สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
"แต่นางก็ไม่ยอม ฟูมฟายและขู่เราว่า ถ้านางเป็นภาระเรานัก นางจะฆ่าตัวตาย"
แล้วที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เขาไม่เรียกว่า "ภาระ" หรือครับ หนักด้วยนะนั่น ช่วยทีเป็นหมื่น ๆ เลย
ตัว จขกท. เองก็แปลกดี ตัวเองก็มี "ภาระ" ในส่วนของครอบครัวตัวเอง แต่กลับยกรายได้ไปช่วยพี่สาวแบบหมดหน้าตักเฉยซะงั้น สามีไม่ว่าบ้างหรือที่ทำแบบนั้นน่ะ
งานนี้อะไรมันจะเกิดขึ้น ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นนั่นแหละ มัวแต่ทำตัวเป็นเตี้ยอุ้มค่อม ก็คงไม่แคล้วได้พากันฉุดลงเหวไปด้วยกันหมดทั้งพี่ทั้งน้อง
แล้วที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เขาไม่เรียกว่า "ภาระ" หรือครับ หนักด้วยนะนั่น ช่วยทีเป็นหมื่น ๆ เลย
ตัว จขกท. เองก็แปลกดี ตัวเองก็มี "ภาระ" ในส่วนของครอบครัวตัวเอง แต่กลับยกรายได้ไปช่วยพี่สาวแบบหมดหน้าตักเฉยซะงั้น สามีไม่ว่าบ้างหรือที่ทำแบบนั้นน่ะ
งานนี้อะไรมันจะเกิดขึ้น ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นนั่นแหละ มัวแต่ทำตัวเป็นเตี้ยอุ้มค่อม ก็คงไม่แคล้วได้พากันฉุดลงเหวไปด้วยกันหมดทั้งพี่ทั้งน้อง
ความคิดเห็นที่ 114
เรา จขกท นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบนะคะ เราขอตอบสรุปรวมตรงนี้นะคะ
1.ทั้งหมดที่เล่าเป็นเรื่องจริงค่ะ เราไม่ได้โกหก มีบางคนสงสัยว่าทำไมข้าราชการพี่สาวเงินเดือนน้อย สองหมื่นนิดๆ โกหกหรือเปล่า จะตอบว่าพี่สาวเราเพิ่งเข้ารับราชการได้ไม่กี่ปีค่ะ ตอนซื้อบ้าน นางก็เพิ่งทำงานราชการ เงินเดือนเลยไม่มาก
2.บางคนสงสัยว่า สามีเราไม่ว่าบ้างเลยที่ส่งเงินพี่สาวขนาดนี้ ต้องบอกว่า สามีไม่รู้เรื่องนี้ว่าเราต้องส่งเสียเงินให้พี่สาวจำนวนมากๆ ทุกเดือนค่ะ เพราะเราไม่กล้าบอกสามี อีกอย่างเราใช้เงินจ๊อบส่วนตัวเราส่งเสียพี่สาวเอง(เราใช้เงินเดือนประจำเราช่วยสามีผ่อนบ้านของเราเอง+ช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านค่ะ) สามีเลยไม่รู้ เขาคิดว่าเราได้เงินจ๊อบจำนวนตรงนี้ไม่มาก เช่น หลักพัน แค่พอซื้อของใช้ส่วนตัว เขาไม่รู้ว่าเราได้เงินจากจ๊อบเป็นหมื่นๆ
เราเองก็รู้สึกผิดกับสามีตรงนี้ ต่อไปตั้งใจแล้วว่าจะไม่ช่วยพี่สาวแล้วค่ะ
