HOKKAIDO ลุยหิมะหน้าหนาว หาของอร่อยที่ฮอกไกโด ! 4days 4nights

สวัสดีค่า กลับมาอีกแล้วววว
ครั้งนี้มาเล่าประสบการณ์ตะลุยหิมะหน้าหนาวที่ฮอกไกโด แล้วก็หาของกินอร่อยๆระหว่างทางกันค่า เย้
ทริปนี้เราไปมาตอนต้นปี ช่วงอาทิตย์แรกของเดือนมกราคม ตรงกับช่วงหน้าหนาวพอดี อากาศมันหนาวแบบแห้งๆ แนะนำให้เตรียมหมวกไหมพรมหรือที่ครอบหูไปด้วย จะช่วยเพิ่มความอุ่นได้เยอะเลย

—การเดินทาง
เราเดินทางจากโอซาก้าไปลง New Chitose Airport ใข้เวลาเดินทางประมาน 1 ชั่วโมง 20นาที ค่าตั๋วไปกลับของสายการบิน ANA อยู่ที่ประมาน 6,000 บาท ครั้งนี้เราเน้นเที่ยวรอบๆตัวเมืองซัปโปโร แล้วก็เมืองข้างๆที่ไม่ไกลจากกันมาก การเดินทางทั้งหมดใช้แค่รถไฟกับรสบัสค่า 

—ที่พัก
เราพักที่ตัวเมืองซัปโปโรเลย โรงแรมชื่อ Tmark City Hotel อยู่ใกล้สถานี Susukino มากๆ เดินไปประมาน 10 นาทีถึง มีอาหารเช้าให้ พี่พนักงานบริการดีมาก ยิ้มแย้มสุด (ทัวร์คนไทยเยอะมากๆๆ) ถ้าให้เทียบกับโอซาก้าแล้วเราว่าซูซูกิโนะเหมือนกับนัมบะ คือเป็นแหล่งรวมของกินแล้วก็ซื้อของชอปปิ้งได้เลย ที่ซัปโปโรจะมีทางเดินใต้ดินที่ยาวมากๆ เหมือน Metro Mall ถ้าทนหนาวข้างบนไม่ไหวก็แวะไปเดินหาของกินชั้นใต้ดินได้เน้อ

—ค่าใช้จ่าย
รวมค่ากินวันละสองมื้อบวกกินจุกกินจิกข้างทางนิดหน่อย แล้วก็ค่าเดินในตัวเมือง(ค่ารถไฟและบัส) ทั้งหมดคิดว่าไม่เกินสามหมื่นเยนต่อคนค่า

ปล.อย่าลืมทำประกันท่องเที่ยวด้วยนะทุกคน ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลที่ต่างประเทษค่อนข้างสูงเลย กันไว้ดีกว่าแก้เนอะ

