พูดถึงแป้งฝุ่นขึ้นมา เชื่อว่าผู้หญิงหลายต่อหลายคนต้องเคยผ่านการใช้แป้งฝุ่นมาแล้ว ไม่ก็มีแป้งฝุ่นอยู่ประจำโต๊ะเครื่องแป้งสักสองสามอันเป็นอย่างน้อย อย่างที่รู้กันว่าแป้งฝุ่นนี่มีประโยชน์มากในเรื่องของการทำให้หน้านวลเนียนเป็นธรรมชาติ เซ็ตเครื่องสำอางให้ติดทน และยังเป็นตัวช่วยควบคุมความมันบนหน้าอีกต่างหาก
สำหรับเราเอง เราเป็นคนผิวผสมที่ค่อนไปทางมัน นี่เลยติดใจกับการใช้แป้งฝุ่นมาตั้งแต่วัยรุ่นเพราะเชื่อมาตลอดว่าใช้แล้วหน้าเด้งและไม่มันด้วย แต่ก็ไม่เคยได้ทดลองจริงๆจังๆสักที วันนี้ได้ฤกษ์ว่างงานก็เลยจะค้นเอาแป้งฝุ่นที่มีมารีวิวซะหน่อย ซึ่งคัดมาแล้วแบ่งเป็นสามประเภทใหญ่ มีทั้งแบบกระป๋อง กระปุก และตลับคละกันไป ซึ่งเราเชื่อว่าคงยังไม่เคยมีใครรีวิวมาก่อนแน่ๆ 555 มาดูเลยดีกว่าว่าแต่ละตัวจะเป็นยังไงกันบ้าง
ประเภท : แป้งฝุ่นกระป๋อง
Pond's Magic Powder BB (30 บาท)
คำเคลม
→ ช่วยปกปิดรอยจากสิว ฝ้า และกระ บนใบหน้า ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
→ Double UV Protection ปกป้องผิวจากรังสี UVB และ UVB จากแสงแดด
แป้งขวัญใจตั้งแต่สมัยวัยสะรุ่นจนโตเป็นสาวก็ยังซื้อใช้อยู่ ตัวนี้เป็นแป้งฝุ่นBBที่บางเบากว่าแป้งผสมรองพื้น ฉะนั้นจะสามารถให้ความปกปิดผิวได้บ้างนิดหน่อย(ก็ตามธรรมชาติของแป้งฝุ่นนะ) มีสารกันแดดด้วยแต่ไม่รู้ว่ากันได้เท่าไร เนื้อสัมผัสค่อนข้างละเอียดและหนา หนักๆผิวนิดหนึ่ง สีของแป้งก็เป็นสีเนื้อมาเลย มีกลิตเตอร์ผสมอยู่จางๆ เป็นแป้งฝุ่นที่ใช้แล้วให้ลุคหน้าผ่องเนียนนวลมากกก เนียนแบบไม่ดูโป๊ะว่าทาแป้งมา และยิ่งใช้รองพื้นคือยิ่งเนียนคูณสิบ แต่แป้งไม่ค่อยติดทนเกาะหน้าเท่าไร หลุดง่าย ต้องพกกระป๋องไปเติมหน้าบ่อยๆ แต่ผ่องจริงไรจริง ใครชอบผ่องๆได้ใช้แล้วประทับใจแน่นอน
Bio Naturel Extra Oil Absorbing Translucent Powder (45 บาท)
คำเคลม
→ เนื้อสีพีชเข้าได้ดีกับทุกสีผิว
→ ควบคุมความมันได้ยาวนานขึ้นพิเศษ
→ เนื้อแป้งโปร่งแสงทาทับ make up ได้อย่างบางเบา
