ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ เที่ยวเกียวโต เรากับเพื่อนๆ ญี่ปุ่นนัดกันไปเที่ยวทริปสั้นๆ พักในตัวเมืองโอซาก้า 2 คืน เที่ยวภายในตัวเมืองโอซาก้า 1 วัน และเที่ยวที่เกียวโต อีก 1 วัน
โดยรีวิวครั้งนี้จะเน้นไปที่ทริป “เกียวโต” ตามสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อต่างๆ ไปดูบรรยากาศเกียวโตตอนนี้กันเลยว่าเป็นยังไงบ้าง
ไฮไลท์
1.วัดคิโยมิซุ(วัดน้ำใส) – Kiyomizu-dera Temple
2.ศาลเจ้าจิชุ ภายในวัดน้ำใส – Jishu jinja Shrine
3.ทางเดินเนินนิเน็นซากะ/ซันเน็นซากะ ย่านร้านค้า – Ninen Zaka / Sannen Zaka
4.ศาลเจ้ายาซากะ – Yasaka Shrine
5.ตลาดนิชิกิ - Nishiki Market
6.รีวิวที่พัก SEKAI HOTEL Fuse @ Osaka
เมื่อวานตอนเย็นเราเดินทางมาที่โอซาก้า แล้วก็เข้าเช็คอินที่พักที่จองไว้เลย ที่พักอยู่ภายในเมืองโอซาก้า เมืองฟุเสะ สำหรับรีวิวที่พักเราจะพูดในตอนท้ายหลังจากกลับจากเกียวโตนะคะ
ซึ่งการเดินทางไปเกียวโต เราจะนั่งรถบัสมุ่งตรงไปที่เกียวโตเลย แบบไปเช้าเย็นกลับ
เป็นรถบัสของ OSAKA BUS ที่มีรอบมุ่งตรงจากสถานีฟุเสะ ไปที่สถานีเกียวโต ได้เลย
เว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่น
http://www.osakabus.jp/route/kyoto/
ตารางเวลาขาไป จาก "สถานีฟุเสะ" ในโอซาก้า ไปยัง "สถานีเกียวโต"
ตารางเวลาขากลับ จาก "สถานีเกียวโต" กลับมายัง "สถานีฟุเสะ" ในโอซาก้า
ทริปนี้ขาไปเราเดินทางจากสถานีฟุเสะ ในโอซาก้า รอบ 8:20 น. ถึงสถานีเกียวโตเวลา 9:25 น. ก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงพอดี
ป้ายรถบัสอยู่ติดกับสถานีรถไฟคินเท็ตสึ “สถานีฟุเสะ” เลย เป็นป้ายรถบัสหน้าห้างอิออน AEON
ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1 ค่ะ ค่าเดินทางชำระตอนขึ้นรถก่อนเลย รถบัสนี้จะไม่สามารถจองที่นั่งก่อนได้ รถบัสจะจอดที่ป้ายก่อนประมาณ 10-20 นาที เพราะฉะนั้นรีบมารอบที่ป้ายไว้เลย
ภายในรถบัสเป็นที่นั่ง 4 แถว แบ่งเป็น 2 ต่อ 2 แถว มีช่อง USB ให้เสียบชาร์ท นั่งยาวๆ ไปประมาณ 1 ชั่วโมง
พอถึงสถานีเกียวโตแล้ว เราจะเดินทางไปที่วัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใสกันก่อนเลย
การเดินภายในเกียวโตหลักๆ วันนี้เราจะใช้รถบัสในการเดินทาง เพราะฉะนั้นจะต้องเดินอ้อมไปนิดนึง เมื่อไปขึ้นรถบัสไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในเกียวโต
จากสถานีเกียวโต จะมองเห็น Kyoto Tower ด้วย ภายในเกียวโตทาวเวอร์มีทั้งร้านค้า ของฝาก คาเฟ่ และยังมีจุดชมวิวอีกด้วย
ค่าเดินทางรถบัสภายในเกียวโตจะคิดเป็นค่าเดินทางต่อเที่ยว ราคา 230 เยนต่อเที่ยว/คน ถ้ามั่นใจว่าจะเดินทางด้วยรถบัสตั้งแต่ 3 เที่ยวขึ้นไป
แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วแบบ 1 day pass “Kyoto City & Kyoto Bus One-day Pass” ราคา 600 เยน หาซื้อได้ที่ป้ายรถบัสหน้าสถานีเกียวโตจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ หรือซื้อได้ภายในรถบัสเลย แต่แนะนำว่าให้ซื้อที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเลย สะดวก แล้วก็จะได้ไม่ต้องลนลานบนรถบัสด้วยค่ะ
ตั๋วหน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ ใช้ครั้งแรกให้ใส่ตั๋วลงไปในช่องใส่บัตร เครื่องจะอยู่ข้างๆ คนขับ เพื่อปั้มวันที่ตั๋ว ตั้งแต่ครั้งที่ 2 ขึ้นไปก็แค่โชว์วันที่ให้คนขับรถดูเท่านั้น
เดินทางกันเลย รถบัสไปวัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส จะต้องขึ้นรถบัสจากป้าย D1 หรือ D2 และนั่งไปลงที่ป้าย “Gojozaka (โกโจซากะ)” พอลงจากรถบัสแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายมือ ก็จะเจอสี่แยกทันที ให้เดินข้ามถนนไปทางซ้ายมือ เพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้าม และเดินขึ้นไปตามเนินเรื่อยๆ เลยค่ะ
ขึ้นเนินก็จะหอบหน่อยๆ ระหว่างทางจะมีร้านค้าต่างๆ ให้ดูเล่นอยู่บ้าง ถ้าเป็นปกติก็คงเยอะกว่านี้ แต่ช่วงนี้โดยเฉพาะวันธรรมดาแบบนี้ ร้านก็ปิดเยอะเหมือนกันค่ะ
เมื่อขึ้นมาแล้วก็ไปถ่ายรูปประตูทางเข้าวัดกันเลย
จากนั้นก็เข้าไปด้านในกัน ค่าเข้าไปด้านนอาคารวัดหลัก ค่าเข้าชม 400 เยน เมื่อซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปด้านในกันเลย
เมื่อช่วงที่ผ่านมา วัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส ปิดปรับปรุงบางส่วนไป ถึงแม้ว่าตอนนี้จะปรับปรุงไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% แต่ก็ยังมีส่วนระเบียงได้ชมวิวธรรมชาติโดยรอบ
ภายในอาคารวัดหลักมีจุดเข้าไปสักการะ และสามารถบูชาเครื่องราง หรือเซียมซีได้บริเวณนี้
นอกจากตัวอาคารวัดหลักแล้ว ภายในบริเวณวัดยังมีศาลเจ้าแห่งความรักอยู่ด้วย นั่นก็คือ “ศาลเจ้าจิชุ Jishu Shrine”
จุดขึ้นชื่อของศาลเจ้านี้ก็คือ หินทำนายรัก ที่มีหินอยู่สองฝั่ง ให้ยืนอยู่ฝั่งหนึ่ง จากนั้นหลับตา และเดินให้ตรงไปถึงหินอีกฝั่งให้ได้ ถ้าไปถึงที่ฝั่งได้ตรงก็ถือว่าพรเรื่องความรักนั้นก็จะสมหวัง ยิ่งถ้าทำได้ในครั้งแรกพรก็จะสมหวังเร็วขึ้น ครั้งที่ 2-3 ขึ้นไปพรที่ขอก็จะสมหวังช้าลง
หากได้มีโอกาสก็ลองไปทำดูนะคะ ที่นี่มีเครื่องรางความรักด้วย
เมื่อออกจากศาลเจ้าแล้ว ก็เดินลงเนินไปตามเส้นทางเดินท่ามกลางธรรมชาติไปเรื่อยๆ เพื่อกลับไปสู่ทางออกวัดน้ำใส
