ทำอย่างไรไม่ให้แบกหนี้ก่อนวัยอันควร



เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า คนไทยเป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้นาน เป็นหนี้เกินที่ตัวเองจะจ่ายได้ เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวในรอบ 10 ปี เมื่อไม่นานมานี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยรายงานที่พบว่าคนไทยมีหนี้เร็วขึ้น โดยเริ่มเป็นหนี้ตั้งแต่อายุแค่ 25 ปี โดยมีเหตุผลจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้ชั่วโมงการทำงานลดลง พร้อมพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ เรียกได้ว่า ใช้เยอะ ออมน้อย นอกจากนี้การชอปปิ้งบนโลกออนไลน์ก็ยังกระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้น ยังไม่รวมถึงพฤติกรรมการรูดบัตรเครดิตมาใช้จ่ายทั่วไป และส่วนที่น่าตกใจคือ 1 ใน 5 ของคนกลุ่มนี้ไม่มีความสามารถในการจะจ่ายหนี้ได้ตรงกำหนด และหนี้เหล่านั้นจะติดตัวพวกเขาไปจนถึงวัยเกษียณ

ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินแนวโน้มหนี้ครัวเรือนในปี 2563 นี้ว่า หนี้ครัวเรือนของคนไทยอาจจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจ ประมาณ 80.0 - 81.5% ของ GPD ในปี 2563 นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่าภาพรวมของครัวเรือนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ ที่ 39.4% ของรายได้ต่อเดือน และมีรายจ่ายในชีวิตประจำวันประมาณ 48% ของรายได้ต่อเดือน โดยจะมีเงินออมเผื่อฉุกเฉินเพียง 12% ของรายได้เท่านั้น

ให้ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ ถ้าคนไทยมีรายได้ต่อเดือน 20,000 บาท เงินส่วนนี้จะถูกใช้ในชีวิตประจำวันไปเดือนละ 9,600 บาท มีสัดส่วนหนี้อยู่ที่ 7,880 บาท/เดือน และจะเหลือเงินออมเพียง 2,400 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก 
สาเหตุของการเป็นหนี้สูงของคนไทย นอกจากเรื่องพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินแล้ว พฤติกรรมการออมเองก็ถือว่ามีส่วนมาก ซึ่งการมีเงินออมสะสมต่ำนั้น ทำให้มีเงินออมไม่เพียงพอ ไม่มีเงินก้อนที่จะใช้ในการดาวน์ซื้อทรัพย์สิน ทำให้ต้องกู้เงินเต็มจำนวน (LTV ที่สูง) ซึ่งทำให้ต้องเป็นหนี้สูงเพิ่มขึ้นไปด้วย (ยังไม่รวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายธนาคารอีกนะ)

สาเหตุของการเป็นหนี้นานของคนไทย คือการมีเงินออมต่อเดือนน้อย เป็นผลพวงมาจากการมีหนี้สูงอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว เพราะเมื่อมีหนี้สูงก็ทำให้มีภาระการผ่อนต่อเดือนสูง นอกจากนี้แล้วครัวเรือนจะต้องยืดระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานขึ้น เพื่อลดภาระการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนให้ต่ำ
ด้วยเหตุนี้เองค่ะ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยเลยเสนอแนวทางที่ทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้ดังต่อไปนี้ เพื่อป้องกันการมีหนี้ และไม่ให้ทุกคนต้องแบกหนี้ก่อนวัยอันควร

เข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง 
ก่อนอื่นเราจะต้องเข้าใจพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองก่อน โดยอาจจะทำบัญชีรายรับรายจ่ายของครอบครัว เพื่อให้รู้สัดส่วนรายจ่ายในแต่ละเดือน ว่ามีค่าใช้จ่ายคงที่ต่อเดือนเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายผันแปรเท่าไหร่ เพื่อจะได้จำแนกว่าค่าใช้จ่ายที่แท้จริงมีจุดไหนที่จำเป็น และไม่จำเป็น รายจ่ายไหนเป็นรายจ่ายประจำ และรายจ่ายไหนเป็นรายจ่ายแบบชั่วคราว ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆสามารถลดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป ส่วนไหนสามารถหักออกไปได้บ้าง และจะทำอย่างไรให้เราสามารถใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ตั้งเป้าหมายลดค่าใช้จ่าย 
พอรู้ว่าอะไรจำเป็นไม่จำเป็น สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือตัดรายจ่ายส่วนนั้นทิ้งซะ เพื่อน ๆ ก็อาจจะเริ่มจากรายจ่ายง่าย ๆ ก่อน เพื่อที่จะไม่ต้องเสียกำลังใจเมื่อทำไม่ได้ เช่น จากที่เคยสั่งของออนไลน์แบบไม่ลืมหูลืมตา ก็อาจจะจำกัดลง เหลือเดือนละ 1-2 ชิ้น หรือแบ่งเงินส่วนที่ใช้จ่ายเพื่อสันทนาการเป็นจำนวนที่แน่นอนต่อเดือน และค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ เมื่อทำได้ก็จะทำให้มีกำลังอยากจะลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มขึ้นต่อไป

