คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
เราเคยพิมพ์เล่าเรื่องของเราในห้องสินธรไปหลายรอบมาก สมัยก่อนเราประหยัดมากๆ ต้องเก็บเงินส่งให้พ่อส่งให้น้อง
สมัยสาวๆ เราต้องอดทน อดกลั้น และประหยัดอดออมมากๆๆ ของที่อยากได้ตามประสาผู้หญิงๆทั่วๆไปไม่เคยซื้อเลย ทำงานงกๆๆๆ ได้เงินเดือนมาก็ไม่เคยเหลือเก็บออมสำหรับตัวเองเลย ใช้เงินหมดเดือนชนเดือน ยอมเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อส่งเงินให้คนในครอบครัวมีกินมีใช้อยู่สบาย
หลังจากพ่อแม่ตายจากไป น้องเราแต่งงานมีครอบครัว ชีวิตเราก็มีอิสระมากขึ้น
ชีวิตหลังจากนั้นอะไรที่ไม่เคยได้ ไม่เคยมี เพราะอดทนอดกลั้นมานาน มันคงถึงจุดๆนึงที่อยากทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง ก็เลยบ้าซื้อๆๆๆ กระเป๋าแบรนด์เนมหลักหมื่นถึงหลายๆหมื่นก็ควักเงินจ่าย ทั้งซื้อใช้เอง ทั้งซื้อแจกน้องนุ่ง แจกให้คนในห้องสินธรก็เคยทำมาแล้วด้วย
ชีวิตมาพลิกผันอีกครั้ง ตอนเจอภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีแผ่นดินไหว และสึนามิ ที่ญี่ปุ่นเมื่อ9ปีก่อน บ้านเราก็เสียหายพอสมควร ต้องไปยืนเข้าคิวรอตั้งแต่ตีห้า รอซุเปอร์มาร์เก็ตเปิดตอน10โมงเช้า รอซื้อข้าว ซื้ออาหาร ซื้อน้ำ เงินสดสำคัญที่สุด ของแบรนด์เนมทั้งหลายทยอยขายราคาขาดทุนทุกใบ(ขายไปเกือบหมดตู้) ขายแพงไม่มีใครซื้อ ตัดใจขายถูกๆ ขายขาดทุนไป เอาเงินสด พระเครื่องที่เคยมีเก็บสะสม เหรียญกษาปณ์ ธนบัตรที่ระลึก เอากลับมาขายที่เมืองไทยหลังจากเหตุการณ์สงบ
ตาสว่าง คิดได้อีกครั้ง หลังจากนั้น เลิกซื้อของแบรนด์เนมไปเลยโดยปริยาย ตั้งใจเก็บหอมรอมริบเงินกับทอง เน้นซื้อของที่มันเพิ่มมูลค่าให้กับเราได้ในอนาคต ขายได้เงินสดในมือไว จำนำก็ได้ เราจึงเลือกเก็บสะสมทองคำทั้งทองคำแท่ง ทั้งทองรูปพรรณ และเก็บเงินสด เสื้อผ้าซื้อแค่ปีละ3-5ตัว รองเท้ามีแค่ไม่กี่คู่ กระเป๋าเลิกซื้อ(ใช้เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็เหลือเฟือแล้ว)
พอโควิด19มา มันเหมือนคนเก็บกดมานาน เคยอยากได้กำไลแพนโดร่ามานานมากๆ นานหลายปีแล้ว แต่ไม่กล้าซื้อสักที พอมีโควิด19ระบาดในญี่ปุ่น เราจึงกล้าที่จะตัดสินใจซื้อกำไล กับชาร์มแพนโดร่า ในใจก็คิดนะว่าถ้าติดโควิด เราตาย เราอาจไม่ได้ใช้เงินที่เก็บสะสมมา ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ถ้าอยากได้ก็ซื้อให้เป็นของขวัญกับตัวเองสักหน่อยก็คงจะได้น่ะ ซื้อกำไลได้4วง กับชาร์มอีกจำนวนหนึ่ง ให้รางวัลชีวิตตัวเอง พอใจแล้ว
ยังไม่ได้ซื้อชาร์มเพิ่ม ยังหยุดอยู่แค่นั้น ตั้งใจเก็บหอมรอมริบเงินต่อไป นี่ชาร์มแฮร์รี่พอตเตอร์มาใหม่อีก6ชิ้น มีจดหมายจากเซลย์เขียนส่งมาบอก ดูในเว็บก็สวยดี แต่เรายังไม่ซื้อ ขอเก็บเงินก่อน ตอนนี้เงินกับทองดีที่สุด