หลังจากนี้เราจะเดินลงเนินจากทางเดินที่อยู่ด้านหน้าวัดน้ำใสกันเลย เพราะว่าเส้นทางนี้จะเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านขนม คาเฟ่ หรือร้านขายของฝากไว้เยอะมากๆ
ซอยที่ขึ้นชื่อบริเวณนี้ก็คือ เนินนิเน็นซากะ และ เนินซันเน็นซากะ ที่มีกลิ่นอายความเป็นเกียวโต แบบญี่ปุ่นสุดๆ
ซึ่งเส้นทางนี้ในช่วงเวลาปกติแล้ว คนจะเน้นๆ มากๆ เดินเบียดกันสุดๆ จริงๆ ค่ะ แต่ตอนนี้คนโล่งอยากที่เห็นในภาพเลยค่ะ เงียบเหงา แต่ก็มีร้านค้าเปิดให้บริการอยู่บ้าง ร้านอาหารก็เปิดอยู่ประปราย
เดินลงเนินไปเรื่อยๆ เพื่อเดินไปที่ศาลเจ้ายาซากะ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเกียวโตที่อยู่ไม่ไกลออกไป เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงเลย
และนี่ก็คือด้านหน้าของ "ศาลเจ้ายาซากุ Yasaka Shrine"
เข้าไปด้านส่วนตรงกลางก็จะมีลานพิธีที่มีไว้เพื่อเต้นรำถวายเทพเจ้าอยู่ด้วย บริเวณรอบๆ ที่มีโคมแขวนอยู่มีชื่อกำกับอยู่ เป็นชื่อผู้ทำบุญนั่นเอง
เข้าไปด้านในเมื่อไปสักการะขอพรกันเลย ซึ่งโดยปกติแล้ว วิธีการกราบไหว้ศักการะ จะมีวิธีดังนี้
1.โยนเหรียญตามจิตศรัทธา (เหรียญ 5 หรือ 10 เยน)
2.จากนั้นก็สั่นระฆัง ด้วยการเขย่าเชือกที่ห้อยลงมาให้มีเสียงระฆัง
3.โค้งคำนับ 2 ครั้ง
4.ตบมือ 2 ครั้ง พร้อมอธิษฐาน
5.และโค้งคำนับอีก 1 ครั้ง
แต่เพราะว่าช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด เพราะฉะนั้นศาลเจ้าหรือวัดต่างๆ จะลดจุดที่ต้องสำหรับเพื่อลดความเสี่ยง อย่างเช่น งดการใช้กระบวยที่อ่างชำระล้างร่างกาย และงดการสั่นระฆัง ที่นี่จึงมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ เป็นการสั่นระฆังบลูทูธ ด้วยการเอามือไปบังเซ็นเซอร์ ก็จะมีเสียงระฆังดังออกมาจากลำโพง ให้ผู้มากราบไหว้ศักการะนั่งเอง
และที่บริเวณรอบๆ ก็มีจุดบูชาเครื่องรางของขลัง และเซียมซีแบบต่างๆ อยู่ด้วย
เมื่อออกจากศาลเจ้ายาซากะแล้ว เราจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางถนนใหญ่ที่อยู่หน้าศาลเจ้ายาซากะกันเลย เราจะมุ่งหน้าไปตลาดนิชิกิ เพื่อหาอะไรทานกันซักหน่อยค่ะ
เมื่อเดินตรงไปตามทางเรื่อยก็จะผ่านย่านกิออน
ซึ่งตอนนี้ย่านกิออน หรือย่านที่เป็นแหล่งรวมร้านน้ำชาของเกียวโต ได้มีการจัดการใหม่เกี่ยวกับการถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว ที่เข้มงวดมากขึ้น เพิ่มบริเวณงดถ่ายภาพ เพื่อลดปัญหาการรบกวนคนในพื้นที่ หากผู้ใดฝ่าฝืนก็มีการปรับอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสได้เที่ยวก็สังเกตป้ายให้ดีนะคะ ว่าจุดไหนห้ามถ่าย จุดไหนถ่ายได้
เดินไปตามทางเรื่อยๆ ระหว่างทางก็จะผ่านแม่น้ำคาโมะคาวะ (Kamo River) ด้วย
