ใครเป็นแบบนี้บ้าง
จะบอกว่าขี้เกียจก็ไม่เชิง แต่ก็ไม่ยอมเข้าสู่โหมดการทำงานอย่างจริงจังซักที
ภาวะแบบเราเรียกกันว่า "ผัดวันประกันพรุ่ง" เลื่อนออกไปก่อน พรุ่งนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยโทรหาลูกค้า พรุ่งนี้ค่อยออกกำลังกาย วันนี้เหนื่อยแล้ว
เวลาผ่านไป ก็พบว่าเราก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ก็เฝ้าบอกกับตัวเองว่าถ้าลงมือทำจริงๆก็ต้องประสบความสำเร็จแน่นอน ที่ผ่านมาแค่ยังไม่ได้ทำเท่านั้นเอง
เป็นไปได้ไหมว่า เหตุผลลึกๆของการผัดวันประกันพรุ่งก็คือ เรากลัวการล้มเหลว จะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรดี ?
#อย่าพึ่งถอดใจง่ายๆ
Anticlassroom ขอหยิบยก Tip ดีๆ จากเวิร์กชอป Internal Leadership ที่ช่วยให้คุณหยุดการผลัดวันประกันพรุ่ง และได้เริ่มลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจอย่างได้ผล สิ่งนั้นก็คือ #การย่นระยะเวลาให้น้อยลง
เป็นธรรมดาว่าก่อนที่เราจะลงมือทำอะไร มนุษย์เราก็จะประเมินถึงแรงกายแรงใจ และระยะเวลาที่ใช้ในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งไม่แปลกเลยที่จะทำให้เรารู้สึกหนักอึ้งตั้งแต่ก่อนเริ่ม จนอยากจะเลื่อนมันออกไปเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกผิดหวัง หากทำไม่สำเร็จ
แต่ถ้าเราลองย่นระยะเวลาเข้ามา เช่นลองดูว่าภายใน 3 ชม. นี้เราสามารถทำอะไรเพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายเรามากขึ้นอีกนิดบ้าง แล้วลงมือทำ หรือหาก 3 ชม. ยังรู้สึกหนักไป ลองย่นเหลือ 30 นาทีดูไหม ? น่าจะรู้สึกเบากันขึ้นมาทันทีเลยเชียว
เมื่อเราเริ่มทำได้นานขึ้นกว่าที่ตั้งเป้าแล้ว เราจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆและกลัวการล้มหลวน้อยลง การเพิ่มระยะเวลาก็จะเป็นไปอย่างอัตโนมัติในที่สุด!
AntiClassroom ขอเป็นกำลังใจให้กับคนทำงานทุกคน
ผัดวันประกันพรุ่ง ขี้เกียจหรือกลัวล้มเหลว ?
จะบอกว่าขี้เกียจก็ไม่เชิง แต่ก็ไม่ยอมเข้าสู่โหมดการทำงานอย่างจริงจังซักที
ภาวะแบบเราเรียกกันว่า "ผัดวันประกันพรุ่ง" เลื่อนออกไปก่อน พรุ่งนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยโทรหาลูกค้า พรุ่งนี้ค่อยออกกำลังกาย วันนี้เหนื่อยแล้ว
เวลาผ่านไป ก็พบว่าเราก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ก็เฝ้าบอกกับตัวเองว่าถ้าลงมือทำจริงๆก็ต้องประสบความสำเร็จแน่นอน ที่ผ่านมาแค่ยังไม่ได้ทำเท่านั้นเอง
เป็นไปได้ไหมว่า เหตุผลลึกๆของการผัดวันประกันพรุ่งก็คือ เรากลัวการล้มเหลว จะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรดี ?
#อย่าพึ่งถอดใจง่ายๆ
Anticlassroom ขอหยิบยก Tip ดีๆ จากเวิร์กชอป Internal Leadership ที่ช่วยให้คุณหยุดการผลัดวันประกันพรุ่ง และได้เริ่มลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจอย่างได้ผล สิ่งนั้นก็คือ #การย่นระยะเวลาให้น้อยลง
เป็นธรรมดาว่าก่อนที่เราจะลงมือทำอะไร มนุษย์เราก็จะประเมินถึงแรงกายแรงใจ และระยะเวลาที่ใช้ในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งไม่แปลกเลยที่จะทำให้เรารู้สึกหนักอึ้งตั้งแต่ก่อนเริ่ม จนอยากจะเลื่อนมันออกไปเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกผิดหวัง หากทำไม่สำเร็จ
แต่ถ้าเราลองย่นระยะเวลาเข้ามา เช่นลองดูว่าภายใน 3 ชม. นี้เราสามารถทำอะไรเพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายเรามากขึ้นอีกนิดบ้าง แล้วลงมือทำ หรือหาก 3 ชม. ยังรู้สึกหนักไป ลองย่นเหลือ 30 นาทีดูไหม ? น่าจะรู้สึกเบากันขึ้นมาทันทีเลยเชียว
เมื่อเราเริ่มทำได้นานขึ้นกว่าที่ตั้งเป้าแล้ว เราจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆและกลัวการล้มหลวน้อยลง การเพิ่มระยะเวลาก็จะเป็นไปอย่างอัตโนมัติในที่สุด!
AntiClassroom ขอเป็นกำลังใจให้กับคนทำงานทุกคน