ออมเงินให้เป็นกิจวัตร 
วิธีที่ง่ายที่สุดคือ เมื่อได้รายรับมา ให้แบ่งเงินออมเก็บไว้ก่อนเลยเป็นอันดับแรก แล้วค่อยบริหารเงินส่วนที่เหลือ เพื่อจำกัดการใช้เงินต่อเดือนของตัวเอง โดยอาจจะเริ่มออมในจำนวนเงินที่น้อยก่อน เพื่อให้สามารถปรับต่อได้ แล้วค่อยเพิ่มจำนวนเงินออมเรื่อย ๆ ทำให้เงินออมสะสมเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนวิธีที่นิวบ์ไม่แนะนำเลยนั้นก็คือ การใช้ไปก่อนเหลือเท่าไหร่ค่อยออม แบบนี้จะทำให้เพื่อนๆไม่มีวินัยทางการเงินค่ะ

ออมเงินก่อนกู้ 
เพื่อนๆทราบมั้ยคะว่า การกู้ยืมเต็มอัตราที่ 100% ของราคาสิ่งที่จะกู้ จะทำให้มีภาระหนี้สูงในอนาคตจากเงินต้นที่สูงมาก ซึ่งวิธีที่จะทำให้ภาระหนี้สามารถลดลงได้ก็คือ เราควรมีเงินเก็บสักก้อน เพื่อเอาเงินออมนั้นส่วนหนึ่งมาใช้จ่ายแทนที่จะต้องกู้ทั้งหมด มันจะทำให้ภาระการผ่อนต่อเดือนเบาบางลง ทำให้สามารถออมเงินได้เพิ่ม และไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังแบกภาระหนี้ที่หนักจนเกินไปค่ะ 

อย่าผ่อนหนี้เกิน 40% ของรายได้ 
มีงานวิจัยว่าหากคนเรามีหนี้ที่ต้องจ่ายเกิน 40% ของรายได้ มีแนวโน้มสูงมากว่าจะทำให้ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตรงกำหนด จนหลาย ๆ สถาบันทางการเงินหลาย ๆ แห่ง ยึดเอาตัวเลข 40% มาเป็นเกณฑ์ในการกำหนดวงเงินให้สินเชื่อ แล้วการมีหนี้ที่ต้องจ่ายไม่เกิน 40% ของรายได้คือยังไง? นิวบ์ขออธิบายง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ 
ยกตัวอย่างเช่น หากทำงาน ได้เงินเดือนละ 20,000 บาท เพื่อนๆจะต้องไม่ผ่อนชำระหนี้เกินเดือนละ 8,000 บาท แบบนี้จึงจะเรียกสามารถผ่อนหนี้ได้โดยไม่แบกหนี้ไว้บนหลัง และทางสถาบันการเงินก็มองว่าเป็นตัวเลขที่ลูกค้าจะสามารถชำระได้ และมีแนวโน้มที่จะเกิดหนี้เสียต่ำ

อย่าเสียดายโอกาสหรือหลงกลในกับดักทางการตลาด 
ข้อนี้สำคัญและทำให้ชีวิตคนพังไปนักต่อนักแล้วค่ะ โดยเฉพาะในวงการอสังหา ที่มักจะมีการถูกหลอกให้กู้ซื้อคอนโดนเงินเหลืออยู่เรื่อย ๆ เพราะเข้าใจว่ามันจะช่วยสร้างกำไรได้สูงและรวดเร็ว นิวบ์เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องคอนโดเงินเหลือไว้ที่นี่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่าใครจะทำได้ เพื่อน ๆ ควรศึกษาและมองถึงจุดดีจุดด้อยของการลงทุนอย่างถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนจะลงทุนอะไรสักอย่าง อย่าเร่งรีบหรือกลัวจะเสียโอกาส เพราะเมื่อพลาดล้มไปแล้วอาจทำให้ลุกขึ้นมาอีกครั้งได้ยาก

ดูแลรักษาสุขภาพ 
ข้อนี้เหมือนจะไม่เอี่ยว แต่เกี่ยวเต็ม ๆ เพื่อน ๆ คงรู้ดีว่าโรคภัยไข่เจ็บ เวลาเป็นมาแต่ละทีค่ารักษาพยาบาลไม่ใช่ถูกๆเลย ยิ่งใครที่ไม่มีเงินเก็บ เจ็บป่วยมาแต่ละทีก็ต้องกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายเงิน ดังนั้นเพื่อน ๆ ควรรักษาสุขภาพให้ดี หมั่นออกกำลังกาย ทานของที่มีประโยชน์เป็นประจำนะคะ

ทำประกันสุขภาพเอาไว้บ้าง 
เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลในยามที่เจ็บป่วย ควรเริ่มทำตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้ประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโรคต่าง ๆ ให้มากที่สุด โดยอาจจะเริ่มจากการซื้อกรรมธรรม์ ที่เบี้ยประกันต่ำก่อน และเลือกซื้อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองค่ะ 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือเรื่องราวเกี่ยวกับหนี้ พร้อมวิธีป้องกันสำหรับเพื่อน ๆ ชาวพันทิป ที่ CondoNewb นำมาฝากกันในวันนี้ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากรู้เกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ สามารถเข้าเช็คข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ CondoNewb ของเรานะคะ มีการอัพเดทเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้าค่ะ

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : ทำอย่างไร ไม่ให้มีปัญหาหนี้ก่อนวัยอันควร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่