Samsung Galaxy Tab ก็ถือว่าเป็นตระกูลที่ค่อนข้างรู้จักกันพอสมควรในบรรดา Tablet Android เพราะในตลาดกลุ่มนี้ไม่แน่จริงต้องบอกว่าอยู่ยาก แต่ทาง Samsung เองนั้นถือว่ามีประสิทธิภาพในตลาดนี้อยู่และเป็นไม่กี่แบรนด์ที่ต้องบอกว่าเปิดตัว และลุยต่อเนื่องมาเรื่อยๆในหลากหลายระดับราคาครับ และอีกจุดแข็งของมันคือ S-Pen นั้นเองที่ทำให้มันยังอยู่ในตลาดนี้ได้ และในนี้ทาง Samsung เองก็ถือว่าลุยตลาดในราคาหมื่นต้น แต่ได้หน้าจอใหญ่ พร้อมกับดีไซน์แบบเต็มขอบและยังมาพร้อมกับปากกา S-Pen ด้วยในราคาเริ่มต้นไม่แพงทำให้ลุยตลาดสำหรับ นักเรียน ใช้งานทั่วไปได้ไม่ได้เน้นทำงานหนักหรือว่าจะเป็นคนที่อยากได้ Tablet ราคาไม่แพงจอใหญ่ ปากกาไว้จดอะไรได้นั้นเอง และในด้านการใช้งานจริงหรือว่าหน้าจอนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ทั้งการสัมผัส เขียน ลำโพงต่างๆครับ
Samsung Galaxy Tab S6 Lite นั้นมาพร้อมกับ หน้าจอแบบ TFT 10.4 นิ้ว ความละเอียด 2000 x 1200 (WUXGA+) รองรับปากกา S-Pen ใช้งาน Exynos 9611 ( 10 nm ) และมาพร้อมกับ RAM 4 GB STORAGE 64 GB พร้อมกับ กล้องหลัง 8MP ตัวเดียวไม่มีไฟแฟลช และ กล้องหน้า 5 MP ครับ รองรับ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4G+5GHz, Bluetooth 5.0 และยังมี รูหูฟัง 3.5 มม. พร้อมกับลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ปรับจูนเสียงโดย AKG และทางด้านปากกานั้นมาพร้อมกับ หัวปากกาขนาดเล็ก 0.7 มม. รองรับแรงกด 4,096 ระดับ และ ตอบสนองต่ำเพียง 26ms ใช้งาน แบตเตอรี่ 7,040 mAh ชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB-C รองรับ ชาร์จไว 15W และ ตัวปากกาไม่ต้องชาร์จไฟนะครับ ใช้งาน Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.1 ถือว่าสเปกก็ใช้งานทั่วไปเพียงพอ แต่หน้าจออาจจะไม่ได้เป็น SMOLED เท่านั้นครับ ส่วนราคานั้นในรุ่นนี้ เป็นตัว WiFi เริ่มต้นที่ 11,990 บาท ส่วนรุ่น 4G LTE ใส่ซิมโทรได้ในตัวก็จะมาในราคา 14,990 บาท ครับ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ยังถือว่ามีความสวยลงตัวอยู่เหมือนกันเน้นความเรียบๆ และมีความบางเบาอยู่อีกทั้งในเรื่องของวัสดุนั้นใช้งาน วัสดุโลหะดูดีใช้ได้เลยครับเมื่อเทียบกับราคาของเจ้าตัว Tab S6 Lite งานออกแบบเลยดูดีและเป็นอีกจุดที่ไม่ได้ติดขัดอะไรครับ เพราะด้วยราคาของมันที่ไม่ได้แรงมากแต่ได้วัสดุแบบ Unibody ทั้งชิ้นและมีน้ำหนักเบาก็ถือว่าสะดวกต่อการพกพาได้มากระดับนึงเลย และที่ชอบคือตัวปากกานั้นสามารถแปะติดกับขอบเครื่องได้ด้วยครับ ปากกานั้นไม่ต้องชาร์จไฟอะไรเลย ค่อนข้างสะดวกในการใช้งานมากๆ ไม่ต้องเก็บข้างในก็จะทำให้เครื่องบางขึ้น
ทางด้านหน้าจอนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ TFT 10.4 นิ้วครับต้องบอกว่าอ่านถูกต้องแล้วเพราะหน้าจอเป็น TFT จริงๆครับมาพร้อมกับ 2000 x 1200 (WUXGA+) และรองรับปากกา S-Pen และหน้าจอขอบบางเพียง 9 มม.
