หลายต่อหลายครั้งที่ปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องริ้วรอย สิวอุดตัน ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ และรูขุมขนกว้าง ถูกแก้ไขได้ด้วยการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซี
พิสูจน์ได้จาก 1 ปี ที่ผ่านมานี้ เราพิถีพิถันในการเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้ามากขึ้นและแน่นอนว่าสกินแคร์ที่เพิ่มเข้ามาในวัย 30 +++ ต้องเป็นสกินแคร์ที่มีส่วนประกอบวิตามินซีเป็นหลัก
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มีสภาพผิวหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
ทำไมเราจึงต้องยกให้วิตามินซีเป็นสกินแคร์ตัวหลักในวัย 30 +++ ?
เพราะเมื่ออายุมากขึ้นกระบวณการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติจะเกิดขึ้นช้ากว่าปกติ ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวตามมา ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ สิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง รวมถึงปัญหาหนักใจของใครหลายคน คือ “ริ้วรอย”
แต่เอ๊ะ !!! แล้ววิตามินซีจะช่วยให้ผิวของเราแลดูสวยและมีสุขภาพดีได้อย่างไร ??
ประโยชน์ของวิตามินซีที่มีต่อผิวพรรณ ได้แก่
1. กระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น : วิตามินซีจึงมีผลในการต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย
2. ลดการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว กระตุ้นการผลิตกลูต้าไธโอนและวิตามินอี จึงช่วยปรับสภาพผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส และมีสุขภาพดี
3. ลดเลือนจุดด่างดำ รอยแดง รอยดำ จากสิว ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ และกระจ่างใส
4. ปกป้องผิวจากรังสี UVB และฟื้นฟูผิวจากแสงแดด : วิตามินซีเป็น Antioxidant สามารถยับยั้งสารอนุมูลอิสระต่างๆ
5. ลดการอักเสบ ติดเชื้อ สมานแผล : วิตามินซีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ดังนั้นจึงช่วยให้แผลบริเวณผิวหนังหายเป็นปกติเร็วขึ้น
วิตามินซีที่เราหยิบมาพูดถึงในวันนี้มาในรูปแบบของเซรั่ม จาก 3 แบรนด์ 3 สไตล์ ได้แก่
· Boots Vitamin C Brightening Anti - ageing Intensive Serum
· FYNE Potent Vitamin C Antioxidant Brightening Fluid Serum
· Kiehl's Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate
Note ! !
สภาพผิว : 🔎 ผิวผสมค่อนไปทางแห้งและขาดน้ำ มีฝ้า กระ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีริ้วรอยตื้นๆ และริ้วรอยร่องลึก
Boots Vitamin C Brightening Anti - ageing Intensive Serum
(30 ml ราคา 499 บาท)
เซรั่มวิตามินซีเข้มข้นช่วยบำรุงและซ่อมแซมผิวอย่างล้ำลึก มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ และ Anti-Ageing ช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่เพื่อให้ผิวโกลว เรียบเนียน และกระจ่างใส
ประกอบด้วยส่วนผสมที่สำคัญ ดังนี้
· 2x Hyaluronic Acid : ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น
· Sodium Hyaluronate : ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ให้ผิวสมดุล เปล่งปลั่ง และลดเลือนริ้วรอย
· Hydrolyzed Hyaluronic Acid : ช่วยเติมความชุ่มชื้น และเพิ่มความกระชับ
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
