“ผัวฉันกลับมาแล้ว!”
สุวรรณร้องอย่างตกใจ ข้างกายเธอมีชายหนุ่มกำลังนอนเปลือยล่อนจ้อน
มานพลุกพรวดขึ้นจากเตียง หันซ้ายแลขวาอย่างตื่นตระหนก “ฮะ! ไหน ๆ”
“หน้าบ้านไง ฉันจำเสียงรถได้” สุวรรณบอก มั่นใจว่าได้ยินเสียงรถของสามีจากหน้าประตูรั้ว
“เอ้า! ฉิบหัยละ ปกติไอ้แก่มันกลับช้ากว่านี้ไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มกระโดดพรวดลงจากเตียง
“จะไปรู้มันเหรอ” เธอลุกขึ้น หันมองไปมา พยายามนึกหาทางออก “ตู้! เดี๋ยวเธอเข้าไปแอบในตู้ก่อน”
ชายหนุ่มไม่รอช้า รวบเสื้อกางเกงของตน พรวดเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า
“วรรณ! คุณอยู่หรือเปล่า” เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากชั้นล่าง
“ค่า! อยู่ข้างบนค่า” เธอตะโกนตอบ สองมือปรับแต่งทรงผมที่ยุ้งเหยิง
ทันใดนั้น! ประตูห้องเปิดอ้าออก ปรากฏชายร่างใหญ่นามว่า ‘สุชิน’ สามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของสุวรรณ เขามองภรรยาที่กำลังนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง “อ้าววรรณ ทำไมมานอนข้างบนนี้ล่ะ”
เธอแสดงสีหน้าอ่อนเพลีย “น้องไม่สบายนิดหน่อยน่ะค่ะ นอนโซฟาข้างล่างไม่ค่อยจะถนัด”
สุชินสังเกตใบหน้าภรรยา รู้สึกแปลกใจเล็ก ๆ “วรรณ ดูคุณเหนื่อย ๆ นะ”
เธอชะงักไป “ก...ก็น้องบอกว่ามีไข้ไงคะ แต่กินยาไปแล้ว นอนพักคงจะหาย” สุวรรณคิดว่าควรเปลี่ยนไปเรื่องอื่น “เออ แล้วทำไมวันนี้พี่กลับเร็วจังล่ะคะ”
“อ๋อ” สุชินแสดงวัตถุโลหะดำมะเมื่อมที่แนบอยู่ข้างกาย “พอดีพี่ลืมปืนน่ะ วันนี้ออกงานสำคัญซะด้วย เออ คืนนี้พี่กลับดึกหน่อยนะ ออกนอกสถานที่น่ะ”
วรรณณีพยักหน้าเบา ๆ “ค่ะพี่ ระวังตัวด้วยนะคะ น้องเป็นห่วง”
สุชินยิ้ม “จ้ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ไม่รบกวนล่ะนะ พักผ่อนเถอะ” ว่าแล้วเขาก็เดินละออกไป ประตูถูกปิดเบา ๆ
“เฮ้อ...!” เสียงถอดนหายใจเฮือกใหญ่ดังออกมาจากตู้เสื้อผ้า ประตูค่อย ๆ เปิดแง้ม มานพในร่างเปลือยโผล่หน้าออกมา ทว่า ชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชู้รักกำลังให้สัญญาณมือประมาณว่า “เดี๋ยว! รอก่อน”
เวลาผ่านไปได้สักพัก มีเสียงรถยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้าน สุวรรณรออย่างใจเย็น จนกระทั่งเสียงนั้นค่อย ๆ เงียบไป “ออกมาได้แล้ว” เธอบอกชู้รัก สลัดผ้าห่มออก
มานพเดินปาดเหงื่อออกมา “เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
“นั่นสิ ถ้าฉันไม่ได้ยินเสียงรถก่อน เราสองคนตายแน่”
“อืม งั้นผมว่าคราวหน้า เราไปทำกันที่อื่นเถอะ คุณบอกไอ้แก่ว่าขอลากลับไปเยี่ยมแม่สักสองสามวัน แล้วเราก็ไปมีความสุขกันที่อื่นดีไหม”
เธอพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันว่าก็ไม่เลวนะ จะได้ไม่ต้องมาคอยระแวงหลังแบบนี้อีก”
“ใช่ ๆ ต้องมาคอยระแวงแบบนี้ หมดอารมณ์กันพอดี”
ทั้งสุวรรณและมานพต่างนิ่งเงียบ เหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้ชีวิตขึ้นไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายชั่วขณะ สามีร่างใหญ่ที่ประกอบอาชีพบอดี้การ์ดเจ้าพ่อ สามารถยัดตะกั่วเข้าหัวได้ทุกเมื่อ ทว่า เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ความกลัวก็ค่อย ๆ เลือนหาย กลับกลายเป็นตัณหา
สองชู้รักสบตากัน
ชายหนุ่มยิ้ม “เมื่อตะกี้ไอ้แก่มันบอกว่าวันนี้จะกลับดึกใช่ไหม”