ทางด้านหน้าจอ ขอบบนนั้นจะเห็นว่าการออกแบบขอบหน้าจอนั้นมีขนาดรอบๆเท่ากันหมด และขอบจอมีความตัดขอบโค้งทำให้ดีไซน์ดูทันสมัยสวยงาม ทำให้เต็มตาเต็มจอแบบยุคใหม่มากขึ้นแต่ก็ยังมีพื้นที่จับอยู่บ้างครับ กล้องหน้าให้มาที่ 5 MP วางไว้ส่วนบนของตัวเครื่องพร้อมเซนเซอร์ต่างๆในส่วนนี้ครับ แน่นอนว่ามันไม่มีลำโพงตรงด้านหน้ามาให้แต่จะเป็นการไปไว้ตรงขอบข้างเครื่องๆ บนล่างแทนนั้นเองครับ ไม่มีลำโพงสนทนา ทำให้ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์แบบแนบหูได้ นะครับต้องผ่านทางหูฟังแทนเท่านั้น
ขอบด้านล่างนั้นก็เรียบๆไม่มีอะไรเท่าไรนัก การควบคุมนั้นย้ายไปบนหน้าจอทั้งหมดและสามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้หมดเลย แต่เอาจริงๆนั้นถือว่าค่อนข้างชอบการออกแบบหน้าจอเต็มๆ แบบนี้แม้จะเป็นราคาไม่แพงถือว่าออกแบบสวย
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเป็นที่อยู่ของ ถาดซิม NanoSim และรองรับ Micro-SD สำหรับเพิ่มความจุรองรับสูงสุด 1TB และจะเห็นในส่วนของ รูไมค์เพิ่มเติม และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง รวมถึงปุ่ม Power ของตัวเครื่องด้านบนสุดครับ
ในด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นเรียบๆ ไม่มีปุ่มหรือถาดซิมอะไรทั้งนั้นครับรวมถึงจะเห็นความเรียบของหน้าจอและฝาหลัง
ในด้านขอบล่างนั้นเราจะเห็น พอร์ต USB-C 2.0 สำหรับการชาร์จไฟ เชื่อมต่อต่างๆ และลำโพงตัวที่ 1 ในขอบล่าง
ส่วนขอบบนนั้นเราจะเห็นว่ามีลำโพงตัวที่ 2 และ รูไมค์ตัวที่ 2 รวมถึง รู 3.5 มม. นั้นยังคงอยู่ในด้านบนไม่ได้ตัดทิ้ง
ในด้านหลังนั้นการวางกล้องมุมซ้ายบน กล้องมาในรูปทรงสี่เหลี่ยมโมดูลเดียว ไม่มีการใส่ไฟแฟลชอะไรมาให้ครับ ตรงฝาหลังเรียบๆเลยไม่มีลูกเล่นลวดลายอะไร รวมถึงใช้วัสดุโลหะสีด้านทั้งหมดแอบติดรอยนิ้วมือง่ายพอสมควรครับ ส่วนตัวปากกานั้นจะไม่ได้ติดกับฝาหลังแบบรุ่นพี่ตัวอื่นๆ แต่จะเป็นการติดกับขอบเครื่องด้านข้างๆ แทนนั้นเองครับ
กล้องหลังเอาจริงๆนั้นทางพวกบรรดา Tablet ไม่ได้เน้นกันเท่าไรนัก ตัวนี้มาพร้อมกับกล้องตัวเดียว 8MP พร้อมกับรองรับการถ่าย Live focus รวมถึง รองรับการถ่าย FHD (1920 x 1080)@30fps สูงสุดครับ ตัวกล้องมีความนูนขึ้นมาไม่มากเมื่อเทียบกับกล้องในบรรดามือถือสมัยนี้ครับ แต่ด้วยตัวเครื่องใหญ่ทำให้เวลาวางนั้นอาจจะต้องระวังกัน
SPEC
- Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.1
- หน้าจอ TFT ขนาด 10.4 นิ้ว 16 ล้านสี ความละเอียด 2000 x 1200 (WUXGA+)
- CPU Exynos 9611 10nm
- GPU Mali-G72 MP3
- RAM 4 GB
- STORAGE 64 GB (เพิ่มเมมได้สูงสุด 1TB)
- กล้องหลัง 8 MP AF 1/4.0″, 1.12µm / 1080p@30fps
- กล้องหน้า 5 MP Fix Focus
- WiFi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4G+5GHz, Bluetooth 5.0
- รูหูฟัง 3.5 มม.