เซรั่มเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย เนื้อสัมผัสคล้ายไพร์มเมอร์เคลือบคลุมผิวเอาไว้ แต่ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมคล้ายส้มยูสุ ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย
ผลลัพธ์หลังการใช้
หลังการใช้อย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ พบว่าช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสมากขึ้น จุดด่างดำ รวมถึงรอยดำ รอยแดงจากสิวดูลดเลือนลง เติมความชุ่มชื่นให้ผิวได้กลางๆ ยังต้องใช้มอยสเจอร์ไรเซอร์ควบคู่ไปด้วย เนื้อสัมผัสที่คล้ายไพร์เมอร์จึงช่วยเบลอรูขุมขน ให้ผิวโกลวและช่วยให้เมคอัพติดทนมากขึ้น สำหรับเรื่องของริ้วรอยต้องใช้เวลาสักพัก ถือว่าเป็นเซรั่มที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและราคาไม่สูงจนเกินไป
Fyne Potent Vitamin C Antioxidant Brightening Fluid Serum
( 30 g ราคา 2,590 บาท )
เซรั่มวิตามินซีที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินจึงทำให้ผิวกระชับและริ้วรอยต่างๆ ดูลดเลือนลง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูและมีสุขภาพดี ที่สำคัญคือ เป็นวิตามินซีที่มีความอ่อนโยน จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว รวมทั้งผิวเป็นสิวและผิวแพ้ง่าย แบรนด์ควบคุมสมดุล pH ประมาณ 5-6 ซึ่งเป็นค่าที่ใกล้เคียงกับน้ำกลั่นเพื่อลดโอกาสของการเกิดการระคายเคือง และไม่รบกวนประสิทธิภาพของสกินแคร์ตัวอื่นๆ
ประกอบด้วยส่วนผสมที่สำคัญ ดังนี้
· 12% Vitamin C เสถียร 3 อนุพันธ์ ได้แก่ 8% SAP ลดการอักเสบ ลดปัญหาสิว ปรับผิวสว่างกระจ่างใส ลดรอยแดง รอยดำ 2% AA2G และ 2%EAC ปรับผิวสว่างกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
· Highly Effective Antioxidants ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ด้วย 2 กลไก คือ ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระและกำจัดอนุมูลอิสระที่มีอยู่แล้ว จากส่วนผสม ดังนี้ SOD , Fullerenes , Astaxanthin , Coenzyme- Q10 , Vitamin E , Grape Seed , Green Tea Leaf และ Ginkgo Leaf
· Peptide 2 ชนิด ได้แก่ ArgirelineTM และ MatrixylTM ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เพื่อชะลอการเกิดริ้วรอย และลดเลือน Fine Line
· Hyaluronic Acid ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ลดเลือน Fine Line
- No Silicone , Fragrance , Alcohol , Colorant , Paraben and Mineral Oil
- ผ่านการทดสอบ Dermatologically Tested พบว่า ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
เซรั่มเนื้อบางเบา สีส้มอ่อนๆ เกลี่ยง่าย ซึมซาบเข้าสู่ผิวไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผลลัพธ์หลังการใช้
หลังการใช้อย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ พบว่าสามารถลดรอยดำรอยแดงจากสิวอักเสบที่เกิดจากการบีบเค้นใหม่ๆ ให้จางลงได้ในสามถึงสี่วัน ถือว่าให้ผลลัพธ์ค่อนข้างไว ส่วนจุดด่างดำเก่าๆ ที่มีก่อนหน้านี้จะจางลงช้ากว่ารอยที่เกิดใหม่หน่อยนะคะ สภาพผิวโดยรวมที่สัมผัสได้ใน 2 สัปดาห์ คือ ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู กระจ่างใส และรูขุมขนกระชับมากขึ้น เมื่อใช้ควบคู่กับเจลแต้มสิวจะช่วยลดการอักเสบของสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับเรื่องของการเติมความชุ่มชื่นให้ผิว สภาพผิวของเราก็ยังคงต้องใช้มอยสเจอร์ไรเซอร์ควบคู่กันไปด้วย ส่วนเรื่องของริ้วรอยต้องใช้เวลาอีกสักพักเช่นเคย ในเรื่องของความอ่อนโยนต้องยกให้น้องเค้าจริงๆ เราชอบตรงที่เค้าสามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่รบกวนประสิทธิภาพของสกินแคร์ตัวอื่นๆ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเซรั่มที่ให้ผลลัพธ์ดีงามควรค่าแก่การลงทุน
