คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
1. อาคาร 4 ชั้น 2 หลังติดกัน จะใช้ WiFi ตัวเดียว : ไม่เห็นด้วยครับ เพราะเหมือนคุณ เอาลำโพงขนาดใหญ่วางไว้ เพื่อกระจายเสียงทั่วบ้าน นั้น ทำได้ แต่ ณ จุดที่วางลำโพง คุณจะได้ยินเสียงตอบกลับ จากแต่ละคน ทั่วบ้านหรือไม่ครับ (คือ เขาได้ยินลำโพง แต่ว่า จะตะโกนตอบกลับ ไหวไหม) เพราะว่า การสื่อสาร ต้องเกิด 2 ทิศทาง ทั้งไปและกลับ ครับ
2. ตอนที่บ้านยังโล่ง ๆ คุณจะทดสอบได้แบบหนึ่ง เพราะสิ่งกีดขวางยังน้อย มีแค่ส่วนของอาคาร คือ พวกผนัง แต่พออยู่ไปสักระยะ เฟอร์นิเจอร์ ตู้เสื้อผ้า ประตู ผ้าม่าน ต่าง ๆ จะมีเข้ามา สิ่งเหล่านี้ ยิ่งกว่าผนังอีกครับ เพราะจะดูดซับสัญญาณ หายไปเยอะเลย
3. ที่บ้าน มีสาย LAN อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ Mesh ครับ (แต่หากจะใช้ก็ได้)
Mesh ก็คือ การ Repeat สัญญาณ ซึ่ง ปกติแล้ว ความเร็วจะหายไป
แต่... ด้วยการที่ "ทวนสัญญาณกันด้วยความเร็วสูงมาก ๆ" ดังนั้น แม้ความเร็วจะหายไปสักครึ่ง ... ส่วนใหญ่ ก็ยังพอรับได้ ครับ
ซึ่งหากใช้สาย LAN จะไม่ต้องห่วงเรื่องความเร็วหดหายเลย ครับ
4. WiFi ความเร็วต่ำ (2.4GHz) ทะลุผนังได้ดี ไปได้ไกล แต่ชนกับเพื่อนบ้านง่าย ... ทางแก้ไข ปัญหาชนกัน ก็คือ ....วาง Router หลาย ๆ จุด ไว้ทั่วบ้าน ให้ใกล้จุดที่จะใช้งาน คือ ถ้าชน ก็ชนไป แต่เราอยู่ใกล้ตัวปล่อยของเรา เราอยู่ใกล้ลำโพง ของเรา เสียงเพื่อนบ้านจะกวนมา เราก็ บ่ยั่น
5. WiFi ความเร็วสูง ( 5GHz ) ทะลุผนังแทบไม่ได้ และไปไม่ไกล แต่จะไม่ค่อยชนกับเพื่อนบ้าน ... ทางที่จะใช้งานให้คุ้มคือ วางไว้ในห้องที่จะใช้งานเลย จะได้ไม่ต้องกังวล เรื่องที่ไม่ทะลุผนัง
6. หากสะดวก อยากรบกวน ให้ช่วยวาดผัง มาคร่าว ๆ สักหน่อยครับ ว่า โครงการ ลากสายไว้แต่ละชั้นแบบไหน แล้ว 2 อาคาร เชื่อมกันแบบไหน สายไปรวมที่ตรงไหน จะได้แนะนำได้ถูก
7. เบื้องต้นเลย ถ้าสายรวมกันจุดเดียวหมด คุณใช้ Router หลัก ซึ่งจะมีช่อง LAN อยู่ 4 ช่อง ต่อช่องหนึ่งเข้ากับ Switch Hub แบบ Gigabit ราคาหลักร้อยก็ได้ครับ สัก 5 Port (หรือพันกว่าบาท ก็น่าจะได้ 8 Port)
... หากคุณใช้แบบ 5 Port ก็จะมีช่องเสียบสาย LAN จาก Router หลัก = 3+4 = 7 เส้นครับ (Router เหลือ 3 , Switch Hub เหลือ 4)
8. จุดปลายทางแต่ละจุด เสนอว่า ให้เอา Router ไปเสียบให้หมดทุกจุด ที่คิดว่าจะใช้งาน จุดไหน ยังไม่ใช้ก็อาจปล่อยไว้ก่อน