- ลำโพงคู่ 1.2W พร้อมรองรับ Dolby Atmos ปรับเสียงโดย AKG
- Samsung Knox
- USB-C 2.0
- แบตเตอรี่ 7,040 mAh รองรับชาร์จไว 15W
- สีชมพู Chiffon Pink (WiFi), สีเทา Oxford Gray (WiFi/LTE), สีน้ำเงิน Angora Blue (WiFi/LTE)
- น้ำหนัก 465 กรัม (WiFi) 467 กรัม (LTE)
PERFORMANCE
SYSTEM UI
หน้าตาหลักๆนั้นยังคงใช้งาน ONE UI ที่พึ่งเปลี่ยนมาใหม่ครับ และแน่นอนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างไปในทางที่ดีจากเดิมยุคก่อนครับ และมาพร้อมกับ Android 10 ในแง่ของการใช้งานทั่วไปเรียบง่าย และแอปติดเครื่องค่อนข้างน้อยมากๆครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และหน้าตาก็พัฒนามาโล่ง และใช้งานได้ลื่นไหลกว่าเดิม
หน้าตาการแจ้งเตือน ตั้งค่าอะไรนั้นมาในโทนสีขาวฟ้าครับ ไอคอนอะไรปรับเปลี่ยนหน้าตาได้เรียบขึ้น และแตะได้ง่ายขึ้นครับ การแจ้งเตือนสามารถกดเคลียร์ได้ และเมื่อลากลงมานั้นก็เข้าการตั้งค่าได้ง่าย และ สามารถปรับแสงหน้าจอได้รวมถึงมีเวลาอะไรบอกอยู่ตรงกลาง ด้านบนครับ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นสบายๆมีไปหลายหน้าจอตามใจชอบเลย
สำหรับเรื่อง RAM 4 GB นั้นใช้ประมาณ 2.7 GB ครับ เอาจริงๆถ้าเปิดหลายๆแอปมีหน่วงให้เห็นอยู่บ้างครับทางด้าน ความจุนั้น เหลือ 110 โดยประมาณครับถ้าตัดแอป และ เพลง รูปภาพอะไรหมดเหลือแค่ระบบนะครับ ระบบจะประมาณ 13 GB โดยประมาณครับ ส่วน คีย์บอร์ดนั้นเป็นภาษาไทย ของทาง Samsung เองหลายๆคนอาจจะชอบกันครับ และสามารถแยกซ้ายขวาแบบในภาพได้ ทำให้เวลาพิมพ์นั้นถือได้สะดวกและพิมพ์ได้ง่ายขึ้นเยอะครับ
S-Pen นั้นถือว่าใส่ฟีเจอร์มาแน่นๆครับทั้ง Screen off Memo และ Air View รวมถึงไอคอนทางลัดอะไรต่างๆด้วย และสามารถปรับเสียงเวลาเขียนได้ด้วยจะเปิดหรือปิดครับ ส่วนปุ่มด้านข้างกดค้าง หรือ กด 2 ครั้งก็สามารถตั้งค่าได้ และทางด้านการเปิด multi windows หรือจะเป็น Pop up อะไรก็มีมาให้ตั้งค่าและรวมถึงการรับสายจากเครื่องอื่นก็ทำได้แต่จะได้เฉพาะ Samsung นะครับทำให้เราโอนสายไปคุยในมือถือหรือโอนมาตัว Tablet ได้