เป็นแป้งฝุ่นที่ฮอตฮิตมากช่วงหนึ่งสำหรับคนหน้าสิว เพราะแป้งตัวนี้เป็นแป้งสำหรับคนเป็นสิวผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ที่ใช้แล้วไม่อุดตันผิว คุมความมันดี แถมยังล้างออกง่ายไม่ต้องใช้คลีนเซอร์อีกด้วย ซึ่งจริงๆแป้งตัวนี้มีออกมาหลายรุ่น และรุ่นที่เราใช้เป็นรุ่นที่เน้นว่าคุมความมันได้ดีมากเป็นพิเศษ ซึ่งตัวนี้เป็นแป้งแบบโปร่งแสงค่ะ ไม่ได้ช่วยเรื่องปกปิดอะไรนะ เหมาะกับการเอามาเซ็ตเมคอัพนั่นแหละ เนื้อแป้งจะเป็นสีพีทหวานๆที่เข้ากับผิว ทาแล้วไม่ได้วอกเกินไป มันจะกลืนไปกับผิวเลย ตรงนี้เลยเป็นข้อเสียนิดหนึ่งสำหรับเราเพราะมันไม่ผ่องเลย เพราะนี่ชอบแป้งฝุ่นแบบผ่องๆอ่ะ
Revolution Loose Baking Powder-Translucent (550 บาท)
คำเคลม
→ ควบคุมความมันและยืดอายุการแต่งหน้าให้ติดทนทั้งวัน
→ ช่วยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์เรียบเนียนสวยเป็นธรรมชาติ
เป็นแป้งฝุ่นตัวดังในตปท.ที่ราคาก็ค่อนข้างจะแรงเหมือนกันสำหรับแป้งแบบกระปุก ตัวนี้มีหลายสีให้เลือกนะคะ แต่ที่เราใช้เป็น Translucent หรือแบบโปร่งแสงนั่นแหละ เนื้อแป้งเนียนละเอียดและค่อนข้างนุ่มกว่าแป้งกระปุกยี่ห้ออื่นที่เคยใช้นะ และเบามากใช้แล้วไม่หนักหน้าเลย รวมๆแล้วคือเนื้อแป้งดีเลยล่ะ ไม่ได้ปกปิดแต่ก็เน้นอำพรางผิวให้หน้าดูเรียบเนียนดี เซ็ตกับเมคอัพก็ให้ความเนียนแบบกรุบๆ แต่ไม่ผ่องเท่าไร ตัวนี้ชูมาแล้วมาช่วยคุมความมันและเซ็ตเมคอัพให้ติดทนยาวนาน ซึ่งก็ติดทนสมราคานะแต่ว่านานๆไปแป้งมันจะดรอปลงค่ะ ด้วยแป้งก็ไม่ได้ผ่องอยู่แล้วเลยมีฟีลหน้าหมองเบาๆ แต่ถ้าไม่ติดเรื้องนี้ก็ถือว่าเป็นแป้งใช้ดีเลยนะ
ทดสอบการคุมมัน
ใช้แป้งทั้งสามชนิดกับหน้าคนละสามชั่วโมง ก่อนจะใช้กระดาษซับมันเพื่อทดสอบการคุมมันของแป้ง
สรุป : แป้งที่มาวินด้านการคุมมันที่สุดคือ Bio Naturel Extra Oil Absorbing Translucent Powder คุมมันดีแบบแทบจะไม่มันเลย
รองลงมาคือ Revolution Loose Baking Powder-Translucent มีมันบ้างนิดหน่อยไม่น่ากลัว
และท้ายสุดก็คือ Pond's Magic Powder BB ดูเหมือนจะไม่คุมมันเลย TT
ประเภท : แป้งฝุ่นกระปุก
แป้งฝุ่นเจ้านาง Chaonang Diamond Translucent Powder (319 บาท)
คำเคลม
→ ปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยหลักการกระเจิงแสงของเพชร
→ เทคโนโลยีควบคุมความมันจากญี่ปุ่น (Jellification)ช่วยให้เนื้อแป้งติดผิวหน้าได้ดียิ่งขึ้น
→ มีสารบำรุง Squalane ให้ความชุ่มชื้นกับผิวหน้า พัฒนาและวิจัยโดยนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง
อินเลิฟกับแป้งของเจ้านางมากไม่ว่าจะเป็นแป้งพัฟหรือแป้งฝุ่นก็ตาม และยี่ห้อนี้ก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าคุมมันดีมากอะไรมาก ซึ่งที่เอามารีวิวก็คือแป้งฝุ่นแบบ Translucent หรือแป้งฝุ่นโปร่งแสงสำหรับเซ็ตเมคอัพ เนื้อแป้งเป็นสีเบจแบบอ่อนๆที่เนื้อละเอียดมาก ทั้งลื่นทั้งนิ่มทั้งเบา เป็นอีกตัวที่ใช้แล้วรู้สึกสบายหน้า และที่ชอบอีกอย่างคือเป็นแป้งคุมมันที่ไม่ได้แมตต์เกิน แบบที่ไม่ทำให้หน้าแห้งผากอะไรแบบนั้น แต่ผิวจะผ่องๆสวยๆดูเป็นธรรมชาติ เห็นว่ามีสารบำรุงให้ความชุ่มชื้นด้วยมันเลยไม่แห้งเหมือนแป้งคุมมันเจ้าอื่น แต่คุมมันดีมากนะ คุมมันได้แทบทั้งวันเลย อีกอย่างคือแป้งผ่องมาก มันไม่ได้วอกนะแต่ผ่องกำลังดี ปัดทีผ่องทั้งวัน ถูกใจคนชอบความผ่องอย่างเรา แป้งเนียนละเอียดกลืนเข้ากับสีผิวได้ดีมาก สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว ติดทนทานดีด้วย เซตรองพื้นแล้วไม่เป็นคราบ ปังจริง
De leaf Thanaka DUO x 2 Translucent Loose Powder (270 บาท)
คำเคลม
→ แป้งฝุ่นโปร่งแสง 2 เฉดสี สีเหลืองทานาคาควบคุมความมัน และสีชมพูให้ประกายอมชมพูเป็นธรรมชาติ
→ เหมาะกับทุกสภาพผิว ปราศจากน้ำหอม สารกันเสีย และพาราเบน
แป้งทานาคาก็มีแบบแป้งฝุ่นด้วยนะ แถมเป็นแป้งฝุ่นคุ้มค่าคุ้มราคามากเพราะมาถึงสองสีในหนึ่งเดียว สีหนึ่งเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นแป้งทานาคาแท้ๆที่ช่วยควบคุมความมันได้ กับอีกสีเป็นสีชมพูที่มีกลิตเตอร์ช่วยให้หน้าดูมีมิติอมชมพูขึ้น ซึ่งแป้งทั้งสองสีนี้เขาเคลมว่าเป็น Translucent ที่ไม่ทำให้สีรองพื้นเปลี่ยนทั้งคู่ แต่จากที่ใช้มานี่คิดว่ามันเปลี่ยนนะ เพราะว่าสีมันชัดเกินกว่าแป้งโปร่งแสงทั่วไป อย่างสีเหลืองนี่ไม่ค่อยเท่าไร แต่ชมพูนี่ชัดจริง เพราะฉะนั้นต้องระวังมือนิดหนึ่งเวลาใช้ เดี๋ยวจะวอกนะ แต่เราชอบนะ รู้สึกว่าเป็นแป้งที่มีลูกเล่นดีจากการทีมีแป้งสองสีสองแบบในกระปุกเดียว
Innisfree No Sebum Mineral Powder (270 บาท)
คำเคลม
→ ส่วนประกอบของแร่ธาตุธรรมชาติจากเชจูและมิ้นท์เพื่อผิวที่แข็งแรง
→ ควบคุมความมันบนใบหน้าในระหว่างวัน และไม่ทำให้เครื่องสำอางค์เป็นคราบ