ไม่แนะนำให้ซื้อ Access Point ครับ เพราะ Access Point ส่วนใหญ่ (ยกเว้นบางรุ่น) จะมีช่อง LAN ช่องเดียวเสียบไป ก็จบ ไม่มีเหลือ
ที่แนะนำเป็น Wireless Router เพราะ มีช่อง LAN เหลือให้เสียบพ่วงอีก / ตั้งค่าให้ทำงานแบบ Access Pointหรือ Router เต็มตัวก็ได้
9. ทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อของมาลอง แบบลองผิดลองถูกเสียเงิน ครับ
ไปติดต่อขอยืมอุปกรณ์ มาลองได้ครับ หรือ ให้ศูนย์เขามาดูแล้วแนะนำให้ ก็ได้เช่นกันครับ
เขามีให้ยืมอุปกรณ์มาลอง โดยไม่ต้องซื้อครับ
ลองใช้งานข้ามคืนได้สบาย ๆ เลยครับ
เข้าไปที่ http://www.kit.co.th
มองหาศูนย์ใกล้บ้าน แล้วไปติดต่อขอยืมของมาลอง ครับ
ใช้แล้ว ถูกใจหรือไม่ ก็ค่อยเอาไปคืน รับเงินประกันคืน
แล้วค่อยไปซื้อหามาใช้ครับ
ดีกว่า ซื้อมา แล้วใช้งานไม่ได้
10..... ผมพยายามแนะนำเป็นข้อ ๆ มีเลขข้อ
เผื่อถ้าสงสัยข้อไหน ก็แจ้งอ้างอิงกลับมาเป็นข้อ ๆ ก็ได้ครับ
2. ตอนที่บ้านยังโล่ง ๆ คุณจะทดสอบได้แบบหนึ่ง เพราะสิ่งกีดขวางยังน้อย มีแค่ส่วนของอาคาร คือ พวกผนัง แต่พออยู่ไปสักระยะ เฟอร์นิเจอร์ ตู้เสื้อผ้า ประตู ผ้าม่าน ต่าง ๆ จะมีเข้ามา สิ่งเหล่านี้ ยิ่งกว่าผนังอีกครับ เพราะจะดูดซับสัญญาณ หายไปเยอะเลย
3. ที่บ้าน มีสาย LAN อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ Mesh ครับ (แต่หากจะใช้ก็ได้)
Mesh ก็คือ การ Repeat สัญญาณ ซึ่ง ปกติแล้ว ความเร็วจะหายไป
แต่... ด้วยการที่ "ทวนสัญญาณกันด้วยความเร็วสูงมาก ๆ" ดังนั้น แม้ความเร็วจะหายไปสักครึ่ง ... ส่วนใหญ่ ก็ยังพอรับได้ ครับ
ซึ่งหากใช้สาย LAN จะไม่ต้องห่วงเรื่องความเร็วหดหายเลย ครับ
4. WiFi ความเร็วต่ำ (2.4GHz) ทะลุผนังได้ดี ไปได้ไกล แต่ชนกับเพื่อนบ้านง่าย ... ทางแก้ไข ปัญหาชนกัน ก็คือ ....วาง Router หลาย ๆ จุด ไว้ทั่วบ้าน ให้ใกล้จุดที่จะใช้งาน คือ ถ้าชน ก็ชนไป แต่เราอยู่ใกล้ตัวปล่อยของเรา เราอยู่ใกล้ลำโพง ของเรา เสียงเพื่อนบ้านจะกวนมา เราก็ บ่ยั่น
5. WiFi ความเร็วสูง ( 5GHz ) ทะลุผนังแทบไม่ได้ และไปไม่ไกล แต่จะไม่ค่อยชนกับเพื่อนบ้าน ... ทางที่จะใช้งานให้คุ้มคือ วางไว้ในห้องที่จะใช้งานเลย จะได้ไม่ต้องกังวล เรื่องที่ไม่ทะลุผนัง
6. หากสะดวก อยากรบกวน ให้ช่วยวาดผัง มาคร่าว ๆ สักหน่อยครับ ว่า โครงการ ลากสายไว้แต่ละชั้นแบบไหน แล้ว 2 อาคาร เชื่อมกันแบบไหน สายไปรวมที่ตรงไหน จะได้แนะนำได้ถูก