3.เราตัดสินใจไปคุยกับพี่สาวอีกครั้งแล้วว่า เราไม่สามารถส่งเงินให้เขาได้อีกแล้ว เพราะเรามีภาระของครอบครัวเราเอง ตอนนี้เราช่วยให้ได้อย่างมากคือ ช่วยส่งเงินถึงแค่สิ้นปีนี้ แล้วหลังจากนี้เราจะไม่ช่วยส่งเสียเขาแล้ว (เพราะเราคาดว่าจ๊อบอาจจะปิดโครงการปลายปีนี้ ลูกค้าอาจไม่ต่อสัญญา) สาเหตุที่ยังให้เงินถึงสิ้นปี เพื่อเขาจะได้เตรียมตัวการเงิน เช่น เตรียมขายบ้าน
ตอนนี้เขาเสียงอ่อนลงแล้ว พี่สาวรับปากเราว่าจะลองคิดเรื่องขายบ้านดู แต่ระหว่างนี้เขาจะลองหาวิธีสร้างรายได้เพิ่มด้วย เผื่อจะได้ไม่ต้องขายบ้าน
เราก็บอกเขาไปว่า เราไม่คิดว่าเขาจะหาเงินได้เพิ่มหรอก และไม่ว่าจะอย่างไร เราก็จะไม่ช่วยแล้ว หากเขาจะต้องขายบ้าน หรือโดนยึดบ้าน เราก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ
4.บางคนบอกเราโง่ช่วยพี่สาวขนาดนี้ ที่ผ่านมาเรายอมรับว่าโง่ค่ะ เพราะเราก็ทนเห็นพี่สาวไม่มีเงินกินข้าว หรือไม่มีค่ารถไปทำงานไม่ได้จริงๆ ค่ะ แต่ถึงตอนนี้เราคงต้องยอมรับว่า เราช่วยเขาไม่ได้อีกแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะเราก็ไม่มีเงินจะให้แล้วจริงๆ เราต้องกลับมาดูแลครอบครัวของเราเอง
บางคอมเม้นท์บอก พี่สาวมีบุญคุณอะไรกับเราไหม เขาส่งเราเรียนหรือเปล่า ทำไมเราถึงต้องช่วยขนาดนี้ จะตอบว่า ไม่มีค่ะ เขาไม่ได้ส่งเราเรียน ไม่ได้มีบุญคุณอะไร แต่ที่ยังช่วยเขาเพราะเรารักพี่สาวค่ะ จริงๆ เราสองคนผูกพันกันมาก ประกอบกับพี่สาวเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เขาไม่ยอมรับว่าเป็น แต่เราสังเกตอาการมานานหลายปีแล้ว เลยต้องบอกว่าเขาเป็นแน่ๆ บอกให้ไปหาหมอ เขาก็ไม่ยอมไป ทำให้เราเป็นห่วงมากๆ
5.สาเหตุที่เราแนะนำให้พี่สาวขายบ้าน แล้วไปเช่าคอนโดอยู่ เพราะเราคิดว่าถ้าจะให้เขาไปซื้อคอนโดแทน เขาก็คงทำเรื่องกู้รอบนี้ไม่ผ่านหรอก เพราะเขาเครดิตเสียไปแล้ว ตอนผ่อนบ้านก็จ่ายเลท แถมมีหนี้บัตรเครดิตอีกหลายใบ สรุปว่าถึงขายบ้านแล้วไปซื้อคอนโดราคาต่ำลงมาแทน ก็คงกู้ซื้อคอนโดไม่ผ่านหรอก เราถึงต้องแนะนำให้เช่าแทน (สาเหตุที่เขากู้ซื้อบ้านผ่านรอบแรก เพราะเขาใช้ชื่อพี่สาวอีกคนกู้ร่วม แบงค์ถึงให้ผ่าน แต่พี่สาวคนนี้ออกตัวแต่แรกแล้วว่าไม่ช่วยผ่อน ไม่อยู่ด้วย เพราะเขามีบ้านของเขาแล้ว ตอนนี้พี่สาวสองคนนี้มีเรื่องบาดหมางใจกัน เลยตัดขาด ไม่คุยกันหลายปีแเล้ว)
