ที่เห็นอย่างแรกเลยคือปลูกแน่นเกินไป จริงๆแล้วบานชื่น1ต้นต้องการกระถางขนาดสีน้ำตาลในรูป 1ต้นต่อ1กระถางเท่านั้น (ส่วนแก้วใสนั้นเล็กเกินไปแม้จะปลูกเพียง1ต้น) ถ้าปลูกมากกว่า1ต้นต่อกระถาง ต้นบานชื่นจะแย่งสารอาหารกันทำให้โตไม่สมบูรณ์ และพุ่มต้นจะเบียดกันทำให้ขาดแสงและเกิดภาวะต้นยืด

ปัญหาที่เห็นอีกอย่างนึงก็คือ ต้นไม้มีอาการเส้นใบเป็นสีเขียวเข้มและเนื้อใบเป็นสีเขียวอ่อนอมเหลือง อาการเหมือนรากหายใจไม่ได้ ซึ่งมักมาจากปัญหาความชื้น และหากรากเริ่มเสียหายก็จะทำให้น้ำขึ้นมาเลี้ยงต้นไม่ดี เมื่อเจอแดดจึงเกิดอาการใบกรอบและแห้งไหม้

สำหรับการรดน้ำ แนะนำให้รดเมื่อสังเกตุเห็นหน้าดินเริ่มแห้งเท่านั้น(แต่ไม่ถึงกับต้นไม้เหี่ยว) แต่ว่าปกติคนทั่วไปจะไม่มีเวลาดูแลต้นไม้เพราะต้องออกไปเรียนไปทำงาน เลยทำให้ต้องรดตอนเช้าทุกวันแทน ดังนั้นผมแนะนำให้รดทุกเช้าต่อไปตามเดิม เพียงแต่ถ้าพบว่าเช้าวันใหม่ดินยังชื้นอยู่ก็ให้รดเพียงนิดเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันรากมีปัญหารากเน่า ถ้าฝนตกก็ไม่ต้องรดเลย

ปัญหาปลูกแน่นเกินไปหลายต้นต่อกระถาง ต้องแก้โดยการทำให้เหลือ1ต้นต่อกระถาง แต่การแยกต้นกล้าออกจากกันในลักษณะนี้ถือว่าเสี่ยงมาก เพราะรากจะเสียหายได้ง่าย ผมจึงแนะนำให้เหลือต้นที่ดูสมบูรณ์ที่สุดไว้กระถางละ1ต้นก็พอ ส่วนต้นอื่นๆให้ตัดทิ้งไป เพราะแม้จะลองเสี่ยงขุดต้นที่เหลือออกไปปลูกที่อื่น แต่ก็มีสิทธิขุดไปโดนรากต้นที่เราต้องการใช้เป็นต้นหลักอยู่ดี

หลังจากแยกต้นบานชื่นแล้ว ให้ใส่ปุ๋ย15-15-15ลงไป1ช้อนชาเพื่อบำรุงต้นและเพิ่มสารอาหารในดิน โดยให้โรยเป็นวงกลมชิดๆขอบกระถางแล้วใช้ดินกลบปุ๋ยไว้อีกทีนึงเป็นอันเสร็จสิ้น

ที่สำคัญคือการรดน้ำ เพราะอาการที่เห็นคือรากน่าจะมีปัญหา ต้องลดความชื้นลงให้เหมาะสมเพื่อให้รากฟื้นตัว ต้นไม้จะกลับมาเขียวปกติ