การเคลื่อนไหวท่าทางหรือ Gesture นั้นรองรับในการแตะ 2 ครั้งเพื่อเปิดได้ด้วย และมีฟีเจอร์ถ้ามองหน้าจอจะไม่ดับมาให้อยู่ครับ แน่นอนว่าการควบคุมนั้นสามารถใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้สบาย และสามารถสลับปุ่มต่างๆได้ครับสำหรับตำแหน่งถ้าใครไม่ชิน และสามารถปรับโหมดมืดได้ด้วยในการใช้งานช่วยถนอมสายตาได้ดีอยู่เหมือนกัน
SCREEN
ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้เป็นหน้าจอแบบ TFT ครับเป็นหน้าจอที่ต้องบอกว่าเราจะไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไรนักในสมัยนี้เพราะส่วนใหญ๋จะเป็น IPS / SMOLED อะไรทั้งหมดแล้วแต่เนื่องจากรุ่นนี้ทำราคาไม่แรงมากนักเลย ทำให้ต้องใช้งานหน้าจอชนิดนี้ มาในขนาด 10.4 นิ้ว รองรับ 16 ล้านสีครับ และเป็นหนาจอเรียบไม่ใช้ 2.5D อะไร รองรับปากกาใช้งานปกติครับ แน่นอนว่าด้วยหน้าจออาจจะมีหลายคนบ่นกันแต่พอได้ลองใช้งานจริงๆ ถือว่าดีกว่า TFT ที่เราเคยใช้งานกันมาบ้างครับทั้งเรื่องการสัมผัส การใช้งาน ความสว่างถือว่าใช้งานได้เลยแหละแต่ถ้ามองในแง่ของความสวยอิ่มอะไรนั้นอาจจะไม่ได้สุดมาเท่าไรนักครับ ในแง่ของเฉดสีหรือสีดำนั้นจะไม่ได้สนิทเท่าไรเมื่อเทียบกับรุ่นพี่พวกนั้นครับ
แต่ถ้าเทียบกับจอรุ่น A ตัวธรรมดาที่เป็นหน้าจอแบบเดียวกันต้องบอกว่าหน้าจอ TFT TAB S6 LITE ตัวนี้ทำได้ดีกว่ามากครับ สู้แสงได้ดี สวยกว่าและใช้งานจริงได้ดีกว่าเยอะถ้าเทียบกับ TFT ตัวอื่นๆนั้นเอง ทางด้านมุมมองนั้นต้องบอกว่าพอไหวครับ ในมุมมองเอียงๆแต่ถ้าใช้งานหน้าจอแบบไม่สว่างมากนัก หรือมีโทนสีดำเยอะเวลาเอียงจอจะเริ่มจางๆและออกสีเทาๆเป็นเป็นปกติของหน้าจอพวกนี้ แน่นอนว่าถ้าใครเน้นเอามาดูหนังเน้นจอสวยอาจจะไม่เด่นครับ ส่วนการสัมผัสนั้นก็ติดนิ้วได้ดีไม่มีปัญหาอะไรเท่าไร แต่แค่ตัวสารเคลือบจอมันไม่ได้ลื่น หรือดีเท่าพวกรุ่นพี่ทำให้เวลาใช้งานนั้นจะหนืดๆ ครับติดฟิล์มอาจจะช่วยได้ในจุดนี้ และในการใช้งานปากกา วางมือวาดได้ปกติครับในรุ่นนี้
[SR] รีวิว SAMSUNG GALAXY TAB S6 LITE ลำโพงคู่ พร้อมปากกา S PEN ในงบหมื่นต้น !