6.บางคอมเม้นท์บอกไม่เชื่อ หาว่าเราสร้างเรื่อง ไม่เชื่อว่าเราช่วยส่งเสียพี่สาวขนาดนี้ บางคนบอกพี่สาวคงผ่อนบ้านเองมากกว่า /จะบอกว่าไม่เชื่อก็ตามใจค่ะ เราไม่ได้โกหก พูดเรื่องจริง
7.เราอาจไม่ได้มาเม้นท์ตอบอะไรอีกนะคะ เพราะเรากำลังท้อง อยากเลิกคิดเรื่องนี้แล้ว และพยายามทำใจให้สบายๆ ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกความเห็นนะคะ
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
ปล.ที่ผ่านมาล็อคอินนี้ใช้กันหลายคน บางกระทู้เราให้เพื่อนยืมล็อคอิน แต่แค่ไม่ได้เขียนระบุไว้ว่าอันไหนยืม อันไหนเราตั้งเอง บอกไว้ก่อน คนจะได้ไม่หาเรื่องว่า เราแต่งเรื่อง
ปล.ขอเพิ่มข้อความอีก เพราะมีบางเม้นท์หาว่าเราสร้างเรื่องใส่ร้ายข้าราชการ
เราพูดความจริง คุณไม่เชื่อก็ตามใจ มาหาว่าเราใส่ร้าย สร้างเรื่องขึ้นมา เราก็หมดคำพูดแล้ว
เรื่องดีเทลพี่สาวกู้บ้าน เราไม่ได้ลงดีเทลลึกแต่แรก เพราะเราขี้เกียจบอกรายละเอียดหมด เพราะเราเห็นว่าไม่ได้จำเป็น แต่คุณกลับมาจี้ให้เราบอก เพราะหาว่าเราโกหก เราบอกได้แค่ว่า พี่สาวกู้ร่วมกับพี่สาวอีกคนแหล่ะ เพราะตอนนางทำเรื่องกู้ เราเคยเห็นนางไปขอเอกสารการเงินบริษัทของพี่สาวคนที่ช่วยเอาชื่อกู้ร่วมมายื่นกับแบงค์ (พี่สาวคนนี้มีธุรกิจส่วนตัว มีบริษัทส่วนตัว) ตอนนั้นเราเลยอ๋อ พี่สาวคนนี้เอาชื่อช่วยกู้ด้วย เรายังบอกสองคนนั้นเลยว่า จะซื้อบ้านจริงๆ เหรอ นางผ่อนไม่ไหวหรอก ตอนนั้นพี่สาวสองคนยังหันมาด่าเราว่า ยิ้ม บ้านของเขา อย่าไปยุ่ง เราเลยโกรธจนเงียบไปเลย
คุณสงสัยว่า เป็นพี่น้องกัน ดูแปลกๆ ที่ไม่รู้รายละเอียดการกู้บ้างเหรอ จะตอบว่า เราหน่ายใจเรื่องนี้ จนไม่อยากพูดเรื่องนี้กับนาง แถมพอทำท่าจะพูดเรื่องนี้ นางก็ดราม่าเรื่องไม่มีเงินผ่อนบ้านและทำท่าเครียดจนไม่อยากพูด จนเราหมดกระจิตกระใจจะถามดีเทลลึกๆ (นางมีอาการประสาทอ่อนๆ ถ้าพูดไรไม่เข้าหู นางก็จะอาละวาดทันที)
ประเด็นคุณบอก ข้าราชการอย่างพี่สาวน่ามีเพื่อนทุกระดับ เขาจะไม่ปรึกษาใครเลยเหรอ? คำตอบคือ แต่ไหนแต่ไรพี่สาวเราเข้ากับคนที่ทำงานไม่ได้ เพราะนิสัยเขาแปลกๆ เขาจึงไม่มีเพื่อนสนิทเลย แค่มีคุยผ่านๆ เท่านั้น (มีแต่ศัตรูมากกว่า) ดังนั้นเขาจะไปปรึกษาใครได้
