คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
- มองบ้านที่อาจจะห่างเมืองออกไปอีกสักหน่อย ราคาจะถูกลง แต่จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น
- ปัจจุบัน จขกท. มีการใช้บัตรเครดิตบ้างหรือไม่ จ่ายตรง จ่ายครบไหม ตรงนี้จะเป็นฐานในการพิจารณาของธนาคาร เพื่อดูวินัยทางการเงินว่าเป็นหนี้แล้วใช้ตามกำหนด (ถ้ายังไม่มี ก็ทำซะ แต่ใช้น้อยๆ จ่ายให้ครบ จ่ายให้ตรง อย่าจ่ายแต่ขั้นต่ำ)
- เริ่มเก็บเงินเพื่อเป็นเงินดาวน์ และเงินใช้ฉุกเฉินไว้ได้แล้ว
- ถ้าบ้านเดี่ยวสู้ราคาไม่ไหว ให้มองพวกทาวน์โฮมหลังมุม/หลังริม หรือพวกบ้านแฝด
- เรื่องไปอยู่ต่างจังหวัด ถ้าไม่มีความผูกพันใดๆ ก็ช่างเถอะ แต่พอเข้าใจได้ว่าแม่ จขกท อาจมีความผูกพัน
- เรื่องงาน ลองดูว่าถ้ามีโอกาสเปลี่ยนบริษัท/เปลี่ยนงาน อาจได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น อยู่บริษัทเดิมนานๆ เงินเดือนไม่มีทางขึ้นแบบก้าวกระโดดหรอกครับ ต้องย้ายงาน ถึงจะปรับเงินเดือนได้ราวๆ 30%
- อยากบอกว่า ตอนเริ่มซื้อ ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ เลือกให้ถูกใจที่สุด กัดฟันซื้อให้แพงที่สุดเท่าที่จะไหว (ผ่อนต่อเดือนราวๆ 25-30% ของเงินเดือน) เพราะนานๆ ไปพอเงินเดือนเรามากขึ้น สัดส่วนที่ต้องผ่อนต่อเงินเดือนจะเบาลง (ตอนผมซื้อบ้านเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ค่าผ่อนบ้านคิดเป็นราวๆ 35% ของเงินเดือน ตอนนี้คิดเป็นประมาณ 25% ของเงินเดือน)
- เก็บเงินโปะหนี้ โดยเฉพาะช่วงที่ดอกเบี้ยยังต่ำ จะลดระยะเวลาในการผ่อนได้
- อย่าหวังว่าจะให้น้องกู้ร่วมแล้วมาช่วยกันผ่อน ชีวิตใครชีวิตมัน แต่ถ้าน้องจะมาอยู่บ้านด้วยกัน ก็อบอุ่นดี ถ้าเขาจะช่วยค่าใช้จ่ายก็ให้คิดว่าเป็นน้ำใจจากเขา ซึ่งก็แล้วแต่นิสัยน้องคุณนะ
- ตอนนี้คุณเพิ่งอายุ 25 ยังมีเวลาที่ชีวิตจะผันแปรอีกเยอะ เก็บเงินไปก่อน อย่าเพิ่งสร้างหนี้ใหญ่ เผื่อเกิดมีแฟน-แต่งงานความคิดคุณอาจจะเปลี่ยนไป ถ้าจะมีก็เลือกให้ดีๆ กว่าผมจะซื้อบ้าน+แต่งงานก็เข้าไป 35-36 แล้ว
- ปัจจุบัน จขกท. มีการใช้บัตรเครดิตบ้างหรือไม่ จ่ายตรง จ่ายครบไหม ตรงนี้จะเป็นฐานในการพิจารณาของธนาคาร เพื่อดูวินัยทางการเงินว่าเป็นหนี้แล้วใช้ตามกำหนด (ถ้ายังไม่มี ก็ทำซะ แต่ใช้น้อยๆ จ่ายให้ครบ จ่ายให้ตรง อย่าจ่ายแต่ขั้นต่ำ)
- เริ่มเก็บเงินเพื่อเป็นเงินดาวน์ และเงินใช้ฉุกเฉินไว้ได้แล้ว
- ถ้าบ้านเดี่ยวสู้ราคาไม่ไหว ให้มองพวกทาวน์โฮมหลังมุม/หลังริม หรือพวกบ้านแฝด
- เรื่องไปอยู่ต่างจังหวัด ถ้าไม่มีความผูกพันใดๆ ก็ช่างเถอะ แต่พอเข้าใจได้ว่าแม่ จขกท อาจมีความผูกพัน
- เรื่องงาน ลองดูว่าถ้ามีโอกาสเปลี่ยนบริษัท/เปลี่ยนงาน อาจได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น อยู่บริษัทเดิมนานๆ เงินเดือนไม่มีทางขึ้นแบบก้าวกระโดดหรอกครับ ต้องย้ายงาน ถึงจะปรับเงินเดือนได้ราวๆ 30%
- อยากบอกว่า ตอนเริ่มซื้อ ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ เลือกให้ถูกใจที่สุด กัดฟันซื้อให้แพงที่สุดเท่าที่จะไหว (ผ่อนต่อเดือนราวๆ 25-30% ของเงินเดือน) เพราะนานๆ ไปพอเงินเดือนเรามากขึ้น สัดส่วนที่ต้องผ่อนต่อเงินเดือนจะเบาลง (ตอนผมซื้อบ้านเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ค่าผ่อนบ้านคิดเป็นราวๆ 35% ของเงินเดือน ตอนนี้คิดเป็นประมาณ 25% ของเงินเดือน)
- เก็บเงินโปะหนี้ โดยเฉพาะช่วงที่ดอกเบี้ยยังต่ำ จะลดระยะเวลาในการผ่อนได้
- อย่าหวังว่าจะให้น้องกู้ร่วมแล้วมาช่วยกันผ่อน ชีวิตใครชีวิตมัน แต่ถ้าน้องจะมาอยู่บ้านด้วยกัน ก็อบอุ่นดี ถ้าเขาจะช่วยค่าใช้จ่ายก็ให้คิดว่าเป็นน้ำใจจากเขา ซึ่งก็แล้วแต่นิสัยน้องคุณนะ
- ตอนนี้คุณเพิ่งอายุ 25 ยังมีเวลาที่ชีวิตจะผันแปรอีกเยอะ เก็บเงินไปก่อน อย่าเพิ่งสร้างหนี้ใหญ่ เผื่อเกิดมีแฟน-แต่งงานความคิดคุณอาจจะเปลี่ยนไป ถ้าจะมีก็เลือกให้ดีๆ กว่าผมจะซื้อบ้าน+แต่งงานก็เข้าไป 35-36 แล้ว
แสดงความคิดเห็น
อายุ 25 อยากมีบ้านในอนาคต แต่........