แป้งคุมมันในตำนานเลยตัวนี้ ไม่เชิงว่าเป็นแป้งทาหน้าแต่เป็นแป้งสารพัดประโยชน์ที่ใช้ได้ ทาหน้า ทาตัว ทารักแร้ลดกลิ่น ทาเท้า ทาหัว เขาเคลมว่าใช้ได้หมดเลย เพราะคุมมันซับเหงื่อดีมากๆ แต่เราใช้แค่ทาหน้าเซ็ตเมคอัพอย่างเดียวเพราะตลับเล็ก ตัวนี้เป็นแป้งฝุ่นสีขาวเนื้อละเอียด แต่สัมผัสจะออกฝืดๆบอกไม่ถูก มันไม่นุ่มลื่นอ่ะว่าง่าย 555 ตัวนี้เขาบอกว่าผิวสีไหนก็ใช้ได้ ไม่เปลี่ยนสีรองพื้น แต่เราใช้แล้วรู้สึกว่ามันแอบวอกนิดหน่อย ไม่รู้เพราะเนื้อแป้งมันขาวมากๆด้วยหรือเปล่า แต่คุมมันได้อยู่นะ
ทดสอบการคุมมัน
ใช้แป้งทั้งสามชนิดกับหน้าคนละสามชั่วโมง ก่อนจะใช้กระดาษซับมันเพื่อทดสอบการคุมมันของแป้ง
สรุป : แป้งที่ได้ตำแหน่งนี้ไปก็คือ Chaonang Diamond Translucent Powder คุมมันได้ดีแบบมีความมันแค่นิดเดียวจริงๆ
รองลงมาคือ Innisfree No Sebum Mineral Powder ค่อนข้างจะคู่คี่มากับอันดับหนึ่งเลยเพราะคุมมันดีทั้งคู่
และท้ายสุดก็คือ De leaf Thanaka DUO x 2 Translucent Loose Powder ซึ่งก็ไม่แย่นะแค่น้อยกว่าสองตัวบน
ประเภท : แป้งฝุ่นอัดแข็ง
RIMMEL London Stay Matte Powder Poudre (ประมาณ 200 บาท)
คำเคลม
→ เนื้อแป้ง Natural Minerals ควบคุมความมันเป็นพิเศษ
→ เนื้อบางเบา ไม่อุดตันรูขุมขน
เป็นแป้งที่ดังในตปท.มานานแล้วจนข้ามฝั่งมาไทยในที่สุดในฐานะแป้งอัดแข็งไม่ผสมรองพื้นที่คุมมันดีงามมาก ตัวเนื้อแป้งจะด้านๆและละเอียดบางเบาไม่ผสมกลิตเตอร์ ปัดแล้วให้ลุคที่แมตต์มากๆถูกใจความหน้ามันกันไป ซึ่งตัวนี้มีให้เลือกทั้งแบบแป้งมีสีและแป้งโปร่งแสง แต่ส่วนตัวว่าสีแป้งมันค่อนข้างวอกแม้ว่าจะใช้แบบโปร่งแสงก็ตาม ดูไม่ค่อยเหมาะกับผิวเราเท่าไร แต่ทาทิ้งไว้สักพักก็ดรอปลงนะ เนียนๆไปได้อยู่ แต่พรางรูขุมขนไม่ได้ ใครรูขุมขนใหญ่อาจจะเฟลนิดหน่อย ส่วนตัวว่าติดทนดีนะไม่รู้สึกเยิ้มเลย แต่แพคเกจคือกิ๊กก๊อกมากๆ เคยทำแตกไปแล้วอันหนึ่งจนมาซื้อใหม่เป็นอันนี้นี่แหละ
Physicians Formula Youthful Wear Boosting Powder (489 บาท)
คำเคลม
→ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
→ ปราศจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
→ ลงเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งหน้า ช่วยให้รองพื้นติดทนยิ่งขึ้น
