เนื่องจากเราออกเดินทางกันเช้าวันที่ 25 กรกฏาคม 2563 เพื่อที่จะค้างในตัวเมืองเพชรบูรณ์ก่อน เพื่อเช้าวันถัดไปจะได้ไปวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วและเข้าพักที่ The Terrace View (เดอะ เทอเรสวิว รีสอร์ท เขาค้อ) เพื่อตอนเช้า จะได้ชมทะเลหมอกได้อย่างเต็มที่ 

ที่พักใน คืนแรก ของเรา "กลางเมืองริเวอร์โฮม เพชรบูรณ์"  คืนละ 500 บาท ต่อห้อง เท่านั้น!!!

ด้านหน้าของโรงแรมหน้าตาออกแนวหอพัก แต่ไม่ใช่ประเด็นเลย เพราะพนักงานทุกท่านบริการ ดุจร้านเพชร


ห้องพักกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน มีผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ยาสระผม ครีมอาบน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น และเซ็ทแปรงสีฟันนั่นนี่ไว้คอยบริการ
มีตู้เย็นด้วย ในตู้เย็นมีน้ำเปล่า 2 ขวด
ซึ่งจะว่าง่ายๆก็คือ เป็น Facility มาตรฐานที่โรงแรมทั่วไปต้องมี แต่คือที่นี่ราคาย่อมเยามาก!  

ที่นอนแข็งไปหน่อย แต่รวมๆแล้วหลับสบายตลอดคืน
(ยังอุตส่ามีระเบียง ประทับจิตเหลือเกิน )


แชมพู & ยาสระผม คือจัดขวดปั๊มมาเลย ลุ้นว่าใครจะมาเจอตอนมันหมดกันนะ


ห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน คือกว้างขวาง ดีงาม มีกลิ่นนิดหน่อย รับได้ ไม่ซี


Shower Kit คือมีให้อ่ะ ยอมใจเขาเลย


ตอนแรกเข้าใจว่าไม่มีอาหารเช้า ตอนที่จองไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แค่ต้องการนอนเพียง 1 คืนแล้วตอนเช้าจะรีบออกไปที่อื่นต่อ เท่านั้นเอง
แต่คือ... มีอาหารเช้า!!
อาหารเช้าที่ไม่ใช่แค่ข้าวต้มแบบขอไปที มันคือไลน์อาหารสไตล์โรงแรม 3 ดาวขนาดย่อม! และที่สำคัญคือ 500 บาทที่จ่ายไป รวมอาหารเช้าด้วย!!

มายก้อด!! แทบไม่กล้าตักข้าวต้มเลย เกรงใจสุด!!!

เริ่มด้วยไลน์กาแฟ ปาท่องโก๋ ขนมปังปิ้งพร้อมเนยและแยม


เบี่ยงซ้ายมาหน่อยเป็นไลน์ข้าวต้มหมู คือหมูเยอะมาก เยอะแบบไม่มีอะไรกั้น



จริงๆแล้ว คืนละ 500 บาท ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ คือเกรงใจมาก แอบวางทิปไว้ในห้องนิดหน่อย ก่อนเก็บกระเป๋าออกมา


หลังจากเช็คเอาท์จาก กลางเมืองริเวอร์โฮม แล้ว พวกเราขึ้นไปไหว้พระบนวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วกัน

มวลมหาชนชาวสยาม...
เนื่องจากต้องถอดรองเท้าเดินตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ แนะนำให้ติดถุงผ้าไปใส่รองเท้าของเราด้วยค่ะ เวลากลับจะได้ไม่เสียเวลาหา


ถึงจะมีแดดจัดและอากาศร้อนแค่ไหน บนยอดภูเขาก็ยังมีเมฆ (หรือหมอก) ปกคลุมหนาแน่น

สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นมาถวายสักการะด้านบน นักท่องเที่ยวชาย แต่งตัวได้ตามใจชอบ ขาสั้นยาว เสื้อกล้าม นักท่องเที่ยวหญิง ห้ามใส่ขาสั้น หรือขาก๊วยกึ่งขาสั้น ถือว่าไม่สุภาพ ให้ซื้อผ้าคลุมกันโป๊ ราคา 120 บาท มีบริการใส่ให้ด้วย 