Samsung Galaxy Tab ก็ถือว่าเป็นตระกูลที่ค่อนข้างรู้จักกันพอสมควรในบรรดา Tablet Android เพราะในตลาดกลุ่มนี้ไม่แน่จริงต้องบอกว่าอยู่ยาก แต่ทาง Samsung เองนั้นถือว่ามีประสิทธิภาพในตลาดนี้อยู่และเป็นไม่กี่แบรนด์ที่ต้องบอกว่าเปิดตัว และลุยต่อเนื่องมาเรื่อยๆในหลากหลายระดับราคาครับ และอีกจุดแข็งของมันคือ S-Pen นั้นเองที่ทำให้มันยังอยู่ในตลาดนี้ได้ และในนี้ทาง Samsung เองก็ถือว่าลุยตลาดในราคาหมื่นต้น แต่ได้หน้าจอใหญ่ พร้อมกับดีไซน์แบบเต็มขอบและยังมาพร้อมกับปากกา S-Pen ด้วยในราคาเริ่มต้นไม่แพงทำให้ลุยตลาดสำหรับ นักเรียน ใช้งานทั่วไปได้ไม่ได้เน้นทำงานหนักหรือว่าจะเป็นคนที่อยากได้ Tablet ราคาไม่แพงจอใหญ่ ปากกาไว้จดอะไรได้นั้นเอง และในด้านการใช้งานจริงหรือว่าหน้าจอนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ทั้งการสัมผัส เขียน ลำโพงต่างๆครับ
Samsung Galaxy Tab S6 Lite นั้นมาพร้อมกับ หน้าจอแบบ TFT 10.4 นิ้ว ความละเอียด 2000 x 1200 (WUXGA+) รองรับปากกา S-Pen ใช้งาน Exynos 9611 ( 10 nm ) และมาพร้อมกับ RAM 4 GB STORAGE 64 GB พร้อมกับ กล้องหลัง 8MP ตัวเดียวไม่มีไฟแฟลช และ กล้องหน้า 5 MP ครับ รองรับ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4G+5GHz, Bluetooth 5.0 และยังมี รูหูฟัง 3.5 มม. พร้อมกับลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ปรับจูนเสียงโดย AKG และทางด้านปากกานั้นมาพร้อมกับ หัวปากกาขนาดเล็ก 0.7 มม. รองรับแรงกด 4,096 ระดับ และ ตอบสนองต่ำเพียง 26ms ใช้งาน แบตเตอรี่ 7,040 mAh ชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB-C รองรับ ชาร์จไว 15W และ ตัวปากกาไม่ต้องชาร์จไฟนะครับ ใช้งาน Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.1 ถือว่าสเปกก็ใช้งานทั่วไปเพียงพอ แต่หน้าจออาจจะไม่ได้เป็น SMOLED เท่านั้นครับ ส่วนราคานั้นในรุ่นนี้ เป็นตัว WiFi เริ่มต้นที่ 11,990 บาท ส่วนรุ่น 4G LTE ใส่ซิมโทรได้ในตัวก็จะมาในราคา 14,990 บาท ครับ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ยังถือว่ามีความสวยลงตัวอยู่เหมือนกันเน้นความเรียบๆ และมีความบางเบาอยู่อีกทั้งในเรื่องของวัสดุนั้นใช้งาน วัสดุโลหะดูดีใช้ได้เลยครับเมื่อเทียบกับราคาของเจ้าตัว Tab S6 Lite งานออกแบบเลยดูดีและเป็นอีกจุดที่ไม่ได้ติดขัดอะไรครับ เพราะด้วยราคาของมันที่ไม่ได้แรงมากแต่ได้วัสดุแบบ Unibody ทั้งชิ้นและมีน้ำหนักเบาก็ถือว่าสะดวกต่อการพกพาได้มากระดับนึงเลย และที่ชอบคือตัวปากกานั้นสามารถแปะติดกับขอบเครื่องได้ด้วยครับ ปากกานั้นไม่ต้องชาร์จไฟอะไรเลย ค่อนข้างสะดวกในการใช้งานมากๆ ไม่ต้องเก็บข้างในก็จะทำให้เครื่องบางขึ้น
ทางด้านหน้าจอนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ TFT 10.4 นิ้วครับต้องบอกว่าอ่านถูกต้องแล้วเพราะหน้าจอเป็น TFT จริงๆครับมาพร้อมกับ 2000 x 1200 (WUXGA+) และรองรับปากกา S-Pen และหน้าจอขอบบางเพียง 9 มม.