ตัวนี้ดังมากในฐานะแป้งหน้าเด็กที่ปัดแล้วหน้าดูเด็กลงไปได้อย่างมหัศจรรย์(เบอร์นั้นเลย) นอกจากทำให้ผิวเนียนแบบเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยลดเลือนริ้วรอย และปกป้องผิวจากมลภาวะด้วย และตัวนี้ยังช่วยพรางริ้วรอยและรูขุมขนได้ดีอีกต่างหาก ซึ่งตัวที่เราใช้เป็น Translucent #7595 แป้งอัดแข็งที่มีซิมเมอร์ผสมอยู่ด้วย เวลาปัดแล้วมันไม่ได้วาวมากนะ แต่ให้ความรู้สึกว่าหน้าดูผิวดี ดูสว่างๆขึ้นแต่ไม่วอก หน้าเด้งขึ้นทันตาเห็นเลย แต่มีข้อเสียอยู่ตรงที่ว่านางไม่คุมมันเลย และไม่มีความติดทนใดๆทั้งนั้น ใช้ทีคือต้องเติมใหม่รัวๆเลย
[CR] รวมสารพัดแป้งฝุ่นสุดปังทุกประเภท! บอกเลยว่าพลาดไม่ได้นะจ๊ะ
สำหรับเราเอง เราเป็นคนผิวผสมที่ค่อนไปทางมัน นี่เลยติดใจกับการใช้แป้งฝุ่นมาตั้งแต่วัยรุ่นเพราะเชื่อมาตลอดว่าใช้แล้วหน้าเด้งและไม่มันด้วย แต่ก็ไม่เคยได้ทดลองจริงๆจังๆสักที วันนี้ได้ฤกษ์ว่างงานก็เลยจะค้นเอาแป้งฝุ่นที่มีมารีวิวซะหน่อย ซึ่งคัดมาแล้วแบ่งเป็นสามประเภทใหญ่ มีทั้งแบบกระป๋อง กระปุก และตลับคละกันไป ซึ่งเราเชื่อว่าคงยังไม่เคยมีใครรีวิวมาก่อนแน่ๆ 555 มาดูเลยดีกว่าว่าแต่ละตัวจะเป็นยังไงกันบ้าง
ประเภท : แป้งฝุ่นกระป๋อง
คำเคลม
→ ช่วยปกปิดรอยจากสิว ฝ้า และกระ บนใบหน้า ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
→ Double UV Protection ปกป้องผิวจากรังสี UVB และ UVB จากแสงแดด
แป้งขวัญใจตั้งแต่สมัยวัยสะรุ่นจนโตเป็นสาวก็ยังซื้อใช้อยู่ ตัวนี้เป็นแป้งฝุ่นBBที่บางเบากว่าแป้งผสมรองพื้น ฉะนั้นจะสามารถให้ความปกปิดผิวได้บ้างนิดหน่อย(ก็ตามธรรมชาติของแป้งฝุ่นนะ) มีสารกันแดดด้วยแต่ไม่รู้ว่ากันได้เท่าไร เนื้อสัมผัสค่อนข้างละเอียดและหนา หนักๆผิวนิดหนึ่ง สีของแป้งก็เป็นสีเนื้อมาเลย มีกลิตเตอร์ผสมอยู่จางๆ เป็นแป้งฝุ่นที่ใช้แล้วให้ลุคหน้าผ่องเนียนนวลมากกก เนียนแบบไม่ดูโป๊ะว่าทาแป้งมา และยิ่งใช้รองพื้นคือยิ่งเนียนคูณสิบ แต่แป้งไม่ค่อยติดทนเกาะหน้าเท่าไร หลุดง่าย ต้องพกกระป๋องไปเติมหน้าบ่อยๆ แต่ผ่องจริงไรจริง ใครชอบผ่องๆได้ใช้แล้วประทับใจแน่นอน
Bio Naturel Extra Oil Absorbing Translucent Powder (45 บาท)
คำเคลม
→ เนื้อสีพีชเข้าได้ดีกับทุกสีผิว
→ ควบคุมความมันได้ยาวนานขึ้นพิเศษ
→ เนื้อแป้งโปร่งแสงทาทับ make up ได้อย่างบางเบา