ราวๆบ่ายสามโมง เราก็เดินทางไปยังที่พักแห่งที่สองของทริปนี้ หวังใจว่า ตื่นขึ้นมาตอนเช้า จะเห็นทะเลหมอกลอยอยู่รอบๆตัว


The Terrace View (เดอะ เทอเรสวิว รีสอร์ท เขาค้อ)

จากที่ดูรีวิว ก่อนทำการจอง ก็พอทราบมาบ้าง ว่าทางเข้าที่พักหวาดเสียวเล็กน้อย (ตามรีวิวที่เขาบอกมา) แต่ก็ไม่เคยเห็นรีวิวจริงๆจังๆเรื่องทางเข้าสักที
พอเจอของจริง ก็ไม่ทันได้ถ่ายรูปทางเข้าเลย ลุ้นหัวใจจะวาย เพราะทางเข้าเป็นเนินลง ชันมากๆ ลดเลี้ยวและแคบ (ชันละ 1 วูบ มีประมาณ 4-5 วูบ) นึกไม่ออกว่าถ้ามีรถสวนเข้ามาจะทำไง (ไม่มีรูปตอนเข้ามา แต่มีรูปตอนออกไปนะ)

ที่พักก็สวยอยู่ ราคาห้องพักก็เอาเรื่องอยู่ 
ผู้ใหญ่ 6 เด็ก 2 เราจอง 2 ห้อง ห้องใหญ่แฟมมิลี่และห้องสำหรับ 2 คน รวมแล้ว 10,500 บาท จ่ายเงินสด โอนเต็มเท่านั้น ไม่มีในอโกด้า ก็ไม่รู้อะไรดลใจเหมือนกัน เอาน่ะ! ถือซะว่าฟาดเคราะห์


สำหรับห้องแฟมมิลี่ของเรา จะเป็นแบบ 2 ชั้น เราพักชั้นบน ต้องขึ้นบันไดวนชันๆ มีราวบันไดด้านเดียว ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กเลยนะคะ 
ระเบียงกว้างขวาง มีเบาะ และโต๊ะสำหรับทานอาหาร และหม้อไฟด้วย


แอบสูงอยู่นะ


ระเบียงทำเป็นม้านั่งถ่ายรูปสวยๆได้ วิวดีงาม แต่ต้องระวังเด็กๆอายุ 2 ขวบที่มาด้วย วิ่งซนตลอดเวลา ระเบียงไม่มีอะไรกั้น กลัวเด็กๆจะวิ่งซนจะตกลงไป ตกลงไปโดยไม่มีอะไรกัน 


เอาล่ะ ไปดูข้างในกันบ้าง

เตียงไซส์คิงเบ้ด นุ่มดี ห้องกว้าง (ยังช็อคกับทางเข้าอยู่ แม่ก็บ่นตลอดเวลาให้ขอเงินคืนแล้วไปนอนที่อื่น)


ตกแต่งสวยดี แต่สวยกว่านี้ราคาย่อมเยากว่านี้ ...ก็มี


ในตู้เย็น มีน้ำดื่มให้ 2 ขวด เป็นมาตรฐาน


รองเท้าเดินในห้องเป็นหนัง PU ไม่ใช่แบบผ้า อันนี้หรูขึ้นมาหน่อย (บานาฮิลที่ดานัง ยังเป็นแตะลักษณะแบบยี่ห้อดาวเทียมอยู่เลยนะเออ)


มีเมนูอาหารให้ห้องพัก สามารถสั่งหม้อไฟมารับประทานที่ระเบียงหน้าห้องได้ แต่หมูกระทะต้องไปทานที่ร้านอาหารด้านบน 