ทางด้านหน้าจอ ขอบบนนั้นจะเห็นว่าการออกแบบขอบหน้าจอนั้นมีขนาดรอบๆเท่ากันหมด และขอบจอมีความตัดขอบโค้งทำให้ดีไซน์ดูทันสมัยสวยงาม ทำให้เต็มตาเต็มจอแบบยุคใหม่มากขึ้นแต่ก็ยังมีพื้นที่จับอยู่บ้างครับ กล้องหน้าให้มาที่ 5 MP วางไว้ส่วนบนของตัวเครื่องพร้อมเซนเซอร์ต่างๆในส่วนนี้ครับ แน่นอนว่ามันไม่มีลำโพงตรงด้านหน้ามาให้แต่จะเป็นการไปไว้ตรงขอบข้างเครื่องๆ บนล่างแทนนั้นเองครับ ไม่มีลำโพงสนทนา ทำให้ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์แบบแนบหูได้ นะครับต้องผ่านทางหูฟังแทนเท่านั้น
ขอบด้านล่างนั้นก็เรียบๆไม่มีอะไรเท่าไรนัก การควบคุมนั้นย้ายไปบนหน้าจอทั้งหมดและสามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้หมดเลย แต่เอาจริงๆนั้นถือว่าค่อนข้างชอบการออกแบบหน้าจอเต็มๆ แบบนี้แม้จะเป็นราคาไม่แพงถือว่าออกแบบสวย
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเป็นที่อยู่ของ ถาดซิม NanoSim และรองรับ Micro-SD สำหรับเพิ่มความจุรองรับสูงสุด 1TB และจะเห็นในส่วนของ รูไมค์เพิ่มเติม และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง รวมถึงปุ่ม Power ของตัวเครื่องด้านบนสุดครับ
ในด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นเรียบๆ ไม่มีปุ่มหรือถาดซิมอะไรทั้งนั้นครับรวมถึงจะเห็นความเรียบของหน้าจอและฝาหลัง
ในด้านขอบล่างนั้นเราจะเห็น พอร์ต USB-C 2.0 สำหรับการชาร์จไฟ เชื่อมต่อต่างๆ และลำโพงตัวที่ 1 ในขอบล่าง
ส่วนขอบบนนั้นเราจะเห็นว่ามีลำโพงตัวที่ 2 และ รูไมค์ตัวที่ 2 รวมถึง รู 3.5 มม. นั้นยังคงอยู่ในด้านบนไม่ได้ตัดทิ้ง
ในด้านหลังนั้นการวางกล้องมุมซ้ายบน กล้องมาในรูปทรงสี่เหลี่ยมโมดูลเดียว ไม่มีการใส่ไฟแฟลชอะไรมาให้ครับ ตรงฝาหลังเรียบๆเลยไม่มีลูกเล่นลวดลายอะไร รวมถึงใช้วัสดุโลหะสีด้านทั้งหมดแอบติดรอยนิ้วมือง่ายพอสมควรครับ ส่วนตัวปากกานั้นจะไม่ได้ติดกับฝาหลังแบบรุ่นพี่ตัวอื่นๆ แต่จะเป็นการติดกับขอบเครื่องด้านข้างๆ แทนนั้นเองครับ
กล้องหลังเอาจริงๆนั้นทางพวกบรรดา Tablet ไม่ได้เน้นกันเท่าไรนัก ตัวนี้มาพร้อมกับกล้องตัวเดียว 8MP พร้อมกับรองรับการถ่าย Live focus รวมถึง รองรับการถ่าย FHD (1920 x 1080)@30fps สูงสุดครับ ตัวกล้องมีความนูนขึ้นมาไม่มากเมื่อเทียบกับกล้องในบรรดามือถือสมัยนี้ครับ แต่ด้วยตัวเครื่องใหญ่ทำให้เวลาวางนั้นอาจจะต้องระวังกัน
SPEC
- Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.1
- หน้าจอ TFT ขนาด 10.4 นิ้ว 16 ล้านสี ความละเอียด 2000 x 1200 (WUXGA+)
- CPU Exynos 9611 10nm
- GPU Mali-G72 MP3
- RAM 4 GB
- STORAGE 64 GB (เพิ่มเมมได้สูงสุด 1TB)
- กล้องหลัง 8 MP AF 1/4.0″, 1.12µm / 1080p@30fps
- กล้องหน้า 5 MP Fix Focus
- WiFi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4G+5GHz, Bluetooth 5.0
- รูหูฟัง 3.5 มม.