เรื่องเขย่าขวัญ : ชู้ลับ (18+)
สุวรรณร้องอย่างตกใจ ข้างกายเธอมีชายหนุ่มกำลังนอนเปลือยล่อนจ้อน
มานพลุกพรวดขึ้นจากเตียง หันซ้ายแลขวาอย่างตื่นตระหนก “ฮะ! ไหน ๆ”
“หน้าบ้านไง ฉันจำเสียงรถได้” สุวรรณบอก มั่นใจว่าได้ยินเสียงรถของสามีจากหน้าประตูรั้ว
“เอ้า! ฉิบหัยละ ปกติไอ้แก่มันกลับช้ากว่านี้ไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มกระโดดพรวดลงจากเตียง
“จะไปรู้มันเหรอ” เธอลุกขึ้น หันมองไปมา พยายามนึกหาทางออก “ตู้! เดี๋ยวเธอเข้าไปแอบในตู้ก่อน”
ชายหนุ่มไม่รอช้า รวบเสื้อกางเกงของตน พรวดเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า
“วรรณ! คุณอยู่หรือเปล่า” เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากชั้นล่าง
“ค่า! อยู่ข้างบนค่า” เธอตะโกนตอบ สองมือปรับแต่งทรงผมที่ยุ้งเหยิง
ทันใดนั้น! ประตูห้องเปิดอ้าออก ปรากฏชายร่างใหญ่นามว่า ‘สุชิน’ สามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของสุวรรณ เขามองภรรยาที่กำลังนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง “อ้าววรรณ ทำไมมานอนข้างบนนี้ล่ะ”
เธอแสดงสีหน้าอ่อนเพลีย “น้องไม่สบายนิดหน่อยน่ะค่ะ นอนโซฟาข้างล่างไม่ค่อยจะถนัด”
สุชินสังเกตใบหน้าภรรยา รู้สึกแปลกใจเล็ก ๆ “วรรณ ดูคุณเหนื่อย ๆ นะ”
เธอชะงักไป “ก...ก็น้องบอกว่ามีไข้ไงคะ แต่กินยาไปแล้ว นอนพักคงจะหาย” สุวรรณคิดว่าควรเปลี่ยนไปเรื่องอื่น “เออ แล้วทำไมวันนี้พี่กลับเร็วจังล่ะคะ”
“อ๋อ” สุชินแสดงวัตถุโลหะดำมะเมื่อมที่แนบอยู่ข้างกาย “พอดีพี่ลืมปืนน่ะ วันนี้ออกงานสำคัญซะด้วย เออ คืนนี้พี่กลับดึกหน่อยนะ ออกนอกสถานที่น่ะ”
วรรณณีพยักหน้าเบา ๆ “ค่ะพี่ ระวังตัวด้วยนะคะ น้องเป็นห่วง”
สุชินยิ้ม “จ้ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ไม่รบกวนล่ะนะ พักผ่อนเถอะ” ว่าแล้วเขาก็เดินละออกไป ประตูถูกปิดเบา ๆ
“เฮ้อ...!” เสียงถอดนหายใจเฮือกใหญ่ดังออกมาจากตู้เสื้อผ้า ประตูค่อย ๆ เปิดแง้ม มานพในร่างเปลือยโผล่หน้าออกมา ทว่า ชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชู้รักกำลังให้สัญญาณมือประมาณว่า “เดี๋ยว! รอก่อน”
เวลาผ่านไปได้สักพัก มีเสียงรถยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้าน สุวรรณรออย่างใจเย็น จนกระทั่งเสียงนั้นค่อย ๆ เงียบไป “ออกมาได้แล้ว” เธอบอกชู้รัก สลัดผ้าห่มออก
มานพเดินปาดเหงื่อออกมา “เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
“นั่นสิ ถ้าฉันไม่ได้ยินเสียงรถก่อน เราสองคนตายแน่”
“อืม งั้นผมว่าคราวหน้า เราไปทำกันที่อื่นเถอะ คุณบอกไอ้แก่ว่าขอลากลับไปเยี่ยมแม่สักสองสามวัน แล้วเราก็ไปมีความสุขกันที่อื่นดีไหม”
เธอพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันว่าก็ไม่เลวนะ จะได้ไม่ต้องมาคอยระแวงหลังแบบนี้อีก”
“ใช่ ๆ ต้องมาคอยระแวงแบบนี้ หมดอารมณ์กันพอดี”
ทั้งสุวรรณและมานพต่างนิ่งเงียบ เหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้ชีวิตขึ้นไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายชั่วขณะ สามีร่างใหญ่ที่ประกอบอาชีพบอดี้การ์ดเจ้าพ่อ สามารถยัดตะกั่วเข้าหัวได้ทุกเมื่อ ทว่า เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ความกลัวก็ค่อย ๆ เลือนหาย กลับกลายเป็นตัณหา
สองชู้รักสบตากัน
ชายหนุ่มยิ้ม “เมื่อตะกี้ไอ้แก่มันบอกว่าวันนี้จะกลับดึกใช่ไหม”