พัดลมดูดอากาศ ดูดกลิ่นเสีย เพื่ออากาศที่ดีของทุกห้องในบ้าน



ถึงแม้ทุกห้องภายในบ้านจะมีหน้าต่างเพื่อคอยระบายอากาศให้ถ่ายเทสะดวกแล้ว แต่สำหรับบางห้องอย่าง ห้องน้ำ ห้องครัว หรือแม้แต่ห้องนอน หน้าต่างเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอสำหรับระบายกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในห้อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยอย่าง “พัดลมดูดอากาศ” หรือ “พัดลมระบายอากาศ” เพื่อช่วยระบายกลิ่นให้หมดไป แต่การเลือกพัดลมดูดอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งาน จะมีเทคนิคอย่างไรในการเลือก HomeGuru มีสาระดีๆ เกี่ยวกับพัดลมดูดอากาศมาฝาก เพื่อให้ทุกบ้านเลือกซื้อ และใช้งานได้ตรงตามฟังก์ชั่นของแต่ละห้องกันครับ

รู้ประเภทของ “พัดลมดูดอากาศ” หรือ “พัดลมระบายอากาศ” ก่อนติดตั้ง



1. พัดลมดูดอากาศแบบติดผนัง
เป็นพัดลมดูดอากาศที่ได้รับความนิยม เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานทั้งในด้านฟังก์ชั่น ดีไซน์ และอายุการใช้งานที่มีความยาวนาน โดยวิธีการติดตั้งก็ไม่ยุ่งยากเพียงทำการเจาะช่องให้มีขนาดพอดีกับขนาดของพัดลม และใช้สกรูยึดตัวพัดลมเข้ากับผนัง หลังจากนั้นให้ใช้ปูนยาแนวเก็บรายละเอียดรอบๆ พัดลมดูดอากาศให้สวยงามเรียบร้อย แต่ข้อเสียของพัดลมดูดอากาศแบบติดผนังคือ มีความยุ่งยาก และเป็นเรื่องใหญ่หากต้องการถอดมาทำความสะอาดหรือซ่อมแซม



2. พัดลมดูดอากาศแบบติดกระจก
นิยมติดตั้งเข้ากับกระจกทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นกระจกเหนือบานหน้าต่าง หรือ กระจกประตู โดยพัดลมดูดอากาศแบบติดกระจกมีให้เลือกใช้งานอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ตามความเหมาะสม และวิธีการติดตั้ง คือ

- พัดลมดูดอากาศติดกระจกแบบโมเดิร์น ควรเลือกรุ่นที่ใช้ระบบเปิดปิดด้วยสวิตซ์ เพื่อป้องกันปัญหาเชือกขาด
- พัดลมดูดอากาศติดกระจกแบบดั้งเดิม จะมีราคาถูกกว่าแบบโมเดิร์น และมีทั้งโหมดระบายอากาศและโหมดดูดอากาศเข้าให้เลือกใช้งาน

แต่ละบ้านสามารถเลือกพัดลมดูดอากาศแบบติดกระจกให้มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุดได้ ตามความต้องการ และงบประมาณที่มีนะครับ



3. พัดลมดูดอากาศแบบติดเพดาน
เป็นพัดลมดูดอากาศที่ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากมีลักษณะเป็นช่องตะแกรงภายในมีระบบดูดลม และเหนือขึ้นไปเป็นช่องระบายอากาศ โดยพัดลมดูดอากาศแบบติดเพดาน มี 2 แบบให้เลือกใช้งานตามประเภทพื้นที่ คือ

- พัดลมดูดอากาศแบบไม่ต่อท่อระบาย เหมาะสำหรับใช้งานกับพื้นเพดานใต้หลังคา
- พัดลมดูดอากาศแบบต่อท่อระบาย สามารถใช้งานได้กับเพดานทุกรูปแบบ ทั้งเพดานชั้นบน หรือใต้หลังคา



แต่ละห้องเหมาะกับ “พัดลมดูดอากาศ หรือ พัดลมระบายอากาศ” แบบไหน

ห้องครัว
โดยทั่วไปแล้วภายในห้องครัวมักนิยมติดพัดลมดูดอากาศแบบติดผนัง ซึ่งมีให้เลือกหลายขนาดตามขนาดพื้นที่ของห้องครัว เช่น ห้องครัวขนาด 18 ตารางเมตรเหมาะสำหรับเครื่องดูดที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 นิ้ว ขึ้นไป และห้องครัวขนาด 12 ตารางเมตร ควรใช้พัดลมดูดอากาศที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้วขึ้นไป เพื่อให้ระบายอากาศ และถ่ายเท ลดความร้อน กลิ่นอับ ควัน ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