ค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง อะไรที่อยากได้ ซื้อให้ตัวเองบ้างแต่ไม่ต้องบ่อย เป็นการให้รางวัลชีวิตตัวเองบ้าง หัวใจจะรู้สึกกระชุ่มกระชวย มีพลังที่จะก้าวเดินต่อไป.. เดินทางสายกลาง ตึงไปก็เครียด หย่อนไปก็เครียด เอาพอดีๆ มีเงินเก็บ ซื้อของได้ โดยที่ตัวเราเองไม่เดือดร้อนในภายหลัง
ตั้งเป้าหมายให้ชีวิตตัวเอง นี่คิดว่าปีนี้ถ้าเก็บเงินได้5แสน ก็จะหาซื้ออะไรให้เป็นของขวัญวันเกิด ของขวัญวันคริสมาสต์และของขวัญปีใหม่ให้กับตัวเองเหมือนเช่นที่ทำทุกปี
(ปีที่แล้วช่วงคริสมาสต์ ซื้อกำไลแพนโดร่าให้ตัวเองเป็นของขวัญ ส่วนของขวัญวันเกิดกับของขวัญปีใหม่ เรากลับไทยไปซื้อสร้อยทอง1บาท กับกำไลทองคำ1บาทให้ตัวเอง)
หลักๆเลยคือเน้นซื้อของที่มันสาามรถเพิ่มมูลค่าให้กับเราได้ในอนาคต ขายได้เงินสดมาอยู่ในมือไว และสามารถเอาไปจำนำได้ เราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเสื้อผ้า ไม่ค่อยแต่งหน้า ไม่มีเครื่องสำอางราคาแพงๆ ยิ่งช่วงนี้ยังมีโควิดระบาดในโตเกียวมีผู้ติดเชื้อหลักร้อย สองร้อยทุกวัน สวมหน้ากากอนามัยก็ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าให้เปื้อนหน้ากากอนามัยเลย ดี ประหยัด รองเท้าก็ไม่ซื้อ มีแค่ไม่กี่คู่ใส่จนเก่าขาดค่อยซื้อใหม่ กระเป๋าไม่ซื้อเลยมาหลายปีแล้ว ใช้เท่าที่มีอยู่ก็เยอะแยะมากแล้ว
สมัยสาวๆ เราต้องอดทน อดกลั้น และประหยัดอดออมมากๆๆ ของที่อยากได้ตามประสาผู้หญิงๆทั่วๆไปไม่เคยซื้อเลย ทำงานงกๆๆๆ ได้เงินเดือนมาก็ไม่เคยเหลือเก็บออมสำหรับตัวเองเลย ใช้เงินหมดเดือนชนเดือน ยอมเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อส่งเงินให้คนในครอบครัวมีกินมีใช้อยู่สบาย
หลังจากพ่อแม่ตายจากไป น้องเราแต่งงานมีครอบครัว ชีวิตเราก็มีอิสระมากขึ้น
ชีวิตหลังจากนั้นอะไรที่ไม่เคยได้ ไม่เคยมี เพราะอดทนอดกลั้นมานาน มันคงถึงจุดๆนึงที่อยากทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง ก็เลยบ้าซื้อๆๆๆ กระเป๋าแบรนด์เนมหลักหมื่นถึงหลายๆหมื่นก็ควักเงินจ่าย ทั้งซื้อใช้เอง ทั้งซื้อแจกน้องนุ่ง แจกให้คนในห้องสินธรก็เคยทำมาแล้วด้วย
ชีวิตมาพลิกผันอีกครั้ง ตอนเจอภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีแผ่นดินไหว และสึนามิ ที่ญี่ปุ่นเมื่อ9ปีก่อน บ้านเราก็เสียหายพอสมควร ต้องไปยืนเข้าคิวรอตั้งแต่ตีห้า รอซุเปอร์มาร์เก็ตเปิดตอน10โมงเช้า รอซื้อข้าว ซื้ออาหาร ซื้อน้ำ เงินสดสำคัญที่สุด ของแบรนด์เนมทั้งหลายทยอยขายราคาขาดทุนทุกใบ(ขายไปเกือบหมดตู้) ขายแพงไม่มีใครซื้อ ตัดใจขายถูกๆ ขายขาดทุนไป เอาเงินสด พระเครื่องที่เคยมีเก็บสะสม เหรียญกษาปณ์ ธนบัตรที่ระลึก เอากลับมาขายที่เมืองไทยหลังจากเหตุการณ์สงบ