บริเวณริมแม่น้ำคาโมะคาวะ จะมีร้านอาหารริมแม่น้ำ และเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ร้านค้าบริเวณริมแม่น้ำจะเปิดระเบียง แบบในภาพ ให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำในช่วงนี้ ซึ่งจะเรียกระเบียงนี้ว่า "ยูกะ" หรือ "Yuka" นั่นเอง
เดินจากศาลเจ้ายาซากะมาประมาณกิโลกว่า ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็เข้าไปในซอยย่านร้านค้า เพื่อไปตลาดนิชิกิกันเลย เข้าได้จากหลายซอยค่ะ
และนี่ก็คือ "ตลาดนิชิกิ Nishiki Market" ภายในตลาดนิชิกิมีร้านค้าต่างๆ เยอะมาก ทั้งของฝาก หรือร้านขายวัตถุดิบทั่วไป ร้านอาหารก็มีทั้งร้านข้าวหน้าปลาดิบ ร้านซูชิ หรือร้านเท็มปุระ ฯลฯ ตื่นตาตลอดทาง
อาหารกลางวันนี้เลือกทานเท็มปุระกันค่ะ ชื่อ “ร้านฮิราโนะ” คือเราเสียใจมากๆ ลืมถ่ายหน้าร้านมาค่ะ (ยกโทษให้เราด้วยย T^T ชื่อร้านก็ไม่ชัวร์เหมือนกันค่ะ แต่จะอยู่ในตลาดเลย ร้านใหญ่ๆ หน่อย)
ในร้านมีที่นั่งทาน ช่วงนี้ก็จะต้องนั่งโต๊ะเว้นโต๊ะ สร้างระยะห่างค่ะ
เมนูมีให้เลือกเท่านี้ค่ะ เราสั่งเซต D ข้าวหน้าเท็มปุระพิเศษ 1,450 เยน ราคารวมภาษี
อาหารมาแล้ว น่าทานมากๆ ได้เยอะมากๆ ด้วยค่ะ เท็มปุระมีกุ้ง 2 ตัว ไข่มะตูม ฟักทอง แล้วก็มะเขือม่วง
เสิร์ฟพร้อมกับซุป ไข่ม้วน และเครื่องเคียง
และที่เห็นเป็นเมนูเล็กๆ เครื่องเคียง รวมกันแบบนี้เรียกว่า “โอเซ็น” เอกลักษณ์เฉพาะของเกียวโตเลยค่ะ ร้านส่วนใหญ่จะมีเครื่องเคียงแบบนี้มาให้ในเมนู
มีต่อค่ะ
[CR] ทริปสั้นที่คันไซ! เที่ยว กิน ช้อป หนึ่งวันใน “เกียวโต” (อัพเดตล่าสุด) + รีวิวที่พักโอซาก้า SEKAI HOTEL Fuse
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ เที่ยวเกียวโต เรากับเพื่อนๆ ญี่ปุ่นนัดกันไปเที่ยวทริปสั้นๆ พักในตัวเมืองโอซาก้า 2 คืน เที่ยวภายในตัวเมืองโอซาก้า 1 วัน และเที่ยวที่เกียวโต อีก 1 วัน
โดยรีวิวครั้งนี้จะเน้นไปที่ทริป “เกียวโต” ตามสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อต่างๆ ไปดูบรรยากาศเกียวโตตอนนี้กันเลยว่าเป็นยังไงบ้าง
ไฮไลท์
1.วัดคิโยมิซุ(วัดน้ำใส) – Kiyomizu-dera Temple
2.ศาลเจ้าจิชุ ภายในวัดน้ำใส – Jishu jinja Shrine
3.ทางเดินเนินนิเน็นซากะ/ซันเน็นซากะ ย่านร้านค้า – Ninen Zaka / Sannen Zaka
4.ศาลเจ้ายาซากะ – Yasaka Shrine
5.ตลาดนิชิกิ - Nishiki Market
6.รีวิวที่พัก SEKAI HOTEL Fuse @ Osaka
เมื่อวานตอนเย็นเราเดินทางมาที่โอซาก้า แล้วก็เข้าเช็คอินที่พักที่จองไว้เลย ที่พักอยู่ภายในเมืองโอซาก้า เมืองฟุเสะ สำหรับรีวิวที่พักเราจะพูดในตอนท้ายหลังจากกลับจากเกียวโตนะคะ
ซึ่งการเดินทางไปเกียวโต เราจะนั่งรถบัสมุ่งตรงไปที่เกียวโตเลย แบบไปเช้าเย็นกลับ
เป็นรถบัสของ OSAKA BUS ที่มีรอบมุ่งตรงจากสถานีฟุเสะ ไปที่สถานีเกียวโต ได้เลย