เป็นแป้งฝุ่นที่ฮอตฮิตมากช่วงหนึ่งสำหรับคนหน้าสิว เพราะแป้งตัวนี้เป็นแป้งสำหรับคนเป็นสิวผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ที่ใช้แล้วไม่อุดตันผิว คุมความมันดี แถมยังล้างออกง่ายไม่ต้องใช้คลีนเซอร์อีกด้วย ซึ่งจริงๆแป้งตัวนี้มีออกมาหลายรุ่น และรุ่นที่เราใช้เป็นรุ่นที่เน้นว่าคุมความมันได้ดีมากเป็นพิเศษ ซึ่งตัวนี้เป็นแป้งแบบโปร่งแสงค่ะ ไม่ได้ช่วยเรื่องปกปิดอะไรนะ เหมาะกับการเอามาเซ็ตเมคอัพนั่นแหละ เนื้อแป้งจะเป็นสีพีทหวานๆที่เข้ากับผิว ทาแล้วไม่ได้วอกเกินไป มันจะกลืนไปกับผิวเลย ตรงนี้เลยเป็นข้อเสียนิดหนึ่งสำหรับเราเพราะมันไม่ผ่องเลย เพราะนี่ชอบแป้งฝุ่นแบบผ่องๆอ่ะ
Revolution Loose Baking Powder-Translucent (550 บาท)
คำเคลม
→ ควบคุมความมันและยืดอายุการแต่งหน้าให้ติดทนทั้งวัน
→ ช่วยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์เรียบเนียนสวยเป็นธรรมชาติ
เป็นแป้งฝุ่นตัวดังในตปท.ที่ราคาก็ค่อนข้างจะแรงเหมือนกันสำหรับแป้งแบบกระปุก ตัวนี้มีหลายสีให้เลือกนะคะ แต่ที่เราใช้เป็น Translucent หรือแบบโปร่งแสงนั่นแหละ เนื้อแป้งเนียนละเอียดและค่อนข้างนุ่มกว่าแป้งกระปุกยี่ห้ออื่นที่เคยใช้นะ และเบามากใช้แล้วไม่หนักหน้าเลย รวมๆแล้วคือเนื้อแป้งดีเลยล่ะ ไม่ได้ปกปิดแต่ก็เน้นอำพรางผิวให้หน้าดูเรียบเนียนดี เซ็ตกับเมคอัพก็ให้ความเนียนแบบกรุบๆ แต่ไม่ผ่องเท่าไร ตัวนี้ชูมาแล้วมาช่วยคุมความมันและเซ็ตเมคอัพให้ติดทนยาวนาน ซึ่งก็ติดทนสมราคานะแต่ว่านานๆไปแป้งมันจะดรอปลงค่ะ ด้วยแป้งก็ไม่ได้ผ่องอยู่แล้วเลยมีฟีลหน้าหมองเบาๆ แต่ถ้าไม่ติดเรื้องนี้ก็ถือว่าเป็นแป้งใช้ดีเลยนะ
ใช้แป้งทั้งสามชนิดกับหน้าคนละสามชั่วโมง ก่อนจะใช้กระดาษซับมันเพื่อทดสอบการคุมมันของแป้ง
รองลงมาคือ Revolution Loose Baking Powder-Translucent มีมันบ้างนิดหน่อยไม่น่ากลัว
และท้ายสุดก็คือ Pond's Magic Powder BB ดูเหมือนจะไม่คุมมันเลย TT
ประเภท : แป้งฝุ่นกระปุก
คำเคลม
→ ปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยหลักการกระเจิงแสงของเพชร
→ เทคโนโลยีควบคุมความมันจากญี่ปุ่น (Jellification)ช่วยให้เนื้อแป้งติดผิวหน้าได้ดียิ่งขึ้น
→ มีสารบำรุง Squalane ให้ความชุ่มชื้นกับผิวหน้า พัฒนาและวิจัยโดยนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง
อินเลิฟกับแป้งของเจ้านางมากไม่ว่าจะเป็นแป้งพัฟหรือแป้งฝุ่นก็ตาม และยี่ห้อนี้ก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าคุมมันดีมากอะไรมาก ซึ่งที่เอามารีวิวก็คือแป้งฝุ่นแบบ Translucent หรือแป้งฝุ่นโปร่งแสงสำหรับเซ็ตเมคอัพ เนื้อแป้งเป็นสีเบจแบบอ่อนๆที่เนื้อละเอียดมาก ทั้งลื่นทั้งนิ่มทั้งเบา เป็นอีกตัวที่ใช้แล้วรู้สึกสบายหน้า และที่ชอบอีกอย่างคือเป็นแป้งคุมมันที่ไม่ได้แมตต์เกิน แบบที่ไม่ทำให้หน้าแห้งผากอะไรแบบนั้น แต่ผิวจะผ่องๆสวยๆดูเป็นธรรมชาติ เห็นว่ามีสารบำรุงให้ความชุ่มชื้นด้วยมันเลยไม่แห้งเหมือนแป้งคุมมันเจ้าอื่น แต่คุมมันดีมากนะ คุมมันได้แทบทั้งวันเลย อีกอย่างคือแป้งผ่องมาก มันไม่ได้วอกนะแต่ผ่องกำลังดี ปัดทีผ่องทั้งวัน ถูกใจคนชอบความผ่องอย่างเรา แป้งเนียนละเอียดกลืนเข้ากับสีผิวได้ดีมาก สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว ติดทนทานดีด้วย เซตรองพื้นแล้วไม่เป็นคราบ ปังจริง
De leaf Thanaka DUO x 2 Translucent Loose Powder (270 บาท)
คำเคลม
→ แป้งฝุ่นโปร่งแสง 2 เฉดสี สีเหลืองทานาคาควบคุมความมัน และสีชมพูให้ประกายอมชมพูเป็นธรรมชาติ
→ เหมาะกับทุกสภาพผิว ปราศจากน้ำหอม สารกันเสีย และพาราเบน
แป้งทานาคาก็มีแบบแป้งฝุ่นด้วยนะ แถมเป็นแป้งฝุ่นคุ้มค่าคุ้มราคามากเพราะมาถึงสองสีในหนึ่งเดียว สีหนึ่งเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นแป้งทานาคาแท้ๆที่ช่วยควบคุมความมันได้ กับอีกสีเป็นสีชมพูที่มีกลิตเตอร์ช่วยให้หน้าดูมีมิติอมชมพูขึ้น ซึ่งแป้งทั้งสองสีนี้เขาเคลมว่าเป็น Translucent ที่ไม่ทำให้สีรองพื้นเปลี่ยนทั้งคู่ แต่จากที่ใช้มานี่คิดว่ามันเปลี่ยนนะ เพราะว่าสีมันชัดเกินกว่าแป้งโปร่งแสงทั่วไป อย่างสีเหลืองนี่ไม่ค่อยเท่าไร แต่ชมพูนี่ชัดจริง เพราะฉะนั้นต้องระวังมือนิดหนึ่งเวลาใช้ เดี๋ยวจะวอกนะ แต่เราชอบนะ รู้สึกว่าเป็นแป้งที่มีลูกเล่นดีจากการทีมีแป้งสองสีสองแบบในกระปุกเดียว
Innisfree No Sebum Mineral Powder (270 บาท)
คำเคลม
→ ส่วนประกอบของแร่ธาตุธรรมชาติจากเชจูและมิ้นท์เพื่อผิวที่แข็งแรง
→ ควบคุมความมันบนใบหน้าในระหว่างวัน และไม่ทำให้เครื่องสำอางค์เป็นคราบ
แป้งคุมมันในตำนานเลยตัวนี้ ไม่เชิงว่าเป็นแป้งทาหน้าแต่เป็นแป้งสารพัดประโยชน์ที่ใช้ได้ ทาหน้า ทาตัว ทารักแร้ลดกลิ่น ทาเท้า ทาหัว เขาเคลมว่าใช้ได้หมดเลย เพราะคุมมันซับเหงื่อดีมากๆ แต่เราใช้แค่ทาหน้าเซ็ตเมคอัพอย่างเดียวเพราะตลับเล็ก ตัวนี้เป็นแป้งฝุ่นสีขาวเนื้อละเอียด แต่สัมผัสจะออกฝืดๆบอกไม่ถูก มันไม่นุ่มลื่นอ่ะว่าง่าย 555 ตัวนี้เขาบอกว่าผิวสีไหนก็ใช้ได้ ไม่เปลี่ยนสีรองพื้น แต่เราใช้แล้วรู้สึกว่ามันแอบวอกนิดหน่อย ไม่รู้เพราะเนื้อแป้งมันขาวมากๆด้วยหรือเปล่า แต่คุมมันได้อยู่นะ