Kiehl's Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate
(100 ml ราคา 4,145 บาท)
เซรั่มที่มีส่วนผสมจากวิตามินซี 12.5% ประกอบด้วย Ascorbic Acid 10.5% ช่วยลดเลือนริ้วรอยทั้งตื้นและลึก ปรับสภาพผิวให้เปล่งปลั่ง และมี Ascorbyl Glucoside หรือ Vitamin Cg 2% ช่วยให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวชั้นบนทันที จึงช่วยบำรุงและลดเลือนริ้วรอยอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีไฮยาลูโรนิก แอซิดขนาดเล็กและซึมซาบไว มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้ถึง 1000 เท่า จึงช่วยดึงความชื้นเข้าสู่ผิวชั้นนอกแล้วพองตัวขึ้นเมื่อดูดซับความชื้นไว้ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เหมาะกับทุกสภาพผิว
🎖คุณสมบัติโดดเด่น
* ลดเลือนจุดด่างดำให้จางลง
* รับผิวชั้นนอกให้เปล่งปลั่งกระจ่างใส
* ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยทั้งริ้วรอยตื้นและริ้วรอยร่องลึกของผิวชั้นนอกให้จางลง โดยเฉพาะบริเวณหางตาและมุมปาก
* กระตุ้นการสร้างคลอลาเจนตามธรรมชาติ ผิวจึงเรียบเนียนเปล่งปลั่งสดใสยิ่งขึ้น
🚩 ปราศจาก : สารกันเสียและการแต่งสีและกลิ่น
ลักษณะของผลิตภัณฑ์ 🎨
เซรั่มกึ่งครีม บางเบา เกลี่ยง่าย รู้สึกอุ่นๆ ที่ผิว มีกลิ่นซีตรัส มื่อลงไปบนผิวจะเห็นได้ว่ามีลักษณะคล้ายซิลิโคนเคลือบผิวอยู่ สีของเซรั่มเมื่อเปิดใช้ครั้งแรกเป็นสีขาว แต่ 1 ปีผ่านไป สีของเค้าก็เปลี่ยนไปดังภาพ
ผลลัพธ์หลังการใช้
จากการใช้เป็นเวลา 1 ปี พบว่า ช่วยเบลอรูขุมขนได้ในทันทีและในระยะยาว ให้ผิวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ รอยดำรอยแดงจากสิวได้ดีเลยค่ะ ไม่ทิ้งความมันเหนอะหนะ ช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆ ริ้วรอยร่องแก้ม รอยย่นบนหน้าผากตื้นขึ้น ช่วยให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียนและละเอียดมากขึ้น ทำให้หน้าดูแมทและโกลว ให้ความชุ่มชื้นได้ดี เป็นเซรั่มที่ควรค่าแก่การลงทุนมาก แต่สีจะเปลี่ยนไวเนื่องจากมีความไม่เสถียรสูง การเลือกขนาดที่เล็กลงมาหน่อยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เวิร์ค
มาดูลักษณะและเนื้อสัมผัสของแต่ละตัวกันค่ะ
เนื้อสัมผัสของแต่ละแบรนด์
Kiehl’s มีความหนืดมากกว่าใครเพื่อน รองลงมาคือ Boots และสุดท้ายคือ FYNE
สำหรับเรื่องของสีที่เปลี่ยนไปเราบอกได้เลยว่า Kiehl’s มีสีที่เปลี่ยนไวมาก ในเดือนที่ 1 – 2 ก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ ผ่านไป 1 ปี ก็มีสีดังภาพ ส่วน Boots และ FYNE ที่เราเปิดทดลองใช้ได้เพียง 2 สัปดาห์ เท่านั้น เราจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าทั้ง 2 ตัวจะมีสีที่เปลี่ยนไปหรือไม่เพราะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง
ความเกลี่ยง่าย
เนื้อสัมผัสแตกต่างกัน แต่!! แต่ละตัวมีความเกลี่ยง่ายตามแบบฉบับของตัวเอง ดังนั้นเราให้คะแนนเท่ากัน
การซึมซาบเข้าสู่ผิว
ภาพมันฟ้องว่าทั้ง 3 ตัว ซึบซาบเข้าสู่ผิวได้ดีพอๆ กัน มองอย่างผิวเผินแทบไม่มีความแตกต่าง และที่สำคัญ ทั้ง 3 ตัว ให้ความรู้สึกสบายผิว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ (จากภาพจะเห็นว่าผิวยังคงมีความชุ่มๆ อยู่ เพราะเรายังนวดน้องๆ ให้ซึมเข้าสู่ผิวไม่เต็มที่นะคะ)