ข้อควรระวัง ควรคำนึงถึงไลฟ์สไตล์การเข้าครัวว่าคุ้มค่าต่อการติดตั้งพัดลมดูดอากาศหรือไม่ รวมถึงกำหนดจุดติดตั้ง และคำนึงถึงขนาดพื้นที่ของห้องครัวว่าควรติดตั้งในรูปแบบใดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด



ห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นอีกหนึ่งห้องที่มักมีกลิ่นไม่พึงประสงค์จากท่อระบายน้ำ และโถส้วม อีกทั้งมีความชื้น ส่งผลให้เกิดเชื้อรา ทำให้ผนังในห้องน้ำที่ทาสีเกิดการหลุดลอก หากรุนแรงมากอาจทำให้ประตู หรือวงกบที่เป็นไม้เกิดการบวม



ดังนั้นจำเป็นต้องระบายอากาศ และดูดอากาศเสียออกด้วย “พัดลมระบายอากาศ” หรือ “พัดลมดูดอากาศ” โดยส่วนมากนิยมติดตั้งบริเวณฝ้าเพดาน หรือผนังด้านในสุด โดยภายในห้องน้ำควรมีช่องว่างใต้ประตู หรือมีช่องเกล็ดที่ช่วงล่างของบานประตูเพื่อช่วยให้อากาศภายนอกสามารถไหลเวียนเข้ามา นอกจากจะช่วยถ่ายเทอากาศแล้ว ยังช่วยลดสารปนเปื้อนในอากาศที่เกิดจากการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีความเป็นกรดสูง ซึ่งส่งผลอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้

ข้อควรระวัง ขณะเปิดพัดลมดูดอากาศ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรเปิดหน้าต่างบานกระทุ้ง เพราะจะทำให้การทำงานของพัดลมดูดอากาศทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกลิ่นรบกวนขณะใช้งานในห้องน้ำนะครับ



ห้องนอน
การติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หรือ พัดลมระบายอากาศ ภายในห้องนอน แนะนำให้เลือกติดตั้งให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถบังคับกระแสการหมุนเวียนของอากาศดี และเสียได้ตามที่เราต้องการ เช่น ติดตั้งไว้บริเวณตรงข้ามกับบริเวณที่อากาศดีเข้า กับบริเวณที่อากาศเสียระบายออก เพื่อให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสุขอนามัยของคนในครอบครัว

ข้อควรระวัง เมื่อติดตั้งพัดลมดูดอากาศภายในห้องนอน ควรหาฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองฝุ่นมาติดบริเวณช่องลม เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องฝุ่นละออง และความร้อนเข้ามารบกวนภายในห้องด้วยนะครับ



Tip ง่ายๆ เพื่อยืดอายุการใช้งาน “พัดลมดูดอากาศ หรือ พัดลมระบายอากาศ”



- เปิดใช้งานพัดลมดูดอากาศเมื่อจำเป็น ไม่ควรเปิดพัดลมดูดอากาศทิ้งไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน และควรเลือกขนาดของพัดลมดูดอากาศ พร้อมตั้งระดับการหมุนของพัดลมดูดอากาศให้เหมาะสมไม่ช้า หรือเร็วจนเกินไป เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองไฟในบ้าน

- ทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ เมื่อใช้งานพัดลมดูดอากาศได้สักระยะหนึ่ง มักเกิดฝุ่นละอองเกาะบนอุปกรณ์ทั้งลูกหมุน ใบพัด ตะแกรง และท่อต่างๆ ฝุ่นละอองเหล่านี้จะทำให้พัดลมดูดฝุ่นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และหากปล่อยไว้นานจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงอีกด้วยครับ

- หมั่นตรวจสอบ ซ่อมแซม และสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของอุปกรณ์อยู่เสมอ อุปกรณ์ทุกชิ้นมีระยะเวลาในการใช้งาน ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบ หากเกิดการชำรุดควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ โดยส่วนมากแนะนำให้ตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจในการใช้งานครับ


HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหาเรื่องบ้านกับ HomeGuru เพิ่มเติมได้ทาง https://bit.ly/3dQm4XE

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่