เว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่น http://www.osakabus.jp/route/kyoto/
ป้ายรถบัสอยู่ติดกับสถานีรถไฟคินเท็ตสึ “สถานีฟุเสะ” เลย เป็นป้ายรถบัสหน้าห้างอิออน AEON
ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1 ค่ะ ค่าเดินทางชำระตอนขึ้นรถก่อนเลย รถบัสนี้จะไม่สามารถจองที่นั่งก่อนได้ รถบัสจะจอดที่ป้ายก่อนประมาณ 10-20 นาที เพราะฉะนั้นรีบมารอบที่ป้ายไว้เลย
ภายในรถบัสเป็นที่นั่ง 4 แถว แบ่งเป็น 2 ต่อ 2 แถว มีช่อง USB ให้เสียบชาร์ท นั่งยาวๆ ไปประมาณ 1 ชั่วโมง
พอถึงสถานีเกียวโตแล้ว เราจะเดินทางไปที่วัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใสกันก่อนเลย
การเดินภายในเกียวโตหลักๆ วันนี้เราจะใช้รถบัสในการเดินทาง เพราะฉะนั้นจะต้องเดินอ้อมไปนิดนึง เมื่อไปขึ้นรถบัสไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในเกียวโต
จากสถานีเกียวโต จะมองเห็น Kyoto Tower ด้วย ภายในเกียวโตทาวเวอร์มีทั้งร้านค้า ของฝาก คาเฟ่ และยังมีจุดชมวิวอีกด้วย
ค่าเดินทางรถบัสภายในเกียวโตจะคิดเป็นค่าเดินทางต่อเที่ยว ราคา 230 เยนต่อเที่ยว/คน ถ้ามั่นใจว่าจะเดินทางด้วยรถบัสตั้งแต่ 3 เที่ยวขึ้นไป
แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วแบบ 1 day pass “Kyoto City & Kyoto Bus One-day Pass” ราคา 600 เยน หาซื้อได้ที่ป้ายรถบัสหน้าสถานีเกียวโตจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ หรือซื้อได้ภายในรถบัสเลย แต่แนะนำว่าให้ซื้อที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเลย สะดวก แล้วก็จะได้ไม่ต้องลนลานบนรถบัสด้วยค่ะ
ตั๋วหน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ ใช้ครั้งแรกให้ใส่ตั๋วลงไปในช่องใส่บัตร เครื่องจะอยู่ข้างๆ คนขับ เพื่อปั้มวันที่ตั๋ว ตั้งแต่ครั้งที่ 2 ขึ้นไปก็แค่โชว์วันที่ให้คนขับรถดูเท่านั้น
เดินทางกันเลย รถบัสไปวัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส จะต้องขึ้นรถบัสจากป้าย D1 หรือ D2 และนั่งไปลงที่ป้าย “Gojozaka (โกโจซากะ)” พอลงจากรถบัสแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายมือ ก็จะเจอสี่แยกทันที ให้เดินข้ามถนนไปทางซ้ายมือ เพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้าม และเดินขึ้นไปตามเนินเรื่อยๆ เลยค่ะ
ขึ้นเนินก็จะหอบหน่อยๆ ระหว่างทางจะมีร้านค้าต่างๆ ให้ดูเล่นอยู่บ้าง ถ้าเป็นปกติก็คงเยอะกว่านี้ แต่ช่วงนี้โดยเฉพาะวันธรรมดาแบบนี้ ร้านก็ปิดเยอะเหมือนกันค่ะ
เมื่อขึ้นมาแล้วก็ไปถ่ายรูปประตูทางเข้าวัดกันเลย
จากนั้นก็เข้าไปด้านในกัน ค่าเข้าไปด้านนอาคารวัดหลัก ค่าเข้าชม 400 เยน เมื่อซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปด้านในกันเลย