- ลำโพงคู่ 1.2W พร้อมรองรับ Dolby Atmos ปรับเสียงโดย AKG
- Samsung Knox
- USB-C 2.0
- แบตเตอรี่ 7,040 mAh รองรับชาร์จไว 15W
- สีชมพู Chiffon Pink (WiFi), สีเทา Oxford Gray (WiFi/LTE), สีน้ำเงิน Angora Blue (WiFi/LTE)
- น้ำหนัก 465 กรัม (WiFi) 467 กรัม (LTE)
PERFORMANCE
SYSTEM UI
หน้าตาหลักๆนั้นยังคงใช้งาน ONE UI ที่พึ่งเปลี่ยนมาใหม่ครับ และแน่นอนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างไปในทางที่ดีจากเดิมยุคก่อนครับ และมาพร้อมกับ Android 10 ในแง่ของการใช้งานทั่วไปเรียบง่าย และแอปติดเครื่องค่อนข้างน้อยมากๆครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และหน้าตาก็พัฒนามาโล่ง และใช้งานได้ลื่นไหลกว่าเดิม
หน้าตาการแจ้งเตือน ตั้งค่าอะไรนั้นมาในโทนสีขาวฟ้าครับ ไอคอนอะไรปรับเปลี่ยนหน้าตาได้เรียบขึ้น และแตะได้ง่ายขึ้นครับ การแจ้งเตือนสามารถกดเคลียร์ได้ และเมื่อลากลงมานั้นก็เข้าการตั้งค่าได้ง่าย และ สามารถปรับแสงหน้าจอได้รวมถึงมีเวลาอะไรบอกอยู่ตรงกลาง ด้านบนครับ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นสบายๆมีไปหลายหน้าจอตามใจชอบเลย
สำหรับเรื่อง RAM 4 GB นั้นใช้ประมาณ 2.7 GB ครับ เอาจริงๆถ้าเปิดหลายๆแอปมีหน่วงให้เห็นอยู่บ้างครับทางด้าน ความจุนั้น เหลือ 110 โดยประมาณครับถ้าตัดแอป และ เพลง รูปภาพอะไรหมดเหลือแค่ระบบนะครับ ระบบจะประมาณ 13 GB โดยประมาณครับ ส่วน คีย์บอร์ดนั้นเป็นภาษาไทย ของทาง Samsung เองหลายๆคนอาจจะชอบกันครับ และสามารถแยกซ้ายขวาแบบในภาพได้ ทำให้เวลาพิมพ์นั้นถือได้สะดวกและพิมพ์ได้ง่ายขึ้นเยอะครับ
S-Pen นั้นถือว่าใส่ฟีเจอร์มาแน่นๆครับทั้ง Screen off Memo และ Air View รวมถึงไอคอนทางลัดอะไรต่างๆด้วย และสามารถปรับเสียงเวลาเขียนได้ด้วยจะเปิดหรือปิดครับ ส่วนปุ่มด้านข้างกดค้าง หรือ กด 2 ครั้งก็สามารถตั้งค่าได้ และทางด้านการเปิด multi windows หรือจะเป็น Pop up อะไรก็มีมาให้ตั้งค่าและรวมถึงการรับสายจากเครื่องอื่นก็ทำได้แต่จะได้เฉพาะ Samsung นะครับทำให้เราโอนสายไปคุยในมือถือหรือโอนมาตัว Tablet ได้
