และในที่สุดผมก็ได้ดูหนังเรื่องนี้สักทีหลังจากที่ดองมานาน มหาลัยก็ใกล้จะเปิดแล้วเวลาว่างอาจจะมีไม่ค่อยเยอะไหนๆก็ไหนๆแล้วก็ขอลุยดูหนังดีที่ดองไว้บ้างก็แล้วกัน 555 และเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนั้นซึ่งผมก็ไม่ผิดหวังเลย
เรื่องย่อก็ไม่มีอะไรมากแค่เรื่องราวของสายลับนักฆ่าจากโครงการลับๆของCIA ที่พลาดท่าทำภารกิจผิดพลาดและสูญเสียความทรงจำ และเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ทางการCIAจึงพยายามทำทุกวิถีทางตามสังหารตามเก็บเพื่อปกปิดความผิดพลาดขององค์กร
หนังสนุกดีมาก เล่าเรื่องแบบง่ายๆเริ่มต้นไปทีละสเต๊ป ค่อยๆปูค่อยอธิบาย คนดูก็จะเป็นเหมือนคล้ายนาย "เจสัน บอร์น" ที่ฟื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร ชื่ออะไร ทำไมถูกยิง และอะไรๆอีกมากมาย ถึงคนดูคงจะรู้ล่ะว่าแล้วนายคนนี้เป็นใคร แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงบวกกับบทการขับเคี่ยวระหว่างผู้ถูกล่าและผู้ล่าที่ทำออกมาได้สนุก สมจริงสมจัง ชิงไหวชิงพริบและแก้เกมกันอย่างชาญฉลาด ทำให้คนดูตั้งใจดูและติดตามหนังไปจนจบเรื่อง เสียดายที่หนังมันจะกั๊กๆอะไรหลายๆอย่างไว้อยู่ มันเลยยังไม่สาแก่ใจผมนัก
ความสนุกอีกอย่างของหนังเรื่องนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เพราะเป็นหัวใจสำคัญของหนัง คงไม่พ้นเรื่องคิวบู๊ที่ดุดันสมจริงอย่างการต่อสู้มือเปล่า มุมกล้องถ่ายทอดฉากบู๊ออกมาได้ดีมากๆ ดูฉับไวรวดเร็วเฉียบขาด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฉากบู๊ของหนังชุดนี้ที่ได้ถูกยกย่องว่าเป็นฉากบู๊ที่ยอดเยี่ยม นอกจากความมันส์จากลีลาพะบู๊ของพี่เจสันของเราแล้วนั้นสิ่งที่แกมีอีกอย่างก็คือการรู้จักวางแผน คิดค้นหาทางหนี และสัญชาตญาณการเป็นนักสืบ นี้แหละครับที่ทำให้หนังมันดูสมจริงสมจังขึ้นมาก ด้วยทักษะต่างๆเหล่านี้มันทำให้คนดูอย่างเราๆเชื่อได้เลยว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันเอาตัวรอดได้จริงๆ
บางทีก็อดไม่ได้เลยครับที่จะเอาไปเทียบกับหนังสายลับอีกเรื่อง อย่าง เจมส์ บอนด์ ทั้งโทนเรื่องและบุคลิกของตัวเอกทั้งสองคนของเราบอกได้เลยว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจริงๆ เสมือนว่าหนังทั้งคู่เป็นด้านตรงข้ามของกันและกัน 555
การแสดงของ แม็ตต์ เดม่อน ในมาดของเจสัน บอร์น แกก็ทำออกมาได้ดีนะครับทั้งบุคลิกที่นิ่งๆสุขุม ฉลาด และอาการพูดน้อยต่อยหนักเบาๆ
เอาจริงๆหนังเรื่องนี้ทำให้ทุกตัวละครมีความเทาๆดีนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเจสันเองที่ใช่ว่าจะเป็นดีแบบเต็มสูบเพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นมือสังหารเลือดเย็นคนนึงและมันก็คงไม่ต่างจากมือสังหารคนอื่นๆที่มาเก็บเขา และเจ้าหน้าที่ของCIAก็ไม่ใช่คนเลวไปเลยซะทีเดียวเพราะโครงการที่สร้างเจสัน บอร์น ขึ้นมาจุดประสงค์ก็มีขึ้นมาเพื่อความมั่นคงเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ที่อาจจะเสี่ยงต่อการเปิดโปงความลับและอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ CIAก็จำเป็นแหละครับที่จะต้องจัดการเก็บกวาดทุกๆอย่างให้สะอาดไม่หมดจดโดยไม่สนวิธีการและชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งความผิดจริงๆก็คงอยู่กับคนริเริ่มคิดค้นโครงการและผู้เกี่ยวข้องสำคัญๆแหละครับ เจ้าหน้าที่ที่เขาไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังก็คงคิดแหละว่าการที่นักฆ่ายอดฝีมือแถมมีคดีติดตัวที่ยวเพ่นพ่านไปมาแบบนี้ ถ้าไม่อันตรายก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะครับ
ท้ายที่สุดแก่นสารสาระที่เราได้จากหนังก็คือ การรู้จักปล่อยวางอดีตและรู้จักใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดี และคนที่เรียนรู้ได้ดีที่สุดก็คงไม่พ้นพระเอกของเรานี้แหละครับ เพราะเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร เขาก็เลือกที่จะรู้เพียงแค่นั้นพยามสูญเสียความทรงจำในอดีตไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับมันอีก หันไปใช้ชีวิตธรรมดาเริ่มต้นเป็นคนใหม่คนที่ดีกว่าเดิมเพื่อสร้างปัจจุบันที่สวยงาม แต่ท้ายที่สุดชีวิตของแกก็ยังคงวุ่นวายกับอดีตอยู่ดีแหละครับ ถ้าจะทำยังไงได้เมื่อชีวิตมันไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป 5555
บางทีชีวิตคนเราก็ต้องผิดพลาดและล้มเหลวบ้างเป็นธรรมดาครับแต่เมื่อมันผ่านไปสุดท้ายมันก็คือ "อดีต" จะผ่านไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียวมันก็คือ "อดีต" สำคัญที่สุดคือโฟกัสที่ "ปัจจุบัน" ดีกว่า ถ้าทำปัจจุบันได้ดี "อนาคต" ที่สวยงามอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วครับ
ป.ล. ด้วยปัจจัยทั้งหมดทั้งมวลผมเลยเข้าใจความรู้สึกเลยว่า ทำไมคนๆนึงในห้องเฉลิมไทยถึงชอบและอวยหนังและ เจสัน บอร์น มากมายนัก 55555
The Bourne Identity ล่าจารชน ยอดคนอันตราย : 8.5/10 จารชนที่ได้ทั้งบู๊และบุ๋น
เรื่องย่อก็ไม่มีอะไรมากแค่เรื่องราวของสายลับนักฆ่าจากโครงการลับๆของCIA ที่พลาดท่าทำภารกิจผิดพลาดและสูญเสียความทรงจำ และเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ทางการCIAจึงพยายามทำทุกวิถีทางตามสังหารตามเก็บเพื่อปกปิดความผิดพลาดขององค์กร
หนังสนุกดีมาก เล่าเรื่องแบบง่ายๆเริ่มต้นไปทีละสเต๊ป ค่อยๆปูค่อยอธิบาย คนดูก็จะเป็นเหมือนคล้ายนาย "เจสัน บอร์น" ที่ฟื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร ชื่ออะไร ทำไมถูกยิง และอะไรๆอีกมากมาย ถึงคนดูคงจะรู้ล่ะว่าแล้วนายคนนี้เป็นใคร แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงบวกกับบทการขับเคี่ยวระหว่างผู้ถูกล่าและผู้ล่าที่ทำออกมาได้สนุก สมจริงสมจัง ชิงไหวชิงพริบและแก้เกมกันอย่างชาญฉลาด ทำให้คนดูตั้งใจดูและติดตามหนังไปจนจบเรื่อง เสียดายที่หนังมันจะกั๊กๆอะไรหลายๆอย่างไว้อยู่ มันเลยยังไม่สาแก่ใจผมนัก