เมื่อช่วงที่ผ่านมา วัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส ปิดปรับปรุงบางส่วนไป ถึงแม้ว่าตอนนี้จะปรับปรุงไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% แต่ก็ยังมีส่วนระเบียงได้ชมวิวธรรมชาติโดยรอบ
ภายในอาคารวัดหลักมีจุดเข้าไปสักการะ และสามารถบูชาเครื่องราง หรือเซียมซีได้บริเวณนี้
นอกจากตัวอาคารวัดหลักแล้ว ภายในบริเวณวัดยังมีศาลเจ้าแห่งความรักอยู่ด้วย นั่นก็คือ “ศาลเจ้าจิชุ Jishu Shrine”
จุดขึ้นชื่อของศาลเจ้านี้ก็คือ หินทำนายรัก ที่มีหินอยู่สองฝั่ง ให้ยืนอยู่ฝั่งหนึ่ง จากนั้นหลับตา และเดินให้ตรงไปถึงหินอีกฝั่งให้ได้ ถ้าไปถึงที่ฝั่งได้ตรงก็ถือว่าพรเรื่องความรักนั้นก็จะสมหวัง ยิ่งถ้าทำได้ในครั้งแรกพรก็จะสมหวังเร็วขึ้น ครั้งที่ 2-3 ขึ้นไปพรที่ขอก็จะสมหวังช้าลง
หากได้มีโอกาสก็ลองไปทำดูนะคะ ที่นี่มีเครื่องรางความรักด้วย
เมื่อออกจากศาลเจ้าแล้ว ก็เดินลงเนินไปตามเส้นทางเดินท่ามกลางธรรมชาติไปเรื่อยๆ เพื่อกลับไปสู่ทางออกวัดน้ำใส
หลังจากนี้เราจะเดินลงเนินจากทางเดินที่อยู่ด้านหน้าวัดน้ำใสกันเลย เพราะว่าเส้นทางนี้จะเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านขนม คาเฟ่ หรือร้านขายของฝากไว้เยอะมากๆ
ซอยที่ขึ้นชื่อบริเวณนี้ก็คือ เนินนิเน็นซากะ และ เนินซันเน็นซากะ ที่มีกลิ่นอายความเป็นเกียวโต แบบญี่ปุ่นสุดๆ
ซึ่งเส้นทางนี้ในช่วงเวลาปกติแล้ว คนจะเน้นๆ มากๆ เดินเบียดกันสุดๆ จริงๆ ค่ะ แต่ตอนนี้คนโล่งอยากที่เห็นในภาพเลยค่ะ เงียบเหงา แต่ก็มีร้านค้าเปิดให้บริการอยู่บ้าง ร้านอาหารก็เปิดอยู่ประปราย
เดินลงเนินไปเรื่อยๆ เพื่อเดินไปที่ศาลเจ้ายาซากะ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเกียวโตที่อยู่ไม่ไกลออกไป เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงเลย
และนี่ก็คือด้านหน้าของ "ศาลเจ้ายาซากุ Yasaka Shrine"
เข้าไปด้านส่วนตรงกลางก็จะมีลานพิธีที่มีไว้เพื่อเต้นรำถวายเทพเจ้าอยู่ด้วย บริเวณรอบๆ ที่มีโคมแขวนอยู่มีชื่อกำกับอยู่ เป็นชื่อผู้ทำบุญนั่นเอง
เข้าไปด้านในเมื่อไปสักการะขอพรกันเลย ซึ่งโดยปกติแล้ว วิธีการกราบไหว้ศักการะ จะมีวิธีดังนี้
1.โยนเหรียญตามจิตศรัทธา (เหรียญ 5 หรือ 10 เยน)
2.จากนั้นก็สั่นระฆัง ด้วยการเขย่าเชือกที่ห้อยลงมาให้มีเสียงระฆัง
3.โค้งคำนับ 2 ครั้ง
4.ตบมือ 2 ครั้ง พร้อมอธิษฐาน
5.และโค้งคำนับอีก 1 ครั้ง