เนื่องจากห้องพักของเราอยู่โซน B คืออยู่โซนต่ำที่สุด จะต้องเดินขึ้นไปโซน A ซึ่งเป็นจุดสำหรับถ่ายรูปชมวิว และเป็นที่รับประทานอาหารเช้าด้วย
ป.ล. ถ้าคุณพักโซน B คุณต้องขับรถลงมาจอดหน้าห้องตัวเอง ซึ่งหมายความว่า คุณต้องลงเนินชัน (ความรู้สึกคือ 45 องศา) อีก 1 วูบ (ไม่รวม 4-5 วูบแรกตอนลงมาที่ล็อบบี้เช็คอิน)

ครัวเปิด 17.00 - 19.00 เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น นาทีทอง หรืออยากขับขึ้นเนินแอดเวนเจอร์ออกไปหาทานที่อื่นก็ตามใจ 


วิวหน้าห้องค่ะ สวยอยู่ กดไปเรื่อยระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ (สั่งหม้อไฟเพิ่มหมูมาด้วยนะ)


ค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ 


พอเริ่มมืด ข้างบนเริ่มเปิดไฟ เดินขึ้นไปดูจุดถ่ายรูปของรีสอร์ทเสียหน่อย 

เดินทะลุไปด้านหลัง จะมีทางเชื่อมไปทุกส่วนของรีสอร์ท


ทางเดินมีหญ้าขึ้นแซมๆ ใกล้ชิดธรรมชาติขั้นสุด

เสียงจิ้งหรีดนี่แบบ หืออ.... 


คือไอโฟนนี่เขาเน้นถ่ายรูปในที่แสงน้อยนะ แล้วแบบคือ ท้องฟ้าดำๆมืดๆ พี่ก็ปรับซะสว่าง 


มีจุดถ่ายรูปสวยๆหลายจุด


ถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วก็กลับห้อง รีบนอน รีบตื่นมาดูหมอกกันค่ะ

ช่วงเช้า หวังเอาไว้มาก ว่าจะเจอหมอกหนาๆ ลุกมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า จิบกาแฟ รอหมอก


เต็มที่แล้ว ได้เท่านี้ ไม่โทษใครเลยค่ะ ...จริงๆ
(หมอกหนาอยู่อีกฝั่ง โซน A อาจจะเห็นมากกว่านี้ )


ทำใจแล้วกลับเข้าห้องอาบน้ำ แต่งตัวไปกินมื้อเช้าดีกว่า

เราจะขึ้นไป Breakfast ด้านบนกัน


ขึ้นบันไดรัวๆ


ซึ่งจุดรับประทานอาหารเช้า ก็คือล็อบบี้ที่เราเช็คอินเมื่อวานนี้เอง


อาหารก็หลากหลายประมาณหนึ่ง


ปิ้งขนมปังได้ทีละ 8 แผ่น เยอะอยู่


มีถึงกับเสิร์ฟบรีชีสขนาดนั้น แต่ก็มีเนยให้อยู่


น้ำสลัดบีทรู้ดนาจา..


น้ำส้มอร่อยดี


ข้าวต้มหมู ของมันต้องมีนะ มีข้าวต้มน้ำต้มแซบกระดูกอ่อนด้วยนะ อร่อยแหละ


สบายพุงแล้ว เช็คเอาท์กันค่ะ

ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่กรี๊ดและจะถ่ายรูปทางออกให้ได้มากที่สุด ซึ่งทางจริงๆเป็นเนินชันมากๆ แต่รูปถ่ายออกมามันดูไม่ชันเอาซะเลย 

มันลวงตามาก!!!


ของที่วางไว้ข้างหน้าถึงกับหล่นลงมา เพระมันชันจริงๆ

ค่อยๆไต่ขึ้นไป

มีความชันอยู่ตลอดเวลา 

นึกไม่ออกเลยถ้ามีรถสวนมา

โผล่ออกไปคือทางโค้งของถนนใหญ่ จะพุ่งออกไปไม่ได้นะคะ  ต้องหยุดตรงปากทางชันๆนั่นแหละ รอให้รถว่างค่อยเลี้ยวออกไป


ออกมาถึงถนนใหญ่ในที่สุด ขวัญเอ๊ย ขวัญมา...


จากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับบ้านกันอย่างมีความสุข

ขอจบการรีวิวที่พักเขาค้อและที่พักเพชรบูรณ์แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณค่ะ