ช่วงหลังๆ มานี้โดยเฉพาะช่วงโควิด มีหนังที่ Netflix ส่งเข้าประกวดหลายเรื่องที่น่าสนใจ บางเรื่องก็สนุกสุดมันส์ บางเรื่องก็เป็นหนังดีกินใจ แต่ก็ต้องมีดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่ส่วนใหญ่หนัง Netflix จะได้นักแสดงเบอร์ใหญ่ๆ มาแสดงหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน กับเรื่องนี้ที่หนังปล่อยภาพเท่ๆ ของนักแสดงนำ Charlize Theron ออกมาก็เห็นได้ถึงความเท่ของหนังแล้ว ส่วนพล็อตเรื่องกับโปรดัคชั่น ค่อยว่ากันตอนดู
ทหารรับจ้างที่มีชีวิตอมตะกลุ่มเล็กๆ รวมตัวกันอย่างลับๆ และนำโดยนักรบชื่อแอนดี้ (ชาร์ลิซ เธอรอน) ทุกคนต่อสู้เพื่อปกป้องโลกมนุษย์มาเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่เมื่อต้องไปปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนที่ทำให้ความสามารถที่ไม่ธรรมดาของกลุ่มเปิดเผย แอนดี้กับไนล์ (คิคี เลย์น) ซึ่งเป็นนักรบคนล่าสุดต้องช่วยคนในกลุ่มกำจัดผู้ที่คิดร้ายและหวังจะหาผลประโยชน์จากกลุ่มทุกวิถีทาง "ดิ โอลด์ การ์ด (THE OLD GUARD)" เป็นเรื่องราวความกล้าหาญ ความมั่นคง และเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการมีชีวิตอมตะนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด
ผมไม่มีข้อมูลของหนังเรื่องนี้ในหัวสักเท่าไหร่ ก็คิดว่าเป็นหนังทหารรับจ้างเหมือนปกติทั่วๆ ไป แต่มันเริ่มมาเปิดตัวความไม่ธรรมดาตรงที่บอกว่า ทีมของ แอนดี้ คือทีมงานที่ไม่มีวันตาย และกำลังโดนคุกคามจากนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นแก่เงิน ซึ่งพล็อตมันช่างคล้ายกับหนังหลายๆ เรื่องที่พวกมนุษย์ superhuman จะโดนจับตัวไปเพื่อทำการทดลองและขายผลิตภัณฑ์ จากหนังที่คิดว่าน่าจะเป็นหนังทหารรับจ้างแอ็คชั่นมันส์ๆ เลยกลายเป็นหนังที่พล็อตเรื่องไม่ใหม่เอาซะเลย
พอพล็อตหนังมันเชยและช้ำไปหมดแล้ว ทีนี้ฉากแอ็คชั่นล่ะ ฉากแอ็คชั่นถึงแม้เรื่องนี้จะมีค่อยข้างหลายฉาก แต่กลับไม่มีฉากไหนที่เป็นที่จดจำสักเท่าไหร่ เพราะมันก็เหมือนกับฉากแอ็คชั่นของหนังสไตล์นี้ และไม่ได้มีความโดดเด่นออกมาสักเท่าไหร่ ทำให้อรรถรสของหนังมันก็จะเป็นแอ็คชั่นที่ดูแบบเนิบๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อรอบทสรุปของเรื่อง ก็แค่นั้น
ความดีงามที่สุดจริงๆ ของเรื่องนี้ ผมต้องบอกว่ามันคือความเท่ของ Charlize Theron ในบทของ แอนดี้ คนเดียวเท่านั้น เรียกว่าเป็นเดอะแบกของหนังทั้งเรื่องก็ว่าได้ ทุกฉากแทบจะโฟกัสไปที่คนๆ เดียวเพื่อให้หนังมันมีพลังขับเคลื่อนที่เพียงพอจะให้คนดูดูต่อได้เรื่อยๆ นักแสดงคนอื่นเรียกว่าไม่มีความโดดเด่นให้พอสะดุดตาได้เลยสักคน ซึ่งจริงๆ แล้ว บทของ ไนล์ superhuman คนใหม่ของทีมน่าจะเป็นอีกคนที่บทโดดเด่น แต่ก็ไม่เลย
เมื่อหนังมันไม่ค่อยจะมีอะไรให้จดจำ หรือไม่มีอะไรโดดเด่น ผมก็ได้แค่ดูความเท่ของตัวเอก และดูให้จบเพื่อจะได้รู้บทสรุป แต่ก็ไม่ได้ดีพอให้น่าจดจำ และหนังเหมือนจะมีภาคต่อ ก็เลยเดาไม่ออกว่าหนังจะเอาจุดเด่นอะไรมาขายอีกในภาคต่อ
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