Day 1 
เราไปถึงสนามบินซัปโปโรก็ช่วงเย็นแล้ว ประมานห้าโมง เรานั่งรถบัสจากสนามบินมาลงที่ Susukino ค่ารถบัสคนละประมานไม่เกิน 1,500 เยน จากที่ลงรสบัสเดินต่อไปถึงโรงแรม เก็บของแล้วก็ออกไปกินข้าวเย็น ร้านอาหารแถวโรงแรมค่อนข้างเยอะเลย มีทั้งราเมงที่มีให้เลือกเยอะมากๆ แล้วก็ส่วนใหญ่ร้านที่เราเห็นคือ เจงกิสข่าน (เนื้อแกะย่าง) แล้วอากาศมันหนาวๆ อะ พอเห็นควันลอยออกแล้วความน่ากินเพิ่มขึ้นไปอีกสิบเท่า แต่ถามว่ามื้อเย็นของเราวันนี้คืออะไร คำตอบคือ โอยาโกะด้ง(ข้าวหน้าไก่ไข่) กับโซบะร้อน 55555555555 ไม่ได้กินอันที่พูดมาเลย ร้านชื่อ Soba-suke Sapporo Susukino
Day 2  Hokkaido Jingu - Shiroi Koibito Chocolate Factory - Sapporo Beer Museum
วันแรกของการออกเที่ยว วันนี้เราเริ่มทริปด้วยการไปศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Jingu) นั่งรถไฟจากสถานี Odori สาย Tozai Line สายสีส้ม ไปลงสถานี Maruyama Koen ศาลเจ้าอยู่แถบเดียวกับสวนสาธาณะ Maruyama เดินจากสถานีประมาน 10 นาทีก็ถึงเลย ช่วงที่เราไปตรงกับปีใหม่พอดี คนก็เลยครึกครื้นมากๆ มีร้านขายของกินข้างทางยาวไปจนถึงหน้าทางเข้าศาลเจ้าเลย เราเซี่ยงเซียมซีด้วย แต่ได้อันโชคไม่ค่อยดีเลยผูกไว้ที่ศาลเจ้า555555555 ขากลับทางเดินออกเราลองชิมสาเกหวาน เป็นแบบร้อนตักใส่แก้วเล็กๆ คือมันดีมากกกก แบบอากาศหนาวๆกับสาเกร้อนๆ หวานด้วน ไม่ขมเลย อยากให้ทุกคนได้ลอง (หาซื้อตามซุปเปอร์ในตัวเมืองก็ได้ค่า ได้ทั่วประเทศเลย แต่อาจจะไม่ร้อนนะ)
จากศาลเจ้าแล้วเราไปต่อที่โรงงานขนมที่น่าจะอยู่ในลิสต์เที่ยวของทุกคน Shiroi Koibito Chocolate Factory เรานั่งรถไฟจากสถานี Maruyama Koen ไปลงที่สถานี Miyanosawa สายสีส้มเหมือนเดิม เดินจากสถานีประมาน 15 นาที ไปถึงโรงงานชอกโกแลต ข้างในมีส่วนให้ชมโรงงาน ตอนกำลังผลิต ตอนแพคห่อ เสียค่าเข้าคนละประมาน 600 เยน มีขนมแจกให้คนละหนึ่งชิ้น ข้างในน่ารักมากๆ มีที่ถ่ายรูปแล้วก็ขนมขายเยอะมากกกก แต่ตัวท็อปเลยก็น่าจะเป็นคุกกี้ไส้ไวท์ชอคที่ทุกคนดูไปถึงแล้วต้องซื้อกลับบ้าน รวมทั้งเราด้วย555555555 บรรยากาศแอบคล้ายใน Charlie and the chocolate factory หน่อยๆ แต่ค่อนข้างเล็กกว่าที่คิด เหมาะกับการไปเดินเล่นและถ่ายรูปคิ้วๆ
มื้อกลางวันวันนี้เรากินราเมงแถวโรงงานขนม ซึ่งเจอโดยบังเอิญเหมือนร้านลับแล5555555 แต่มันอร่อยมากทุกคน คือเส้นมันสีเหลืองหนานุ่ม กับน้ำซุปมิโซะที่ข้นมากกกก เป็นความบังเอิญที่โชคดีมากๆ ร้านชื่อ Menya rokkon sapporo คุณลุงเจ้าของร้านใจดีมากๆ แนะนำจริงๆๆ
จากโรงงานขนมเราไปต่อที่ Sapporo Beer Museum ข้างในเค้าจะมีทัวร์โรงงานให้ชิมเบียร์ชนิดต่างๆด้วย แต่เราไม่ได้ทัวร์โรงงาน แค่เข้าไปเดินดูตรงส่วนพิพิธภัณฑ์เฉยๆ ตรงโถงชั้นหนึ่งจะเป็นโซนขายของฝาก แล้วก็โซนนั่งดื่ม มีเบียร์หลายชนิดให้ลอง เราลองไปแค่ชนิดเดียวเลยไม่ค่อยรู้ความแตกต่างเท่าไหร่ แต่ชีสก้อนที่เอาไว้กินเป็นกลับแกล้มอร่อยมาก อย่าลืมลองนะทุกคน55555555
สุดท้ายจบวันนี้ด้วยมื้อเย็นที่ร้านอิซากายะแถวซูซูกิโนะ เราสั่งเซตข้าวซาชิมิ เซตนี้คือคุ้มค่าราคามากๆๆ รวมข้าวกับซุปด้วยแล้ว 1,000 เยน มีเครื่องเคียง ผักดอง ให้ตักได้เองด้วย เมนูอื่นนอกจากอาหารทะเลก็มี พวกไก่ทอดคาราอาเกะ หรือหม้อไฟชาบูไรงี้ ร้านอยู่สุดทางเดินเลย เดินไกลนิดนึง แต่ความอร่อยคือเกินราคาเลย ร้านชื่อ Rukku Izakaya 
จบวันนี้แล้ววว เดินบนหิมะด้วยสนีกเกอร์ธรรมดาคือใช้กล้ามเนื้อขาร้อยเท่า