ใช้แป้งทั้งสามชนิดกับหน้าคนละสามชั่วโมง ก่อนจะใช้กระดาษซับมันเพื่อทดสอบการคุมมันของแป้ง
รองลงมาคือ Innisfree No Sebum Mineral Powder ค่อนข้างจะคู่คี่มากับอันดับหนึ่งเลยเพราะคุมมันดีทั้งคู่
และท้ายสุดก็คือ De leaf Thanaka DUO x 2 Translucent Loose Powder ซึ่งก็ไม่แย่นะแค่น้อยกว่าสองตัวบน
ประเภท : แป้งฝุ่นอัดแข็ง
คำเคลม
→ เนื้อแป้ง Natural Minerals ควบคุมความมันเป็นพิเศษ
→ เนื้อบางเบา ไม่อุดตันรูขุมขน
เป็นแป้งที่ดังในตปท.มานานแล้วจนข้ามฝั่งมาไทยในที่สุดในฐานะแป้งอัดแข็งไม่ผสมรองพื้นที่คุมมันดีงามมาก ตัวเนื้อแป้งจะด้านๆและละเอียดบางเบาไม่ผสมกลิตเตอร์ ปัดแล้วให้ลุคที่แมตต์มากๆถูกใจความหน้ามันกันไป ซึ่งตัวนี้มีให้เลือกทั้งแบบแป้งมีสีและแป้งโปร่งแสง แต่ส่วนตัวว่าสีแป้งมันค่อนข้างวอกแม้ว่าจะใช้แบบโปร่งแสงก็ตาม ดูไม่ค่อยเหมาะกับผิวเราเท่าไร แต่ทาทิ้งไว้สักพักก็ดรอปลงนะ เนียนๆไปได้อยู่ แต่พรางรูขุมขนไม่ได้ ใครรูขุมขนใหญ่อาจจะเฟลนิดหน่อย ส่วนตัวว่าติดทนดีนะไม่รู้สึกเยิ้มเลย แต่แพคเกจคือกิ๊กก๊อกมากๆ เคยทำแตกไปแล้วอันหนึ่งจนมาซื้อใหม่เป็นอันนี้นี่แหละ
Physicians Formula Youthful Wear Boosting Powder (489 บาท)
คำเคลม
→ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
→ ปราศจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
→ ลงเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งหน้า ช่วยให้รองพื้นติดทนยิ่งขึ้น
ตัวนี้ดังมากในฐานะแป้งหน้าเด็กที่ปัดแล้วหน้าดูเด็กลงไปได้อย่างมหัศจรรย์(เบอร์นั้นเลย) นอกจากทำให้ผิวเนียนแบบเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยลดเลือนริ้วรอย และปกป้องผิวจากมลภาวะด้วย และตัวนี้ยังช่วยพรางริ้วรอยและรูขุมขนได้ดีอีกต่างหาก ซึ่งตัวที่เราใช้เป็น Translucent #7595 แป้งอัดแข็งที่มีซิมเมอร์ผสมอยู่ด้วย เวลาปัดแล้วมันไม่ได้วาวมากนะ แต่ให้ความรู้สึกว่าหน้าดูผิวดี ดูสว่างๆขึ้นแต่ไม่วอก หน้าเด้งขึ้นทันตาเห็นเลย แต่มีข้อเสียอยู่ตรงที่ว่านางไม่คุมมันเลย และไม่มีความติดทนใดๆทั้งนั้น ใช้ทีคือต้องเติมใหม่รัวๆเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้