ทั้งหมดนี้คือเซรั่มวิตามินที่เราใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ต้องบอกว่าเราชอบทั้งตัวเลยเพราะแต่ละตัวเค้ามีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทั้ง 3 ตัวให้ผลลัพธ์ที่ดีงามมาก หากไม่เชื่อว่าวิตามินซีจะช่วยให้ผิวของเราดูดีขึ้นได้ขนาดนี้ก็ต้องเชื่อแล้วล่ะค่ะ และอย่าลืมว่าสภาพผิวของแต่ละคนตอบสนองต่อสกินแคร์แตกต่างกันออกไปดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันออกไปด้วยน๊า
ข้อแนะนำ
1. ควรใช้คู่กับครีมกันแดดในตอนเช้า
2. ไม่ควรใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ที่เป็น AHA หรือ BHA เพื่อลดโอกาสการเกิดความระคายเคือง
3. ในการใช้ครั้งแรก ควรเทสที่หลังใบหูหรือท้องแขนก่อนเสมอ
4. สกินแคร์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินอี กรดเฟอรูลิก Niacinamide จะช่วยส่งเสริมการทำงานของวิตามินซี
5. หยุดใช้หากผลิตภัณฑ์เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มหรือสีน้ำตาล ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์อาจจะเสื่อมหรือหมดประสิทธิภาพ
[SR] ผิวสวยกระจ่างใสแลดูสุขภาพดีในวัย 30 +++ด้วยเซรั่มวิตามินซี 3 แบรนด์ 3 สไตล์
พิสูจน์ได้จาก 1 ปี ที่ผ่านมานี้ เราพิถีพิถันในการเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้ามากขึ้นและแน่นอนว่าสกินแคร์ที่เพิ่มเข้ามาในวัย 30 +++ ต้องเป็นสกินแคร์ที่มีส่วนประกอบวิตามินซีเป็นหลัก
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มีสภาพผิวหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
ทำไมเราจึงต้องยกให้วิตามินซีเป็นสกินแคร์ตัวหลักในวัย 30 +++ ?
เพราะเมื่ออายุมากขึ้นกระบวณการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติจะเกิดขึ้นช้ากว่าปกติ ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวตามมา ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ สิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง รวมถึงปัญหาหนักใจของใครหลายคน คือ “ริ้วรอย”
แต่เอ๊ะ !!! แล้ววิตามินซีจะช่วยให้ผิวของเราแลดูสวยและมีสุขภาพดีได้อย่างไร ??
ประโยชน์ของวิตามินซีที่มีต่อผิวพรรณ ได้แก่
1. กระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น : วิตามินซีจึงมีผลในการต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย
2. ลดการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว กระตุ้นการผลิตกลูต้าไธโอนและวิตามินอี จึงช่วยปรับสภาพผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส และมีสุขภาพดี
3. ลดเลือนจุดด่างดำ รอยแดง รอยดำ จากสิว ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ และกระจ่างใส
4. ปกป้องผิวจากรังสี UVB และฟื้นฟูผิวจากแสงแดด : วิตามินซีเป็น Antioxidant สามารถยับยั้งสารอนุมูลอิสระต่างๆ
5. ลดการอักเสบ ติดเชื้อ สมานแผล : วิตามินซีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ดังนั้นจึงช่วยให้แผลบริเวณผิวหนังหายเป็นปกติเร็วขึ้น
วิตามินซีที่เราหยิบมาพูดถึงในวันนี้มาในรูปแบบของเซรั่ม จาก 3 แบรนด์ 3 สไตล์ ได้แก่
· Boots Vitamin C Brightening Anti - ageing Intensive Serum
· FYNE Potent Vitamin C Antioxidant Brightening Fluid Serum
· Kiehl's Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate
Note ! !