Day 3 Noboribetsu - Jigokudani
วันนี้ออกแต่เช้า ไปหุบเขานรก Jigokudani ที่เมือง Noboribetsu เมืองค่อนข้างไกลจากตัวเมืองฮอกไกโดพอสมควร ถ้ามีรถขับน่าจะสะดวกกว่า แต่เรานั่งรสบัสไปใช้เวลาประมาน 2 ขั่วโมงครึ่ง เป็นรถบัส High way ขึ้นจาก Sapporo eki mae Bus Terminal แล้วนั่งยาวไปลงป้าย Noboribetsu Onsen รถบัสมีรอบไม่ค่อยเยอะมาก เราเลยเลือกรอบเช้า ค่ารถหนึ่งรอบประมาน 2,000 เยนนิดๆ ไปถึงก็เกือบเที่ยงๆพอดี พอลงสถานีแล้วจะเป็นทางเดินขึ้นไปหุบเขา แต่ไม่ได้ไกลแล้วก็ไม่ชันมาก เป็นทางรถวิ่งเดินได้สบายเลย 
ใจกลางหุบเขาเหม็นมากกกกก เหมือนกลิ่นไข่เน่าแบบฟุ้งอยู่ทั่วๆ แต่วิวสวยมาก ยิ่งมีแดดลงมาตรงกลางคือถ่ายมุมไหนก็สวย ทางเดินไม่ได้ชันมากขนาดนั้น จะมีบันไดให้เดินไปเรื่อยๆจนถึงตรงกลาง แล้วก็วนกลับ
กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องอะเนอะ เราแวะกินข้าวกลางวันแถวนนั้นเลย มีร้านให้เลือกประปราย ส่วนใหญ่เป็นร้านของฝาก แล้วก็พวกขนม ไอติม เราเลือกร้านที่คนน้อยที่สุดเพราะหิวมากกก ไม่อยากต่อคิว เป็นร้านแบบบ้านๆ ครอบครัวๆ ร้านขายเมนูทั่วไป มีทั้งราเมง เกี๊ยวซ่า ข้าวผัด เราสั่งราเมงกับเกี๊ยวซ่ามาลอง เกี๊ยวอร่อยมากกก พุงแน่นเลยทีเดียว ร้านชื่อ Izakaya Ramen Chiba
เสร็จแล้วเราไปเดินย่อยต่อที่ Noboribetsu Bear Park อยู่ใกล้กับร้านกินข้าวเลย เป็นสวนสัตว์น้องหมี ที่จริงๆ ก็มีสัตว์อื่นให้ดูด้วยเล็กน้อย แต่เน้นหมีเป็นหลัก สวนอยู่บนยอดเขา ต้องขึ้นกระเช้าไป มองลงมาจากกระเช้าแล้วจะเป็นวิวเกือบทั้งเมืองเลย สวยมากๆ น้องหมีข้างในน่ารัก น้องขี้เล่นด้วย แต่ละตัวจะมีชื่อติดอยู่เหมือนบอร์ดแนะนำตัว แต่น้องน่าเหมือนกันหมดเลยแยกไม่ออกซักตัว555555555
ปิดท้ายวันนี้ด้วยการนั่งรสบัสกลับมาที่ซูซูกิโนะ ซึ่งกว่าจะมาถึงก็คือใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงเพราะรถเต็ม ที่นั่งไม่พอ เลยต้องรถเสริมคันต่อไปท่ามกลางความหนาวที่ป้ายรถเมล์ กับนักท่องเที่ยวที่ก็ดูจะไม่รู้ชะตากรรมเหมือนกัน55555555 มื้อเย็นเรากินที่แถวซูซูกิโนะเหมือนเดิม แต่วันนี้พิเศษเพราะได้กินชาบู เย้! ร้านอยู่ข้างในตึก ต้องขึ้นลิฟต์ไป ข้างในร้านเล็กๆ มีที่นั่งแค่ประมาน 10 โต๊ะได้ เราสั่งสุกี้ยากี้แบบเซต คือมีเนื้อวัว ผัก แล้วก็ไข่ ไม่รู้ว่าเพราะหิวที่รอรถนานรึเปล่าแต่เนื้อวัวอร่อยมากกกก คือมีไขมันแทรกอยู่ทุกอนู เราได้ลองเนื้อแกะด้วย ก็เป็นความแปลกใหม่ที่อร่อยดี เนื้อแกะเหนียวหว่านิดหน่อยแต่ก็เคี้ยวเพลินๆ  ร้านที่เราไปกินชื่อ Waiwai Tei Susukino
จบวันแล้ววว ไปพักขาได้ เย้

ตัวอักษรไม่พอ ต่อข้างล่างค่า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่