เรื่องของเรื่อง เรารักพี่สาวมากไปและโง่เกินไป พอเราช่วยเขา คุณก็ไม่เชื่อ หาว่าเราช่วยไม่มีทีมาทีไป หาว่าเราหนักไปกว่านั้น หาว่าเราใส่ร้ายคนอาชีพข้าราชการ อันนี้มันเกินไปล่ะ เราไม่ได้ใส่ร้ายสักหน่อย คุณก็คิดเอาเอง
ส่วนเรื่องที่บางคนบอกว่า ไม่เชื่อว่าพี่สาวมีแบล็กลิสต์ เพราะไม่งั้นคงโดนยึดบ้านไปแล้ว ทำไมแนะนำให้พี่สาวเช่าคอนโด /จะบอกว่า พี่สาวเรามีหนี้บัตรเครดิตสองใบ (จ่ายสองใบเดือนล่ะหมื่น นางใช้บัตรตอนหมุนเงินไม่ทัน) ตอนนี้อยู่ในขั้นการทำเรื่องประนอมหนี้บัตรเครดิตกับแบงค์อยู่ ที่ผ่านมา นางหมุนเงินไม่ทัน ก็ใช้บัตรรูด จนบางเดือนจ่ายบัตรไม่ไหว ไม่ทัน ทำให้แบงค์ขู่จะฟ้อง และให้นางต้องทำเรื่องประนอมหนี้ และต้องรีบจ่ายบัตรเงินบัตรเครดิตทุกเดือนให้หมดไวๆ นี่เองจึงเป็นที่มา ที่เราบอกว่า ถึงนางไปซื้อคอนโดใหม่ก็คงยาก เพราะเครดิตไม่ดี
สรุป ไม่เชื่อก็ตามใจนะ เราพูดความจริงทุกอย่างแล้ว และเราจะไม่เข้ามาเถียงอะไรอีกแล้วด้วย เราพอล่ะ เหนื่อย เราจะหยุดตอบเม้นท์แล้วนะ ใครไม่เชื่อก็ตามใจ เบื่อจะตอบ เบื่อจะอธิบาย
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบนะคะ เราขอตอบสรุปรวมตรงนี้นะคะ
1.ทั้งหมดที่เล่าเป็นเรื่องจริงค่ะ เราไม่ได้โกหก มีบางคนสงสัยว่าทำไมข้าราชการพี่สาวเงินเดือนน้อย สองหมื่นนิดๆ โกหกหรือเปล่า จะตอบว่าพี่สาวเราเพิ่งเข้ารับราชการได้ไม่กี่ปีค่ะ ตอนซื้อบ้าน นางก็เพิ่งทำงานราชการ เงินเดือนเลยไม่มาก
2.บางคนสงสัยว่า สามีเราไม่ว่าบ้างเลยที่ส่งเงินพี่สาวขนาดนี้ ต้องบอกว่า สามีไม่รู้เรื่องนี้ว่าเราต้องส่งเสียเงินให้พี่สาวจำนวนมากๆ ทุกเดือนค่ะ เพราะเราไม่กล้าบอกสามี อีกอย่างเราใช้เงินจ๊อบส่วนตัวเราส่งเสียพี่สาวเอง(เราใช้เงินเดือนประจำเราช่วยสามีผ่อนบ้านของเราเอง+ช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านค่ะ) สามีเลยไม่รู้ เขาคิดว่าเราได้เงินจ๊อบจำนวนตรงนี้ไม่มาก เช่น หลักพัน แค่พอซื้อของใช้ส่วนตัว เขาไม่รู้ว่าเราได้เงินจากจ๊อบเป็นหมื่นๆ
เราเองก็รู้สึกผิดกับสามีตรงนี้ ต่อไปตั้งใจแล้วว่าจะไม่ช่วยพี่สาวแล้วค่ะ