ตาสว่าง คิดได้อีกครั้ง หลังจากนั้น เลิกซื้อของแบรนด์เนมไปเลยโดยปริยาย ตั้งใจเก็บหอมรอมริบเงินกับทอง เน้นซื้อของที่มันเพิ่มมูลค่าให้กับเราได้ในอนาคต ขายได้เงินสดในมือไว จำนำก็ได้ เราจึงเลือกเก็บสะสมทองคำทั้งทองคำแท่ง ทั้งทองรูปพรรณ และเก็บเงินสด เสื้อผ้าซื้อแค่ปีละ3-5ตัว รองเท้ามีแค่ไม่กี่คู่ กระเป๋าเลิกซื้อ(ใช้เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็เหลือเฟือแล้ว)
พอโควิด19มา มันเหมือนคนเก็บกดมานาน เคยอยากได้กำไลแพนโดร่ามานานมากๆ นานหลายปีแล้ว แต่ไม่กล้าซื้อสักที พอมีโควิด19ระบาดในญี่ปุ่น เราจึงกล้าที่จะตัดสินใจซื้อกำไล กับชาร์มแพนโดร่า ในใจก็คิดนะว่าถ้าติดโควิด เราตาย เราอาจไม่ได้ใช้เงินที่เก็บสะสมมา ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ถ้าอยากได้ก็ซื้อให้เป็นของขวัญกับตัวเองสักหน่อยก็คงจะได้น่ะ ซื้อกำไลได้4วง กับชาร์มอีกจำนวนหนึ่ง ให้รางวัลชีวิตตัวเอง พอใจแล้ว
ยังไม่ได้ซื้อชาร์มเพิ่ม ยังหยุดอยู่แค่นั้น ตั้งใจเก็บหอมรอมริบเงินต่อไป นี่ชาร์มแฮร์รี่พอตเตอร์มาใหม่อีก6ชิ้น มีจดหมายจากเซลย์เขียนส่งมาบอก ดูในเว็บก็สวยดี แต่เรายังไม่ซื้อ ขอเก็บเงินก่อน ตอนนี้เงินกับทองดีที่สุด
ค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง อะไรที่อยากได้ ซื้อให้ตัวเองบ้างแต่ไม่ต้องบ่อย เป็นการให้รางวัลชีวิตตัวเองบ้าง หัวใจจะรู้สึกกระชุ่มกระชวย มีพลังที่จะก้าวเดินต่อไป.. เดินทางสายกลาง ตึงไปก็เครียด หย่อนไปก็เครียด เอาพอดีๆ มีเงินเก็บ ซื้อของได้ โดยที่ตัวเราเองไม่เดือดร้อนในภายหลัง
ตั้งเป้าหมายให้ชีวิตตัวเอง นี่คิดว่าปีนี้ถ้าเก็บเงินได้5แสน ก็จะหาซื้ออะไรให้เป็นของขวัญวันเกิด ของขวัญวันคริสมาสต์และของขวัญปีใหม่ให้กับตัวเองเหมือนเช่นที่ทำทุกปี
(ปีที่แล้วช่วงคริสมาสต์ ซื้อกำไลแพนโดร่าให้ตัวเองเป็นของขวัญ ส่วนของขวัญวันเกิดกับของขวัญปีใหม่ เรากลับไทยไปซื้อสร้อยทอง1บาท กับกำไลทองคำ1บาทให้ตัวเอง)
หลักๆเลยคือเน้นซื้อของที่มันสาามรถเพิ่มมูลค่าให้กับเราได้ในอนาคต ขายได้เงินสดมาอยู่ในมือไว และสามารถเอาไปจำนำได้ เราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเสื้อผ้า ไม่ค่อยแต่งหน้า ไม่มีเครื่องสำอางราคาแพงๆ ยิ่งช่วงนี้ยังมีโควิดระบาดในโตเกียวมีผู้ติดเชื้อหลักร้อย สองร้อยทุกวัน สวมหน้ากากอนามัยก็ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าให้เปื้อนหน้ากากอนามัยเลย ดี ประหยัด รองเท้าก็ไม่ซื้อ มีแค่ไม่กี่คู่ใส่จนเก่าขาดค่อยซื้อใหม่ กระเป๋าไม่ซื้อเลยมาหลายปีแล้ว ใช้เท่าที่มีอยู่ก็เยอะแยะมากแล้ว
แสดงความคิดเห็น
จะเลิกนิสัยติดแบรนด์เนมยังไงดี?