สภาพผิว : 🔎 ผิวผสมค่อนไปทางแห้งและขาดน้ำ มีฝ้า กระ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีริ้วรอยตื้นๆ และริ้วรอยร่องลึก
ประกอบด้วยส่วนผสมที่สำคัญ ดังนี้
· 2x Hyaluronic Acid : ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น
· Sodium Hyaluronate : ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ให้ผิวสมดุล เปล่งปลั่ง และลดเลือนริ้วรอย
· Hydrolyzed Hyaluronic Acid : ช่วยเติมความชุ่มชื้น และเพิ่มความกระชับ
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
เซรั่มเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย เนื้อสัมผัสคล้ายไพร์มเมอร์เคลือบคลุมผิวเอาไว้ แต่ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมคล้ายส้มยูสุ ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย
ผลลัพธ์หลังการใช้
หลังการใช้อย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ พบว่าช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสมากขึ้น จุดด่างดำ รวมถึงรอยดำ รอยแดงจากสิวดูลดเลือนลง เติมความชุ่มชื่นให้ผิวได้กลางๆ ยังต้องใช้มอยสเจอร์ไรเซอร์ควบคู่ไปด้วย เนื้อสัมผัสที่คล้ายไพร์เมอร์จึงช่วยเบลอรูขุมขน ให้ผิวโกลวและช่วยให้เมคอัพติดทนมากขึ้น สำหรับเรื่องของริ้วรอยต้องใช้เวลาสักพัก ถือว่าเป็นเซรั่มที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและราคาไม่สูงจนเกินไป
ประกอบด้วยส่วนผสมที่สำคัญ ดังนี้
· 12% Vitamin C เสถียร 3 อนุพันธ์ ได้แก่ 8% SAP ลดการอักเสบ ลดปัญหาสิว ปรับผิวสว่างกระจ่างใส ลดรอยแดง รอยดำ 2% AA2G และ 2%EAC ปรับผิวสว่างกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
· Highly Effective Antioxidants ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ด้วย 2 กลไก คือ ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระและกำจัดอนุมูลอิสระที่มีอยู่แล้ว จากส่วนผสม ดังนี้ SOD , Fullerenes , Astaxanthin , Coenzyme- Q10 , Vitamin E , Grape Seed , Green Tea Leaf และ Ginkgo Leaf
· Peptide 2 ชนิด ได้แก่ ArgirelineTM และ MatrixylTM ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เพื่อชะลอการเกิดริ้วรอย และลดเลือน Fine Line
· Hyaluronic Acid ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ลดเลือน Fine Line
- No Silicone , Fragrance , Alcohol , Colorant , Paraben and Mineral Oil
- ผ่านการทดสอบ Dermatologically Tested พบว่า ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
เซรั่มเนื้อบางเบา สีส้มอ่อนๆ เกลี่ยง่าย ซึมซาบเข้าสู่ผิวไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผลลัพธ์หลังการใช้
หลังการใช้อย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ พบว่าสามารถลดรอยดำรอยแดงจากสิวอักเสบที่เกิดจากการบีบเค้นใหม่ๆ ให้จางลงได้ในสามถึงสี่วัน ถือว่าให้ผลลัพธ์ค่อนข้างไว ส่วนจุดด่างดำเก่าๆ ที่มีก่อนหน้านี้จะจางลงช้ากว่ารอยที่เกิดใหม่หน่อยนะคะ สภาพผิวโดยรวมที่สัมผัสได้ใน 2 สัปดาห์ คือ ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู กระจ่างใส และรูขุมขนกระชับมากขึ้น เมื่อใช้ควบคู่กับเจลแต้มสิวจะช่วยลดการอักเสบของสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับเรื่องของการเติมความชุ่มชื่นให้ผิว สภาพผิวของเราก็ยังคงต้องใช้มอยสเจอร์ไรเซอร์ควบคู่กันไปด้วย ส่วนเรื่องของริ้วรอยต้องใช้เวลาอีกสักพักเช่นเคย ในเรื่องของความอ่อนโยนต้องยกให้น้องเค้าจริงๆ เราชอบตรงที่เค้าสามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่รบกวนประสิทธิภาพของสกินแคร์ตัวอื่นๆ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเซรั่มที่ให้ผลลัพธ์ดีงามควรค่าแก่การลงทุน