การเคลื่อนไหวท่าทางหรือ Gesture นั้นรองรับในการแตะ 2 ครั้งเพื่อเปิดได้ด้วย และมีฟีเจอร์ถ้ามองหน้าจอจะไม่ดับมาให้อยู่ครับ แน่นอนว่าการควบคุมนั้นสามารถใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้สบาย และสามารถสลับปุ่มต่างๆได้ครับสำหรับตำแหน่งถ้าใครไม่ชิน และสามารถปรับโหมดมืดได้ด้วยในการใช้งานช่วยถนอมสายตาได้ดีอยู่เหมือนกัน
SCREEN
ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้เป็นหน้าจอแบบ TFT ครับเป็นหน้าจอที่ต้องบอกว่าเราจะไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไรนักในสมัยนี้เพราะส่วนใหญ๋จะเป็น IPS / SMOLED อะไรทั้งหมดแล้วแต่เนื่องจากรุ่นนี้ทำราคาไม่แรงมากนักเลย ทำให้ต้องใช้งานหน้าจอชนิดนี้ มาในขนาด 10.4 นิ้ว รองรับ 16 ล้านสีครับ และเป็นหนาจอเรียบไม่ใช้ 2.5D อะไร รองรับปากกาใช้งานปกติครับ แน่นอนว่าด้วยหน้าจออาจจะมีหลายคนบ่นกันแต่พอได้ลองใช้งานจริงๆ ถือว่าดีกว่า TFT ที่เราเคยใช้งานกันมาบ้างครับทั้งเรื่องการสัมผัส การใช้งาน ความสว่างถือว่าใช้งานได้เลยแหละแต่ถ้ามองในแง่ของความสวยอิ่มอะไรนั้นอาจจะไม่ได้สุดมาเท่าไรนักครับ ในแง่ของเฉดสีหรือสีดำนั้นจะไม่ได้สนิทเท่าไรเมื่อเทียบกับรุ่นพี่พวกนั้นครับ
แต่ถ้าเทียบกับจอรุ่น A ตัวธรรมดาที่เป็นหน้าจอแบบเดียวกันต้องบอกว่าหน้าจอ TFT TAB S6 LITE ตัวนี้ทำได้ดีกว่ามากครับ สู้แสงได้ดี สวยกว่าและใช้งานจริงได้ดีกว่าเยอะถ้าเทียบกับ TFT ตัวอื่นๆนั้นเอง ทางด้านมุมมองนั้นต้องบอกว่าพอไหวครับ ในมุมมองเอียงๆแต่ถ้าใช้งานหน้าจอแบบไม่สว่างมากนัก หรือมีโทนสีดำเยอะเวลาเอียงจอจะเริ่มจางๆและออกสีเทาๆเป็นเป็นปกติของหน้าจอพวกนี้ แน่นอนว่าถ้าใครเน้นเอามาดูหนังเน้นจอสวยอาจจะไม่เด่นครับ ส่วนการสัมผัสนั้นก็ติดนิ้วได้ดีไม่มีปัญหาอะไรเท่าไร แต่แค่ตัวสารเคลือบจอมันไม่ได้ลื่น หรือดีเท่าพวกรุ่นพี่ทำให้เวลาใช้งานนั้นจะหนืดๆ ครับติดฟิล์มอาจจะช่วยได้ในจุดนี้ และในการใช้งานปากกา วางมือวาดได้ปกติครับในรุ่นนี้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้