3.เราตัดสินใจไปคุยกับพี่สาวอีกครั้งแล้วว่า เราไม่สามารถส่งเงินให้เขาได้อีกแล้ว เพราะเรามีภาระของครอบครัวเราเอง ตอนนี้เราช่วยให้ได้อย่างมากคือ ช่วยส่งเงินถึงแค่สิ้นปีนี้ แล้วหลังจากนี้เราจะไม่ช่วยส่งเสียเขาแล้ว (เพราะเราคาดว่าจ๊อบอาจจะปิดโครงการปลายปีนี้ ลูกค้าอาจไม่ต่อสัญญา) สาเหตุที่ยังให้เงินถึงสิ้นปี เพื่อเขาจะได้เตรียมตัวการเงิน เช่น เตรียมขายบ้าน
ตอนนี้เขาเสียงอ่อนลงแล้ว พี่สาวรับปากเราว่าจะลองคิดเรื่องขายบ้านดู แต่ระหว่างนี้เขาจะลองหาวิธีสร้างรายได้เพิ่มด้วย เผื่อจะได้ไม่ต้องขายบ้าน
เราก็บอกเขาไปว่า เราไม่คิดว่าเขาจะหาเงินได้เพิ่มหรอก และไม่ว่าจะอย่างไร เราก็จะไม่ช่วยแล้ว หากเขาจะต้องขายบ้าน หรือโดนยึดบ้าน เราก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ
4.บางคนบอกเราโง่ช่วยพี่สาวขนาดนี้ ที่ผ่านมาเรายอมรับว่าโง่ค่ะ เพราะเราก็ทนเห็นพี่สาวไม่มีเงินกินข้าว หรือไม่มีค่ารถไปทำงานไม่ได้จริงๆ ค่ะ แต่ถึงตอนนี้เราคงต้องยอมรับว่า เราช่วยเขาไม่ได้อีกแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะเราก็ไม่มีเงินจะให้แล้วจริงๆ เราต้องกลับมาดูแลครอบครัวของเราเอง
บางคอมเม้นท์บอก พี่สาวมีบุญคุณอะไรกับเราไหม เขาส่งเราเรียนหรือเปล่า ทำไมเราถึงต้องช่วยขนาดนี้ จะตอบว่า ไม่มีค่ะ เขาไม่ได้ส่งเราเรียน ไม่ได้มีบุญคุณอะไร แต่ที่ยังช่วยเขาเพราะเรารักพี่สาวค่ะ จริงๆ เราสองคนผูกพันกันมาก ประกอบกับพี่สาวเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เขาไม่ยอมรับว่าเป็น แต่เราสังเกตอาการมานานหลายปีแล้ว เลยต้องบอกว่าเขาเป็นแน่ๆ บอกให้ไปหาหมอ เขาก็ไม่ยอมไป ทำให้เราเป็นห่วงมากๆ
5.สาเหตุที่เราแนะนำให้พี่สาวขายบ้าน แล้วไปเช่าคอนโดอยู่ เพราะเราคิดว่าถ้าจะให้เขาไปซื้อคอนโดแทน เขาก็คงทำเรื่องกู้รอบนี้ไม่ผ่านหรอก เพราะเขาเครดิตเสียไปแล้ว ตอนผ่อนบ้านก็จ่ายเลท แถมมีหนี้บัตรเครดิตอีกหลายใบ สรุปว่าถึงขายบ้านแล้วไปซื้อคอนโดราคาต่ำลงมาแทน ก็คงกู้ซื้อคอนโดไม่ผ่านหรอก เราถึงต้องแนะนำให้เช่าแทน (สาเหตุที่เขากู้ซื้อบ้านผ่านรอบแรก เพราะเขาใช้ชื่อพี่สาวอีกคนกู้ร่วม แบงค์ถึงให้ผ่าน แต่พี่สาวคนนี้ออกตัวแต่แรกแล้วว่าไม่ช่วยผ่อน ไม่อยู่ด้วย เพราะเขามีบ้านของเขาแล้ว ตอนนี้พี่สาวสองคนนี้มีเรื่องบาดหมางใจกัน เลยตัดขาด ไม่คุยกันหลายปีแเล้ว)