🎖คุณสมบัติโดดเด่น
* ลดเลือนจุดด่างดำให้จางลง
* รับผิวชั้นนอกให้เปล่งปลั่งกระจ่างใส
* ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยทั้งริ้วรอยตื้นและริ้วรอยร่องลึกของผิวชั้นนอกให้จางลง โดยเฉพาะบริเวณหางตาและมุมปาก
* กระตุ้นการสร้างคลอลาเจนตามธรรมชาติ ผิวจึงเรียบเนียนเปล่งปลั่งสดใสยิ่งขึ้น
🚩 ปราศจาก : สารกันเสียและการแต่งสีและกลิ่น
เซรั่มกึ่งครีม บางเบา เกลี่ยง่าย รู้สึกอุ่นๆ ที่ผิว มีกลิ่นซีตรัส มื่อลงไปบนผิวจะเห็นได้ว่ามีลักษณะคล้ายซิลิโคนเคลือบผิวอยู่ สีของเซรั่มเมื่อเปิดใช้ครั้งแรกเป็นสีขาว แต่ 1 ปีผ่านไป สีของเค้าก็เปลี่ยนไปดังภาพ
ผลลัพธ์หลังการใช้
จากการใช้เป็นเวลา 1 ปี พบว่า ช่วยเบลอรูขุมขนได้ในทันทีและในระยะยาว ให้ผิวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ รอยดำรอยแดงจากสิวได้ดีเลยค่ะ ไม่ทิ้งความมันเหนอะหนะ ช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆ ริ้วรอยร่องแก้ม รอยย่นบนหน้าผากตื้นขึ้น ช่วยให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียนและละเอียดมากขึ้น ทำให้หน้าดูแมทและโกลว ให้ความชุ่มชื้นได้ดี เป็นเซรั่มที่ควรค่าแก่การลงทุนมาก แต่สีจะเปลี่ยนไวเนื่องจากมีความไม่เสถียรสูง การเลือกขนาดที่เล็กลงมาหน่อยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เวิร์ค
Kiehl’s มีความหนืดมากกว่าใครเพื่อน รองลงมาคือ Boots และสุดท้ายคือ FYNE
สำหรับเรื่องของสีที่เปลี่ยนไปเราบอกได้เลยว่า Kiehl’s มีสีที่เปลี่ยนไวมาก ในเดือนที่ 1 – 2 ก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ ผ่านไป 1 ปี ก็มีสีดังภาพ ส่วน Boots และ FYNE ที่เราเปิดทดลองใช้ได้เพียง 2 สัปดาห์ เท่านั้น เราจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าทั้ง 2 ตัวจะมีสีที่เปลี่ยนไปหรือไม่เพราะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง
เนื้อสัมผัสแตกต่างกัน แต่!! แต่ละตัวมีความเกลี่ยง่ายตามแบบฉบับของตัวเอง ดังนั้นเราให้คะแนนเท่ากัน
การซึมซาบเข้าสู่ผิว
ภาพมันฟ้องว่าทั้ง 3 ตัว ซึบซาบเข้าสู่ผิวได้ดีพอๆ กัน มองอย่างผิวเผินแทบไม่มีความแตกต่าง และที่สำคัญ ทั้ง 3 ตัว ให้ความรู้สึกสบายผิว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ (จากภาพจะเห็นว่าผิวยังคงมีความชุ่มๆ อยู่ เพราะเรายังนวดน้องๆ ให้ซึมเข้าสู่ผิวไม่เต็มที่นะคะ)
ทั้งหมดนี้คือเซรั่มวิตามินที่เราใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ต้องบอกว่าเราชอบทั้งตัวเลยเพราะแต่ละตัวเค้ามีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทั้ง 3 ตัวให้ผลลัพธ์ที่ดีงามมาก หากไม่เชื่อว่าวิตามินซีจะช่วยให้ผิวของเราดูดีขึ้นได้ขนาดนี้ก็ต้องเชื่อแล้วล่ะค่ะ และอย่าลืมว่าสภาพผิวของแต่ละคนตอบสนองต่อสกินแคร์แตกต่างกันออกไปดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันออกไปด้วยน๊า
ข้อแนะนำ
1. ควรใช้คู่กับครีมกันแดดในตอนเช้า
2. ไม่ควรใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ที่เป็น AHA หรือ BHA เพื่อลดโอกาสการเกิดความระคายเคือง
3. ในการใช้ครั้งแรก ควรเทสที่หลังใบหูหรือท้องแขนก่อนเสมอ
4. สกินแคร์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินอี กรดเฟอรูลิก Niacinamide จะช่วยส่งเสริมการทำงานของวิตามินซี
5. หยุดใช้หากผลิตภัณฑ์เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มหรือสีน้ำตาล ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์อาจจะเสื่อมหรือหมดประสิทธิภาพ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม