เพิ่งไป เขาหลวง สุโขทัยมา เมื่อวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2563 เราเดินทางจากลพบุรี เพื่อนอีก 3 คน มาจากสระบุรี เราเดินทางคืนวันเสาร์ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชม.
ระยะทางเดินขึ้นเขาประมาณ 3.7 km.
การเดินเขาครั้งนี้ นับว่ามีอุปสรรคที่มากมายพอตัว
เริ่มจากอุปสรรค อันแรกคือ สมาชิกที่ตกลงว่าจะไปกัน 5 คน แต่มีภาระกิจด่วน เลยของถอนตัว ซึ่งถอนตัวก่อนจะไปแค่ 5 วัน นั่นไง เราก็กลับมาถามตัวเองว่า เราจะไปดีไหม ถอนตัวดีไหม แต่ แต่ แต่ ถ้าไม่ไป ก็แทบจะหาโอกาสไปยากแล้วนะ ไม่ลองก็ไม่รู้
อุปสรรคที่สองคือ น้ำบนเขาไม่ไหล ไม่มีน้ำอาบ ไม่มีน้ำในห้องส้วม นั่นไง นั่นไง เราเป็นคนที่เข้าห้องน้ำบ่อยมาก อันนี้ถือเป็นเป็นอุปสรรคเราคนเดียวเนอะ อุปสรรคที่สาม อาจจะเป็นเพราะวันหยุดยาว ติดต่อกันหลายวัน เลยทำให้เรา ลงทะเบียนเข้าอุทยาน จำนวน 200 คน ไม่ได้!!! เอาแล้วไง ทำไงดี แต่ แต่ อุทยานรับ walk in เพิ่มอีก 60 คน ใช่ค่ะ มันคือความหวัง มันคือแสงสว่างที่เราต้องเสี่ยง เพื่อเป็น 1 ใน 60 คนนั้น ให้จงได้ เราออกจากลพบุรี เกือบๆ เที่ยงคืน ไปถึงอุทยานรามคำแหงประมาณ ตี 4 กว่า ซึ่งพอเราไปถึง ใช่ค่ะ เราไม่ใช่กลุ่มแรกที่ไปถึง มีคนอยู่อีกหลายกลุ่ม บางกลุ่มมากางเต้นท์ นอนรอเนื่องจากเมื่อวาน walk in ไม่ทัน พอไปถึงก็ได้มีการพูดคุยกับเพื่อนร่วมชะตากรรมที่นั่งรอ มีถามที่มาที่ไปของแต่ละคน สักพัก จนท.อุทยานก็เปิดให้รับให้ลงทะเบียนเข้าได้ในเวลาตี 5.30 น. เราก็แลกบัตรประชาชน ลงชื่อ แล้วไปจ่ายค่าเข้าอุทยาน 40 บาท/คน รถยนต์ 40 บ./คัน จากนั้นก็ขับรถเข้าไปในอุทยานเพื่อรอลงทะเบียนขึ้นเขา และจ้างลูกหาบ ซึ่งจนท.รับลงทะเบียน จะมาตอน 8 โมงเช้า จุดนี้ เราจะต้องจ่ายค่ากางเต้นท์ 40 บาท/คน ค่ามัดจำขยะ 200 บาท/กลุ่ม หากใครที่จะเช่าเต้นท์ เช่าที่รองนอน เช่าถุงนอน ฯลฯ แจ้งที่นี้ได้เลยนะคะ แต่กลุ่มเราแบกไปกันเองค่ะ ส่วนลูกหาบเราก็ไปเข้าคิว ชั่งน้ำหนัก ของที่เราจ้างลูกหาบจะเป็นน้ำดื่ม (น้ำข้างบนน้ำสิงห์ขวดเล็ก 7 บ.ราคา 35 บ. น้ำอัดลมกระป๋อง 35 บ. แต่ก็ถือว่ากว่าจะแบกขึ้นไปได้ก็ถือว่าราคาเหมาะสมค่ะ)และของสดที่จะทำกับข้าวรวมถึงเต้นท์ด้วย รวมๆแล้วประมาณ 28 กิโล ที่นี้เขาคิดค่าหาบ 25 บ./กิโล ก็ไม่ถือว่าแพงมากถ้าเทียบกับความชัน เมื่อทุกอย่างพร้อม ของพร้อม คนก็เหมือนจะพร้อม งั้นเราไปเลย
กระเป๋าหนัก 10 กว่าโล ทุกคน ตอนแรกลังเลว่าจะจ้างลูกหาบหมดเลยไหม กระเป๋าเรา แต่พอคิดไปอีกที อยากสนุก อยากลอง อยากรู้ว่าเราจะทำได้ไหม เลยแบกกระเป๋าเอง เป็นไงละ จุดแรกก็ยังตื่นเต้นอยู่
จากนั้นเราก็เดินขึ้นตามเส้นทางนี้ เราสามารถเลือกไม้ค้ำไปด้วยเลย เลือกที่เหมาะกับเราเพราะไม้ค้ำช่วยเราได้เยอะ เพราะต้องใช้พยุงตัวเวลาก้าวเท้าขึ้นเขา เนื่องด้วยทางลาดชัน ทำให้ขาหมดแรง ไม้ค้ำนี้ก็เป็นประโยชน์ขาลงก็เช่นกัน เริ่มกันเลยนะคะ
เราเดินมาเรื่อยๆ เราเริ่มขึ้นประมาณ 7 โมงเช้า
เส้นทางช่วง 1 กิโลแรก เส้นทางจะเป็นประมาณนี้
สภาพของแต่ละคนเหงื่อท่วมตัว แต่เจอกล้องอ่ะเนอะ ต้องร่าเริงไว้
เราเดินตามลูกหาบมา ก็คุยกันมาเรื่อยๆระหว่างทาง
เรารู้สึกว่าเดินมานานแล้ว อาจจะเพราะเส้นทางที่ชัน
เราเลยหันไปถามลูกหาบว่า เราเดินมาได้กี่กิโลแล้วคะ พี่ลูกหาบตอบว่า ยังไม่ถึงกิโลเลยน้อง
เราถึงกับร้อง ห๊ะ!! เพราะจุดพักแรกคือ กิโลเมตรที่ 1 ต้นประดู่ใหญ่ ซึ่งเรายังเดินไม่ถึง!!