หากสำนวนการเขียนไม่ไพเราะเสนาะหู หรือมีข้อบกพร่องประการใด ให้อภัยเค้าด้วยน้าาา
เริ่มจากปัจจุบัน จขก อายุ 25 และเริ่มมีความคิดเรื่องการมีบ้านอย่างจริงจัง
ส่วนตัวมีภาระคือ หนี้ กยส.........ซึ่งอาจจะไม่นับเพราะเป็นหนี้เบา
แต่ภาระด้านอื่นๆที่มีตอนนี้ คือ ส่งน้องเรียน ซึ่งอีกไม่ถึงปีก็จะจบแล้ว
จึงเป็นสาเหตุให้เริ่มจริงจังในการวางแผนมีบ้านในอนาคตค่ะ
ปัจจุบันจขก พักอยู่ใน กทม โดยเงินเดือนโดยรวมอยู่ที่ 30k
ยิ่งมาเจอช่วงวิกฤตโควิด งานเริ่มเปลี่ยนไปอีก ไม่ได้ทำงานเดิมแล้ว TT
แต่มองไประยะไกล 2-3 ปีข้างหน้าค่ะ ถ้าเกิดทำงานต่ออีกสัก 1-2 ปีเพื่อการยื่นกู้ ก็อาจจะได้
แต่ ปัญหาหลักที่ทำให้คิดมากก็คือ เนื่องจากมรดกของ จขก นั้น ไม่มีเลย ไม่มีที่ ไม่มีบ้าน
และคุณแม่ที่อายุย่าง 60 ท่านอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองมากๆ เราก็เข้าใจเพราะตลอดชีวิตท่านก็ทำงานเหนื่อยเพื่อเรามาโดยตลอด
แต่ด้วยความที่ตัว จขก เอง ไม่คิดจะกลับไปทำงานที่บ้าน
(ไม่มีญาติที่นั่น ไม่มีอาชีพที่มั่นคงให้ทำเท่าที่ กทม ไม่มีมรดกตกทอดที่นั่น)
เลยเป็นเหตุที่ทำให้อยากได้บ้านที่อยู่แถวๆกทม. ซึ่งอาจจะชานเมืองหน่อย
จริงๆส่วนตัวแล้ว เคยคิดจะซื้อคอนโดไปเลย เพราะเงินดาวน์ รวมไปถึงการผ่อนจ่าย
ถ้าไม่ได้ส่งน้องแล้ว ก็จ่ายสบายๆ (ปัจจุบันก็อยู่คอนโด)
แต่ด้วยความที่ว่า คุณแม่ก็อยากอยู่บ้าน ท่านไม่อยากอยู่ห้องสี่เหลี่ยม แบบคอนโด
และเราก็ไม่อยากให้ท่านอยู่บ้านที่ ตจว คนเดียวหลังจากน้องจบด้วย (ตอนนี้บ้านที่แม่อยู่เช่าอยู่คนเดียวค่ะ)
เราเลยเริ่มเครียดว่า อาจจะต้องมีบ้านแทนคอนโดจริงๆ
แต่ก็คิดไม่ตก เพราะศักยภาพอย่างเราจะสามารถผ่อนบ้านใน กทม หลังละ 4 5 ล้าน ซึ่งอาจจะเพิ่มราคาขึ้นไปอีกใน 3 4 ปีข้างหน้าได้รึเปล่า
ถ้าไม่ซื้อบ้าน แล้วจะต้องจัดการกับความเป็นอยู่ของคุณแม่ได้ยังไง
เพื่อนๆ พี่ๆ มีความคิดเห็นยังไงบ้าง ช่วยแนะนำเป็นแนวทางให้ทีค่ะ หรือรายละเอียดตรงไหนที่ไม่ชัดเจน ชี้แนะด้วยนะคะ
เราอยากได้ไอเดียเพิ่มเติม เพื่อวางแผน และสร้างเป้าหมายให้มันชัดกว่านี้