6.บางคอมเม้นท์บอกไม่เชื่อ หาว่าเราสร้างเรื่อง ไม่เชื่อว่าเราช่วยส่งเสียพี่สาวขนาดนี้ บางคนบอกพี่สาวคงผ่อนบ้านเองมากกว่า /จะบอกว่าไม่เชื่อก็ตามใจค่ะ เราไม่ได้โกหก พูดเรื่องจริง
7.เราอาจไม่ได้มาเม้นท์ตอบอะไรอีกนะคะ เพราะเรากำลังท้อง อยากเลิกคิดเรื่องนี้แล้ว และพยายามทำใจให้สบายๆ ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกความเห็นนะคะ
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
ปล.ที่ผ่านมาล็อคอินนี้ใช้กันหลายคน บางกระทู้เราให้เพื่อนยืมล็อคอิน แต่แค่ไม่ได้เขียนระบุไว้ว่าอันไหนยืม อันไหนเราตั้งเอง บอกไว้ก่อน คนจะได้ไม่หาเรื่องว่า เราแต่งเรื่อง
ปล.ขอเพิ่มข้อความอีก เพราะมีบางเม้นท์หาว่าเราสร้างเรื่องใส่ร้ายข้าราชการ
เราพูดความจริง คุณไม่เชื่อก็ตามใจ มาหาว่าเราใส่ร้าย สร้างเรื่องขึ้นมา เราก็หมดคำพูดแล้ว
เรื่องดีเทลพี่สาวกู้บ้าน เราไม่ได้ลงดีเทลลึกแต่แรก เพราะเราขี้เกียจบอกรายละเอียดหมด เพราะเราเห็นว่าไม่ได้จำเป็น แต่คุณกลับมาจี้ให้เราบอก เพราะหาว่าเราโกหก เราบอกได้แค่ว่า พี่สาวกู้ร่วมกับพี่สาวอีกคนแหล่ะ เพราะตอนนางทำเรื่องกู้ เราเคยเห็นนางไปขอเอกสารการเงินบริษัทของพี่สาวคนที่ช่วยเอาชื่อกู้ร่วมมายื่นกับแบงค์ (พี่สาวคนนี้มีธุรกิจส่วนตัว มีบริษัทส่วนตัว) ตอนนั้นเราเลยอ๋อ พี่สาวคนนี้เอาชื่อช่วยกู้ด้วย เรายังบอกสองคนนั้นเลยว่า จะซื้อบ้านจริงๆ เหรอ นางผ่อนไม่ไหวหรอก ตอนนั้นพี่สาวสองคนยังหันมาด่าเราว่า ยิ้ม บ้านของเขา อย่าไปยุ่ง เราเลยโกรธจนเงียบไปเลย
คุณสงสัยว่า เป็นพี่น้องกัน ดูแปลกๆ ที่ไม่รู้รายละเอียดการกู้บ้างเหรอ จะตอบว่า เราหน่ายใจเรื่องนี้ จนไม่อยากพูดเรื่องนี้กับนาง แถมพอทำท่าจะพูดเรื่องนี้ นางก็ดราม่าเรื่องไม่มีเงินผ่อนบ้านและทำท่าเครียดจนไม่อยากพูด จนเราหมดกระจิตกระใจจะถามดีเทลลึกๆ (นางมีอาการประสาทอ่อนๆ ถ้าพูดไรไม่เข้าหู นางก็จะอาละวาดทันที)
ประเด็นคุณบอก ข้าราชการอย่างพี่สาวน่ามีเพื่อนทุกระดับ เขาจะไม่ปรึกษาใครเลยเหรอ? คำตอบคือ แต่ไหนแต่ไรพี่สาวเราเข้ากับคนที่ทำงานไม่ได้ เพราะนิสัยเขาแปลกๆ เขาจึงไม่มีเพื่อนสนิทเลย แค่มีคุยผ่านๆ เท่านั้น (มีแต่ศัตรูมากกว่า) ดังนั้นเขาจะไปปรึกษาใครได้