จุดนี้เป็นจุดชมวิว กว่าจะมาถึงจุดนี้ ต้องฮึบๆๆไปหลายฮึบเหมือนกัน
พอมาเจอจุดชมวิวที่วิวสวย ลมพัดเอื่อยๆ ปะทะหน้า ปะทะตัว อาการเหนื่อยหอบก็แทบจะหายทิ้งไป
แต่ แต่ แต่ เส้นทางชันที่เราผ่าฟันมา กิโลกว่าๆนั้น
ยังค่ะ ยังไม่หมด พักเอาแรงแล้วก็ลุกค่ะ ฮึบฮึบๆต่อไป เส้นทางยังคงชันเหมือนเดิม
[CR] เขาหลวง สุโขทัย 3 วัน 2 คืน เราต้องรอด!!
ระยะทางเดินขึ้นเขาประมาณ 3.7 km.
การเดินเขาครั้งนี้ นับว่ามีอุปสรรคที่มากมายพอตัว
เริ่มจากอุปสรรค อันแรกคือ สมาชิกที่ตกลงว่าจะไปกัน 5 คน แต่มีภาระกิจด่วน เลยของถอนตัว ซึ่งถอนตัวก่อนจะไปแค่ 5 วัน นั่นไง เราก็กลับมาถามตัวเองว่า เราจะไปดีไหม ถอนตัวดีไหม แต่ แต่ แต่ ถ้าไม่ไป ก็แทบจะหาโอกาสไปยากแล้วนะ ไม่ลองก็ไม่รู้
อุปสรรคที่สองคือ น้ำบนเขาไม่ไหล ไม่มีน้ำอาบ ไม่มีน้ำในห้องส้วม นั่นไง นั่นไง เราเป็นคนที่เข้าห้องน้ำบ่อยมาก อันนี้ถือเป็นเป็นอุปสรรคเราคนเดียวเนอะ อุปสรรคที่สาม อาจจะเป็นเพราะวันหยุดยาว ติดต่อกันหลายวัน เลยทำให้เรา ลงทะเบียนเข้าอุทยาน จำนวน 200 คน ไม่ได้!!! เอาแล้วไง ทำไงดี แต่ แต่ อุทยานรับ walk in เพิ่มอีก 60 คน ใช่ค่ะ มันคือความหวัง มันคือแสงสว่างที่เราต้องเสี่ยง เพื่อเป็น 1 ใน 60 คนนั้น ให้จงได้ เราออกจากลพบุรี เกือบๆ เที่ยงคืน ไปถึงอุทยานรามคำแหงประมาณ ตี 4 กว่า ซึ่งพอเราไปถึง ใช่ค่ะ เราไม่ใช่กลุ่มแรกที่ไปถึง มีคนอยู่อีกหลายกลุ่ม บางกลุ่มมากางเต้นท์ นอนรอเนื่องจากเมื่อวาน walk in ไม่ทัน พอไปถึงก็ได้มีการพูดคุยกับเพื่อนร่วมชะตากรรมที่นั่งรอ มีถามที่มาที่ไปของแต่ละคน สักพัก จนท.อุทยานก็เปิดให้รับให้ลงทะเบียนเข้าได้ในเวลาตี 5.30 น. เราก็แลกบัตรประชาชน ลงชื่อ แล้วไปจ่ายค่าเข้าอุทยาน 40 บาท/คน รถยนต์ 40 บ./คัน จากนั้นก็ขับรถเข้าไปในอุทยานเพื่อรอลงทะเบียนขึ้นเขา และจ้างลูกหาบ ซึ่งจนท.รับลงทะเบียน จะมาตอน 8 โมงเช้า จุดนี้ เราจะต้องจ่ายค่ากางเต้นท์ 40 บาท/คน ค่ามัดจำขยะ 200 บาท/กลุ่ม หากใครที่จะเช่าเต้นท์ เช่าที่รองนอน เช่าถุงนอน ฯลฯ แจ้งที่นี้ได้เลยนะคะ แต่กลุ่มเราแบกไปกันเองค่ะ ส่วนลูกหาบเราก็ไปเข้าคิว ชั่งน้ำหนัก ของที่เราจ้างลูกหาบจะเป็นน้ำดื่ม (น้ำข้างบนน้ำสิงห์ขวดเล็ก 7 บ.ราคา 35 บ. น้ำอัดลมกระป๋อง 35 บ. แต่ก็ถือว่ากว่าจะแบกขึ้นไปได้ก็ถือว่าราคาเหมาะสมค่ะ)และของสดที่จะทำกับข้าวรวมถึงเต้นท์ด้วย รวมๆแล้วประมาณ 28 กิโล ที่นี้เขาคิดค่าหาบ 25 บ./กิโล ก็ไม่ถือว่าแพงมากถ้าเทียบกับความชัน เมื่อทุกอย่างพร้อม ของพร้อม คนก็เหมือนจะพร้อม งั้นเราไปเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้