิจฉัยอาการแพ้ขนแมว
มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ การทดสอบทางเลือด และการทดสอบทางผิวหนังโดยวิธีการสะกิด (Skin prick test) ซึ่งวิธีหลังจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีแรก
วิธีป้องกันอาการแพ้ขนแมว
· หลีกเลี่ยงการเลี้ยงแมวในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องนอน
· ล้างมือทุกครั้งหลังจากที่สัมผัสหรือเล่นกับแมว
· อาบน้ำให้แมวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และแปรงขนให้เจ้าเหมียวทุกวัน เพื่อลดเศษขนและฝุ่นละอองที่สะสมไว้
· ถ้าในบ้านมีการปูพรม ควรนำพรมออก เพื่อลดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้และขนแมว
· ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในบ้าน โดยเฉพาะในห้องนอน
· หมั่นล้างและทำความสะอาดไส้กรองแอร์
· ทำความสะอาดและดูดฝุ่นภายในบริเวณบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมถึงของเล่นและที่นอนของเจ้าเหมียวด้วย
· ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหนัง เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด
· สำหรับผู้ที่เป็นโรคหืด ให้ใช้ยาพ่นจมูกหรือยาพ่นทางคอ เพื่อช่วยป้องกันอาการกำเริบ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการแพ้ให้เร็วที่สุด
ก่อนที่จะเลี้ยงสัตว์อะไร ไม่ว่าจะเป็น หมา แมว นก หนู กระต่าย เราก็ควรศึกษาหาข้อมูลของสัตว์แต่ละประเภทให้ดีซะก่อน เพื่อที่เราจะได้เข้าใจธรรมชาติของสัตว์ต่างๆ เหล่านั้นและมั่นใจได้ว่าเราจะเลี้ยงเขาให้ดีและมีความสุขได้ เพราะพี่หมอเชื่อว่า เราเองก็จะได้ความสุขจากการเลี้ยงเขาด้วยเหมือนกัน
ที่สำคัญ ถ้าคิดจะเอาเขามาเลี้ยงแล้ว ก็ควรเลี้ยงด้วยความรับผิดชอบ ไม่ควรทิ้งๆขว้างๆ หรือปล่อยปละละเลยจนกลายเป็นภาระของผู้อื่นด้วยนะครับ
แล้วพบกับเรื่องราวน่ารู้จากพี่หมอได้ใหม่ในสัปดาห์หน้านะครับ 😸😸😸
แพ้ขนแมว – เรื่องที่ทาสแมวทุกคนต้องรู้
มีใครในนี้เป็นทาสแมวบ้างครับ และถ้าเป็นทาสแมวตัวจริงก็น่าจะรู้ใช่มั้ยครับว่า นายท่านทั้งหลายเขามีวันสำคัญเป็นของตัวเองด้วย นั่นก็คือ ‘วันแมวสากล’ หรือ ‘International Cat Day’ ซึ่งตรงกับวันที่ 8 สิงหาคมของทุกปี
วันแมวสากลนี้ไม่ได้เพิ่งถูกกำหนดขึ้นมานะครับ มีมาตั้งแต่ปี 2002 แล้ว ซึ่งหน่วยงานที่กำหนดขึ้นมาก็คือ กองทุนระหว่างประเทศเพื่อสวัสดิการสัตว์ (International Fund for Animal Welfare) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คนทั่วไปมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแมวมากขึ้น
ข้อดีของการเลี้ยงแมวก็คือ ช่วยจับหนู จับจิ้งจกได้ และก็ยังช่วยให้ผู้เลี้ยงมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ช่วยบรรเทาความเครียด ความวิตกกังวลต่างๆ รวมถึงป้องกันไม่ให้เราเป็นโรคซึมเศร้าได้ด้วยนะครับ แต่จะมีข้อเสียอยู่บ้างก็ตรงที่อาจจะทำให้ผู้เลี้ยงบางคนเกิดอาการแพ้ขนแมวได้
การแพ้ขนแมวเป็นหนึ่งในอาการแพ้ที่พบได้บ่อย ซึ่งจากข้อมูลของคลินิกโรคภูมิแพ้ของโรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่าคนส่วนใหญ่จะแพ้ขนแมวมากกว่าขนสุนัข แต่ถึงแม้จะแพ้ หลายคนก็ยังเลือกที่จะเลี้ยงไว้ในบ้านมากกว่าเอาไปเลี้ยงข้างนอก ซึ่งอาการแพ้ขนแมวนั้นเกิดจากอะไร และทำอย่างไรเราถึงจะป้องกันอาการแพ้ได้ พี่หมอไปหาข้อมูลมาให้แล้วครับ
สาเหตุของการแพ้ขนแมว
การแพ้ขนแมวอาจมีที่มาจากน้ำลายและผิวหนังของแมว เพราะสารก่อภูมิแพ้อาจติดมากับขนแมวขณะที่แมวเลียขนตัวเอง แล้วขนก็อาจจะลอยขึ้นไปในอากาศ ซึ่งเมื่อเราสูดดมสารดังกล่าวเข้าไปก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เพราะอนุภาคของสารก่อภูมิแพ้ในสัตว์เลี้ยงนั้นสามารถติดไปกับเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์และที่นอนของเรา ซึ่งนั่นก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่ไม่ได้เลี้ยงแมวก็อาจจะมีอาการแพ้ขนแมวได้เช่นกัน
อาการแพ้ขนแมว
สามารถแสดงออกได้หลายแบบและหลายระดับ แต่ที่พบได้ทั่วไปก็คือ อาการบวมและคันของเนื้อเยื่อบริเวณรอบดวงตาและจมูก ซึ่งอาจทำให้ตาอักเสบได้ และในบางรายก็อาจมีผื่นขึ้นที่ใบหน้า ลำคอ หรือหน้าอก รวมถึงอาจมีอาการคันจมูก ไอ จาม น้ำมูกไหล ระคายคอ หรือถ้าแพ้มากๆ ก็อาจจะถึงขั้นหายใจไม่ออก
สำหรับผู้ที่เป็นโรคหืด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแมว เพราะมีโอกาสที่อาการจะรุนแรงขึ้น ในกรณีที่สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในขนแมวหลุดเข้าไปในหลอดลม ก็อาจจะไปกระตุ้นแอนติบอดี้บางชนิดบนผิวของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก หรือหายใจเสียงดังวี้ดๆ ซึ่งเป็นอาการกำเริบของโรคหืดเฉียบพลัน และยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคหืดเรื้อรังอีกด้วย
การตรวจวินิจฉัยอาการแพ้ขนแมว
มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ การทดสอบทางเลือด และการทดสอบทางผิวหนังโดยวิธีการสะกิด (Skin prick test) ซึ่งวิธีหลังจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีแรก
วิธีป้องกันอาการแพ้ขนแมว
· หลีกเลี่ยงการเลี้ยงแมวในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องนอน
· ล้างมือทุกครั้งหลังจากที่สัมผัสหรือเล่นกับแมว
· อาบน้ำให้แมวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และแปรงขนให้เจ้าเหมียวทุกวัน เพื่อลดเศษขนและฝุ่นละอองที่สะสมไว้
· ถ้าในบ้านมีการปูพรม ควรนำพรมออก เพื่อลดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้และขนแมว
· ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในบ้าน โดยเฉพาะในห้องนอน
· หมั่นล้างและทำความสะอาดไส้กรองแอร์
· ทำความสะอาดและดูดฝุ่นภายในบริเวณบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมถึงของเล่นและที่นอนของเจ้าเหมียวด้วย
· ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหนัง เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด
· สำหรับผู้ที่เป็นโรคหืด ให้ใช้ยาพ่นจมูกหรือยาพ่นทางคอ เพื่อช่วยป้องกันอาการกำเริบ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการแพ้ให้เร็วที่สุด
ก่อนที่จะเลี้ยงสัตว์อะไร ไม่ว่าจะเป็น หมา แมว นก หนู กระต่าย เราก็ควรศึกษาหาข้อมูลของสัตว์แต่ละประเภทให้ดีซะก่อน เพื่อที่เราจะได้เข้าใจธรรมชาติของสัตว์ต่างๆ เหล่านั้นและมั่นใจได้ว่าเราจะเลี้ยงเขาให้ดีและมีความสุขได้ เพราะพี่หมอเชื่อว่า เราเองก็จะได้ความสุขจากการเลี้ยงเขาด้วยเหมือนกัน
ที่สำคัญ ถ้าคิดจะเอาเขามาเลี้ยงแล้ว ก็ควรเลี้ยงด้วยความรับผิดชอบ ไม่ควรทิ้งๆขว้างๆ หรือปล่อยปละละเลยจนกลายเป็นภาระของผู้อื่นด้วยนะครับ
แล้วพบกับเรื่องราวน่ารู้จากพี่หมอได้ใหม่ในสัปดาห์หน้านะครับ 😸😸😸