เรื่องของเรื่อง เรารักพี่สาวมากไปและโง่เกินไป พอเราช่วยเขา คุณก็ไม่เชื่อ หาว่าเราช่วยไม่มีทีมาทีไป หาว่าเราหนักไปกว่านั้น หาว่าเราใส่ร้ายคนอาชีพข้าราชการ อันนี้มันเกินไปล่ะ เราไม่ได้ใส่ร้ายสักหน่อย คุณก็คิดเอาเอง
ส่วนเรื่องที่บางคนบอกว่า ไม่เชื่อว่าพี่สาวมีแบล็กลิสต์ เพราะไม่งั้นคงโดนยึดบ้านไปแล้ว ทำไมแนะนำให้พี่สาวเช่าคอนโด /จะบอกว่า พี่สาวเรามีหนี้บัตรเครดิตสองใบ (จ่ายสองใบเดือนล่ะหมื่น นางใช้บัตรตอนหมุนเงินไม่ทัน) ตอนนี้อยู่ในขั้นการทำเรื่องประนอมหนี้บัตรเครดิตกับแบงค์อยู่ ที่ผ่านมา นางหมุนเงินไม่ทัน ก็ใช้บัตรรูด จนบางเดือนจ่ายบัตรไม่ไหว ไม่ทัน ทำให้แบงค์ขู่จะฟ้อง และให้นางต้องทำเรื่องประนอมหนี้ และต้องรีบจ่ายบัตรเงินบัตรเครดิตทุกเดือนให้หมดไวๆ นี่เองจึงเป็นที่มา ที่เราบอกว่า ถึงนางไปซื้อคอนโดใหม่ก็คงยาก เพราะเครดิตไม่ดี
สรุป ไม่เชื่อก็ตามใจนะ เราพูดความจริงทุกอย่างแล้ว และเราจะไม่เข้ามาเถียงอะไรอีกแล้วด้วย เราพอล่ะ เหนื่อย เราจะหยุดตอบเม้นท์แล้วนะ ใครไม่เชื่อก็ตามใจ เบื่อจะตอบ เบื่อจะอธิบาย
ความคิดเห็นที่ 2
ข้าราชการที่จมไม่ลง. เงินเดือน2หมื่นกู้เงินซื้อบ้านหลัง3ล้าน หน้าใหญ่ เอาแต่ใจ งก เห็นแก่ตัว
ถึงไม่มี. ผัว ไง ไม่มีผู้ชายมาเอา
คุยกันด้วยเหตด้วยผลแล้ว. ก็ยังไม่เข้าใจ. ก็ปล่อยเขาค่ะ จะฆ่าตัวตายก็ขีวิตเขาค่ะ. แต่คนแบบพี่สาวคุณไม่ฆ่าตัวตายหรอกชื่อเถอะ
ตอนที่คุณยังเรียน พี่สาวคุณเป็นคนส่งเสียให้คุณเรียนหรือเปล่า. เขาถึงให้คุณส่งเงินให้เขาทุกเดือน
ถึงไม่มี. ผัว ไง ไม่มีผู้ชายมาเอา
คุยกันด้วยเหตด้วยผลแล้ว. ก็ยังไม่เข้าใจ. ก็ปล่อยเขาค่ะ จะฆ่าตัวตายก็ขีวิตเขาค่ะ. แต่คนแบบพี่สาวคุณไม่ฆ่าตัวตายหรอกชื่อเถอะ
ตอนที่คุณยังเรียน พี่สาวคุณเป็นคนส่งเสียให้คุณเรียนหรือเปล่า. เขาถึงให้คุณส่งเงินให้เขาทุกเดือน
แสดงความคิดเห็น
ทำไงดี พี่สาวขู่ว่าถ้าไม่ช่วยเขาผ่อนบ้าน จะฆ่าตัวตาย(บ้านเขาซื้ออยู่คนเดียว เราไม่ได้อยู่ด้วย)