[CR] [#Review] The Old Guard (Netflix) - พล็อตเรื่องเชยๆ แอ็คชั่นธรรมดา แต่มีความเท่ของนักแสดงนำ ทำให้หนังดูดีขึ้นได้นิดนึง
ช่วงหลังๆ มานี้โดยเฉพาะช่วงโควิด มีหนังที่ Netflix ส่งเข้าประกวดหลายเรื่องที่น่าสนใจ บางเรื่องก็สนุกสุดมันส์ บางเรื่องก็เป็นหนังดีกินใจ แต่ก็ต้องมีดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่ส่วนใหญ่หนัง Netflix จะได้นักแสดงเบอร์ใหญ่ๆ มาแสดงหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน กับเรื่องนี้ที่หนังปล่อยภาพเท่ๆ ของนักแสดงนำ Charlize Theron ออกมาก็เห็นได้ถึงความเท่ของหนังแล้ว ส่วนพล็อตเรื่องกับโปรดัคชั่น ค่อยว่ากันตอนดู
ทหารรับจ้างที่มีชีวิตอมตะกลุ่มเล็กๆ รวมตัวกันอย่างลับๆ และนำโดยนักรบชื่อแอนดี้ (ชาร์ลิซ เธอรอน) ทุกคนต่อสู้เพื่อปกป้องโลกมนุษย์มาเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่เมื่อต้องไปปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนที่ทำให้ความสามารถที่ไม่ธรรมดาของกลุ่มเปิดเผย แอนดี้กับไนล์ (คิคี เลย์น) ซึ่งเป็นนักรบคนล่าสุดต้องช่วยคนในกลุ่มกำจัดผู้ที่คิดร้ายและหวังจะหาผลประโยชน์จากกลุ่มทุกวิถีทาง "ดิ โอลด์ การ์ด (THE OLD GUARD)" เป็นเรื่องราวความกล้าหาญ ความมั่นคง และเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการมีชีวิตอมตะนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด
ผมไม่มีข้อมูลของหนังเรื่องนี้ในหัวสักเท่าไหร่ ก็คิดว่าเป็นหนังทหารรับจ้างเหมือนปกติทั่วๆ ไป แต่มันเริ่มมาเปิดตัวความไม่ธรรมดาตรงที่บอกว่า ทีมของ แอนดี้ คือทีมงานที่ไม่มีวันตาย และกำลังโดนคุกคามจากนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นแก่เงิน ซึ่งพล็อตมันช่างคล้ายกับหนังหลายๆ เรื่องที่พวกมนุษย์ superhuman จะโดนจับตัวไปเพื่อทำการทดลองและขายผลิตภัณฑ์ จากหนังที่คิดว่าน่าจะเป็นหนังทหารรับจ้างแอ็คชั่นมันส์ๆ เลยกลายเป็นหนังที่พล็อตเรื่องไม่ใหม่เอาซะเลย
พอพล็อตหนังมันเชยและช้ำไปหมดแล้ว ทีนี้ฉากแอ็คชั่นล่ะ ฉากแอ็คชั่นถึงแม้เรื่องนี้จะมีค่อยข้างหลายฉาก แต่กลับไม่มีฉากไหนที่เป็นที่จดจำสักเท่าไหร่ เพราะมันก็เหมือนกับฉากแอ็คชั่นของหนังสไตล์นี้ และไม่ได้มีความโดดเด่นออกมาสักเท่าไหร่ ทำให้อรรถรสของหนังมันก็จะเป็นแอ็คชั่นที่ดูแบบเนิบๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อรอบทสรุปของเรื่อง ก็แค่นั้น
ความดีงามที่สุดจริงๆ ของเรื่องนี้ ผมต้องบอกว่ามันคือความเท่ของ Charlize Theron ในบทของ แอนดี้ คนเดียวเท่านั้น เรียกว่าเป็นเดอะแบกของหนังทั้งเรื่องก็ว่าได้ ทุกฉากแทบจะโฟกัสไปที่คนๆ เดียวเพื่อให้หนังมันมีพลังขับเคลื่อนที่เพียงพอจะให้คนดูดูต่อได้เรื่อยๆ นักแสดงคนอื่นเรียกว่าไม่มีความโดดเด่นให้พอสะดุดตาได้เลยสักคน ซึ่งจริงๆ แล้ว บทของ ไนล์ superhuman คนใหม่ของทีมน่าจะเป็นอีกคนที่บทโดดเด่น แต่ก็ไม่เลย
เมื่อหนังมันไม่ค่อยจะมีอะไรให้จดจำ หรือไม่มีอะไรโดดเด่น ผมก็ได้แค่ดูความเท่ของตัวเอก และดูให้จบเพื่อจะได้รู้บทสรุป แต่ก็ไม่ได้ดีพอให้น่าจดจำ และหนังเหมือนจะมีภาคต่อ ก็เลยเดาไม่ออกว่าหนังจะเอาจุดเด่นอะไรมาขายอีกในภาคต่อ
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้