7. เบื้องต้นเลย ถ้าสายรวมกันจุดเดียวหมด คุณใช้ Router หลัก ซึ่งจะมีช่อง LAN อยู่ 4 ช่อง ต่อช่องหนึ่งเข้ากับ Switch Hub แบบ Gigabit ราคาหลักร้อยก็ได้ครับ สัก 5 Port (หรือพันกว่าบาท ก็น่าจะได้ 8 Port)
... หากคุณใช้แบบ 5 Port ก็จะมีช่องเสียบสาย LAN จาก Router หลัก = 3+4 = 7 เส้นครับ (Router เหลือ 3 , Switch Hub เหลือ 4)
8. จุดปลายทางแต่ละจุด เสนอว่า ให้เอา Router ไปเสียบให้หมดทุกจุด ที่คิดว่าจะใช้งาน จุดไหน ยังไม่ใช้ก็อาจปล่อยไว้ก่อน
ไม่แนะนำให้ซื้อ Access Point ครับ เพราะ Access Point ส่วนใหญ่ (ยกเว้นบางรุ่น) จะมีช่อง LAN ช่องเดียวเสียบไป ก็จบ ไม่มีเหลือ
ที่แนะนำเป็น Wireless Router เพราะ มีช่อง LAN เหลือให้เสียบพ่วงอีก / ตั้งค่าให้ทำงานแบบ Access Pointหรือ Router เต็มตัวก็ได้
9. ทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อของมาลอง แบบลองผิดลองถูกเสียเงิน ครับ
ไปติดต่อขอยืมอุปกรณ์ มาลองได้ครับ หรือ ให้ศูนย์เขามาดูแล้วแนะนำให้ ก็ได้เช่นกันครับ
เขามีให้ยืมอุปกรณ์มาลอง โดยไม่ต้องซื้อครับ
ลองใช้งานข้ามคืนได้สบาย ๆ เลยครับ
เข้าไปที่ http://www.kit.co.th
มองหาศูนย์ใกล้บ้าน แล้วไปติดต่อขอยืมของมาลอง ครับ
ใช้แล้ว ถูกใจหรือไม่ ก็ค่อยเอาไปคืน รับเงินประกันคืน
แล้วค่อยไปซื้อหามาใช้ครับ
ดีกว่า ซื้อมา แล้วใช้งานไม่ได้
10..... ผมพยายามแนะนำเป็นข้อ ๆ มีเลขข้อ
เผื่อถ้าสงสัยข้อไหน ก็แจ้งอ้างอิงกลับมาเป็นข้อ ๆ ก็ได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามเรื่องช่องแลน สายแลน เราท์เตอร์ รบกวนพี่ๆหน่อยครับ
ผมก็เลยพยายามศึกษามาสักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ยังงง ไม่ค่อยเข้าใจครับ เลยรบกวนสอบถามพี่ๆว่า
1.ผมจะทำยังไงให้เต้าที่โครงการทำไว้ทั้ง 2 หลังใช้งานได้ครับ ผมต้องเอาสายเชื่อม 2 หลังเสียบเข้าเราท์เตอร์ แล้วจะใช้เต้ารับไหนก็เอาปลายทางสายนั้นเสียบเข้าช่อง Lan 1,2,3,4 หรอครับ
2.ผมตั้งใจจะลองซื้อ Router แพงๆมาใช้ดูแบบพวก AX11000 เผื่อใช้ตัวเดียวได้ทั้งหลัง เหมาะสมไหมครับ
3.หรือเอาเป็น Mesh สัก 3-5 ตัว มาตั้งกระจายรอบๆบ้านดีครับ แล้วพอซื้อ Mesh มาก็เกิดคำถามว่าพอตัวแรกต้องตั้งใกล้ Router โดยสาย Lan แล้ว ตัวต่อๆมาจะสามารถเอาปลายสายเสียบที่ Mesh ตัวแรก แล้วMesh ตัวที่2 ไปเสียบที่เต้าที่โครงการทำไว้ได้ไหมครับ
ขอบคุณครับ