เรามีพี่สาวคนนึง อายุ 39 ปี เป็นโสด(คิดว่าคงไม่ได้แต่งงานแล้วล่ะ) เขาทำเรื่องซื้อบ้านผ่านและผ่อนมาได้5 -6 ปีแล้ว แต่แรกเขาซื้อและอยู่คนเดียว เราเคยท้วงเขาแต่แรกว่าจะซื้อไหวเหรอ เพราะเงินเดือนเขาเท่ากับค่าผ่อนบ้านเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้กินอยู่ เราไม่มาอยู่กับเขานะ และเราไม่ช่วยผ่อนด้วยแต่เขาก็บอกว่าจะซื้อ ถ้าเงินไม่พอก็จะหารายได้พิเศษเอา
สาเหตุที่ต้องให้เงินเขาทุกเดือน เพราะพี่สาวไม่มีเงินใช้ เงินเดือนเขาก็ส่งผ่อนบ้านหมด เลยไม่มีเงินใช้กินอยู่เลย ภาระเรามาตกอยู่ที่เรา ทั้งที่เราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกับเขา แต่จะไม่ช่วยก็ไม่ได้ เพราะนางขู่ตลอดว่า ถ้านางถูกยึดบ้าน นางทนขายขี้หน้าไม่ได้ นางทนเสียบ้านไปไม่ได้ ถ้าเสียบ้านไป หรือโดนยึดบ้าน เพราะไม่มีเงินผ่อน นางจะฆ่าตัวตาย.. นี่เองเป็นสาเหตุที่เราต้องส่งเสียเงินให้นางทุกเดือนมาหลายปี
จะบอกว่าเราก็ไม่ได้มีเงิน เงินที่เราให้พี่สาว คือ เงินจ๊อบพิเศษของเรา (เป็นงานเขียนออนไลน์) เรายกเงินจ๊อบทั้งหมดที่หามาได้ให้พี่สาว (แม้กระทั่งบางช่วงเราตกงาน เราไม่มีเงินจากงานประจำ เราก็ยังต้องเอาเงินจ๊อบนี้ส่งเสียให้พี่สาวทุกเดือน ส่วนเราก็ไปอาศัยเกาะสามีกิน ขอเงินสามีใช้แทน )
จนตอนนี้เราตั้งครรภ์ คิดว่าพอต้นปีหน้าลูกคลอดมา คงต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก ไม่ได้ทำงานประจำ เราคงไม่มีเงินใช้ แล้วที่สำคัญไม่แน่ใจว่าถึงตอนนั้นจะยังมีงานจ๊อบพิเศษอีกไหม ประเด็นคือ ถ้าลูกค้าไม่เลิกงานจ๊อบพิเศษ เราคงยกเงินตรงนี้ให้พี่สาวได้ แต่เรากลัวว่ารายไ้ด้นี้ไม่แน่นอน ถ้าลูกค้าเลิกจ๊อบพิเศษตรงนี้ เราคงไม่มีเงินส่งเสียพี่สาว เราไม่ได้ทำงานประจำ เราจะเอาเงินที่ไหนมาใ้ห้พี่สาว
อีกอย่างมาคิดดูว่า เราคงไม่สามารถช่วยส่งพี่สาวได้ไปอีกตลอด20ปีจนผ่อนบ้านหมด เพราะเราก็ต้องมีลูก ต้องใช้เงินสร้างครอบครัวเราเอง
พอไปบอกพี่สาวให้ขายบ้านเถอะ แล้วไปเช่าคอนโดดีๆ ค่าเช่าคอนโดอาจหมื่นนึง ยังเหลือเงินหมื่นนึงไว้กินใช้ พอเกษียณราชการก็ย้ายไปอยู่บ้านของครอบครัวเราที่ต่างจังหวัดได้
แต่นางก็ไม่ยอม ฟูมฟายและขู่เราว่า ถ้านางเป็นภาระเรานัก นางจะฆ่าตัวตาย
เราเลยกลุ้มใจมาก ถามทุกคนว่าควรทำยังไงคะ เพราะเราก็ช่วยเขาไม่ไหวแล้ว เราเครียดที่พี่สาวกดดันให้ช่วยส่งเงินให้เขาทุกเดือน ทั้งที่เราก็จะไม่มีเงินใช้ ไม่มีเงินเก็บเลย