ความสนุกอีกอย่างของหนังเรื่องนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เพราะเป็นหัวใจสำคัญของหนัง คงไม่พ้นเรื่องคิวบู๊ที่ดุดันสมจริงอย่างการต่อสู้มือเปล่า มุมกล้องถ่ายทอดฉากบู๊ออกมาได้ดีมากๆ ดูฉับไวรวดเร็วเฉียบขาด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฉากบู๊ของหนังชุดนี้ที่ได้ถูกยกย่องว่าเป็นฉากบู๊ที่ยอดเยี่ยม นอกจากความมันส์จากลีลาพะบู๊ของพี่เจสันของเราแล้วนั้นสิ่งที่แกมีอีกอย่างก็คือการรู้จักวางแผน คิดค้นหาทางหนี และสัญชาตญาณการเป็นนักสืบ นี้แหละครับที่ทำให้หนังมันดูสมจริงสมจังขึ้นมาก ด้วยทักษะต่างๆเหล่านี้มันทำให้คนดูอย่างเราๆเชื่อได้เลยว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันเอาตัวรอดได้จริงๆ
บางทีก็อดไม่ได้เลยครับที่จะเอาไปเทียบกับหนังสายลับอีกเรื่อง อย่าง เจมส์ บอนด์ ทั้งโทนเรื่องและบุคลิกของตัวเอกทั้งสองคนของเราบอกได้เลยว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจริงๆ เสมือนว่าหนังทั้งคู่เป็นด้านตรงข้ามของกันและกัน 555
เอาจริงๆหนังเรื่องนี้ทำให้ทุกตัวละครมีความเทาๆดีนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเจสันเองที่ใช่ว่าจะเป็นดีแบบเต็มสูบเพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นมือสังหารเลือดเย็นคนนึงและมันก็คงไม่ต่างจากมือสังหารคนอื่นๆที่มาเก็บเขา และเจ้าหน้าที่ของCIAก็ไม่ใช่คนเลวไปเลยซะทีเดียวเพราะโครงการที่สร้างเจสัน บอร์น ขึ้นมาจุดประสงค์ก็มีขึ้นมาเพื่อความมั่นคงเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ที่อาจจะเสี่ยงต่อการเปิดโปงความลับและอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ CIAก็จำเป็นแหละครับที่จะต้องจัดการเก็บกวาดทุกๆอย่างให้สะอาดไม่หมดจดโดยไม่สนวิธีการและชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งความผิดจริงๆก็คงอยู่กับคนริเริ่มคิดค้นโครงการและผู้เกี่ยวข้องสำคัญๆแหละครับ เจ้าหน้าที่ที่เขาไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังก็คงคิดแหละว่าการที่นักฆ่ายอดฝีมือแถมมีคดีติดตัวที่ยวเพ่นพ่านไปมาแบบนี้ ถ้าไม่อันตรายก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะครับ
ท้ายที่สุดแก่นสารสาระที่เราได้จากหนังก็คือ การรู้จักปล่อยวางอดีตและรู้จักใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดี และคนที่เรียนรู้ได้ดีที่สุดก็คงไม่พ้นพระเอกของเรานี้แหละครับ เพราะเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร เขาก็เลือกที่จะรู้เพียงแค่นั้นพยามสูญเสียความทรงจำในอดีตไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับมันอีก หันไปใช้ชีวิตธรรมดาเริ่มต้นเป็นคนใหม่คนที่ดีกว่าเดิมเพื่อสร้างปัจจุบันที่สวยงาม แต่ท้ายที่สุดชีวิตของแกก็ยังคงวุ่นวายกับอดีตอยู่ดีแหละครับ ถ้าจะทำยังไงได้เมื่อชีวิตมันไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป 5555
บางทีชีวิตคนเราก็ต้องผิดพลาดและล้มเหลวบ้างเป็นธรรมดาครับแต่เมื่อมันผ่านไปสุดท้ายมันก็คือ "อดีต" จะผ่านไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียวมันก็คือ "อดีต" สำคัญที่สุดคือโฟกัสที่ "ปัจจุบัน" ดีกว่า ถ้าทำปัจจุบันได้ดี "อนาคต" ที่สวยงามอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วครับ
ป.ล. ด้วยปัจจัยทั้งหมดทั้งมวลผมเลยเข้าใจความรู้สึกเลยว่า ทำไมคนๆนึงในห้องเฉลิมไทยถึงชอบและอวยหนังและ เจสัน บอร์น มากมายนัก 55555