แต่เพราะว่าช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด เพราะฉะนั้นศาลเจ้าหรือวัดต่างๆ จะลดจุดที่ต้องสำหรับเพื่อลดความเสี่ยง อย่างเช่น งดการใช้กระบวยที่อ่างชำระล้างร่างกาย และงดการสั่นระฆัง ที่นี่จึงมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ เป็นการสั่นระฆังบลูทูธ ด้วยการเอามือไปบังเซ็นเซอร์ ก็จะมีเสียงระฆังดังออกมาจากลำโพง ให้ผู้มากราบไหว้ศักการะนั่งเอง
และที่บริเวณรอบๆ ก็มีจุดบูชาเครื่องรางของขลัง และเซียมซีแบบต่างๆ อยู่ด้วย
เมื่อออกจากศาลเจ้ายาซากะแล้ว เราจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางถนนใหญ่ที่อยู่หน้าศาลเจ้ายาซากะกันเลย เราจะมุ่งหน้าไปตลาดนิชิกิ เพื่อหาอะไรทานกันซักหน่อยค่ะ
เมื่อเดินตรงไปตามทางเรื่อยก็จะผ่านย่านกิออน
ซึ่งตอนนี้ย่านกิออน หรือย่านที่เป็นแหล่งรวมร้านน้ำชาของเกียวโต ได้มีการจัดการใหม่เกี่ยวกับการถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว ที่เข้มงวดมากขึ้น เพิ่มบริเวณงดถ่ายภาพ เพื่อลดปัญหาการรบกวนคนในพื้นที่ หากผู้ใดฝ่าฝืนก็มีการปรับอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสได้เที่ยวก็สังเกตป้ายให้ดีนะคะ ว่าจุดไหนห้ามถ่าย จุดไหนถ่ายได้
เดินไปตามทางเรื่อยๆ ระหว่างทางก็จะผ่านแม่น้ำคาโมะคาวะ (Kamo River) ด้วย
บริเวณริมแม่น้ำคาโมะคาวะ จะมีร้านอาหารริมแม่น้ำ และเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ร้านค้าบริเวณริมแม่น้ำจะเปิดระเบียง แบบในภาพ ให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำในช่วงนี้ ซึ่งจะเรียกระเบียงนี้ว่า "ยูกะ" หรือ "Yuka" นั่นเอง
เดินจากศาลเจ้ายาซากะมาประมาณกิโลกว่า ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็เข้าไปในซอยย่านร้านค้า เพื่อไปตลาดนิชิกิกันเลย เข้าได้จากหลายซอยค่ะ
และนี่ก็คือ "ตลาดนิชิกิ Nishiki Market" ภายในตลาดนิชิกิมีร้านค้าต่างๆ เยอะมาก ทั้งของฝาก หรือร้านขายวัตถุดิบทั่วไป ร้านอาหารก็มีทั้งร้านข้าวหน้าปลาดิบ ร้านซูชิ หรือร้านเท็มปุระ ฯลฯ ตื่นตาตลอดทาง
อาหารกลางวันนี้เลือกทานเท็มปุระกันค่ะ ชื่อ “ร้านฮิราโนะ” คือเราเสียใจมากๆ ลืมถ่ายหน้าร้านมาค่ะ (ยกโทษให้เราด้วยย T^T ชื่อร้านก็ไม่ชัวร์เหมือนกันค่ะ แต่จะอยู่ในตลาดเลย ร้านใหญ่ๆ หน่อย)
ในร้านมีที่นั่งทาน ช่วงนี้ก็จะต้องนั่งโต๊ะเว้นโต๊ะ สร้างระยะห่างค่ะ
เมนูมีให้เลือกเท่านี้ค่ะ เราสั่งเซต D ข้าวหน้าเท็มปุระพิเศษ 1,450 เยน ราคารวมภาษี
อาหารมาแล้ว น่าทานมากๆ ได้เยอะมากๆ ด้วยค่ะ เท็มปุระมีกุ้ง 2 ตัว ไข่มะตูม ฟักทอง แล้วก็มะเขือม่วง
เสิร์ฟพร้อมกับซุป ไข่ม้วน และเครื่องเคียง
และที่เห็นเป็นเมนูเล็กๆ เครื่องเคียง รวมกันแบบนี้เรียกว่า “โอเซ็น” เอกลักษณ์เฉพาะของเกียวโตเลยค่ะ ร้านส่วนใหญ่จะมีเครื่องเคียงแบบนี้มาให้ในเมนู
มีต่อค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้