สวัสดีค่ะ กระทู้แรกก็เล่าเรื่องความเจ็บป่วย
สภาพเดิมเราแข็งแรงมากค่ะ ออกกำลังกายประจำ กินข้าวตรงเวลา ไม่กินเผ็ด
ไม่กินน้ำอัดลม เหล้า และสูบบุหรี่ แต่ที่ดื่มประจำคือกาแฟสด วันละ 1-2 แก้ว ไม่เกินนี้ ლ(´ڡ`ლ)
1 สัปดาห์ที่แล้ว เรากินผัดกะเพราปลาหมึกเป็นมื้อเที่ยง แบบว่าปลาหมึกตัวเล็กๆ ไม่แน่ใจเรื่องกลิ่น
เพราะใบกะเพรากับพริกกลบกลิ่นปลาหมึกหมดเลย ไม่เผ็ดมาก ช่วงบ่ายก็ทำงาน ได้ปกติ จน 6 โมงเย็นเริ่มปวดท้องตรงลิ้นปี่ค่ะ
ปวดจุกแน่นตลอด ทรมานมากกก พะอืดพะอม แต่ก็ไม่อาเจียนนะคะ แล้วก็รู้สึกแน่นกลางหน้าอก
เหมือนมีอะไรติดอยู่ตรงกลางอก ประมาณนั้นเลย ลองกินยาลดกรดที่บ้านดูแล้วไม่ดีขึ้นเลย เลยไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน
ได้ฉีดยาลดกรดกับยาแก้ปวดท้อง ดีขึ้นค่ะ แน่นลดลงแต่ไม่ถึงกับหายขาด พอกลับมาบ้าน หลับไปได้แป๊บเดียว ตื่นมาเที่ยงคืนเพื่ออาเจียน -*-
วันต่อๆมา เราได้ยาลดกรดเป็นแคปซูลมากินก่อนอาหาร เช้า เย็น (ยาชื่อโดเสท) แล้วก็ยาแก้คลื่นไส้ กินก่อนอาหาร 3 เวลา
สุดท้ายก็ยาแกสโตรบิสมอล ไม่ดีขึ้นเลย แน่นเท่าๆเดิม ตอนแรกแน่นกลางอก วันต่อมาเริ่มจุกที่คอ เหมือนมีก้อนที่กลืนไม่ลงติดอยู่
แต่ที่แปลกคือตอนกลางวัน เราใช้ชีวิตทำงานได้ปกติ จะเริ่มมีอาการช่วงเย็นจนดึกๆค่ะ เรากินข้าวเย็นไม่เกิน 5 โมงเย็น นอนประมาณ 5 ทุ่ม
ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหา จนช่วงที่แน่นลิ้นปี่ เราหลับไปประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วจะสะดุ้งตื่นมาปวด เหงื่อแตกทั้งตัว
ต้องกินยาธาตุน้ำขาว (หมดไปหลายขวด) ถึงจะดีขึ้น นอนต่อได้
เรามาพบคุณหมอหลังกินยาครบ 1 สัปดาห์ แจ้งอาการว่าเราปวดมากตอนกลางคืนจนตื่น (-﹏-。)
น้ำหนักก็ลดไป 2 กิโล คุณหมอเลยนัดส่องกล้องดูกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นให้ค่ะ
ก่อนทำต้องงดน้ำงดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนนะคะ ซึ่งเรานอนโรงพยาบาล 1 คืนก่อนส่องกล้อง
ช่วงเช้าวันส่องกล้อง ก็ได้น้ำเกลือค่ะ เราลองอ่านประสบการณ์ของหลายท่านใน pantip ได้ข้อสรุปว่า จะเจ็บหรือไม่เจ็บ ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลล้วนๆเลย สำหรับเรา เราอยากส่องกล้องมาก 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาทรมานสำหรับเรามากกก เรากลายเป็นคนกลัวช่วงกลางคืน
เห็นพระอาทิตย์ตกแล้วใจแป้วค่ะ เข้านอนแบบไม่มีความสุข เพราะต้องตื่นมาปวดทุกคืน
ในใจไม่กลัวการส่องกล้องเลยค่ะ อยากรู้ว่าเป็นอะไร จะได้รักษาให้จบๆ โรคร้ายไม่ร้ายก็มาเลย
เราเลือกแบบพ่นยาชานะคะ ไม่อยากวางยาสลบ อยากกลับบ้านไวๆ 55+
นอกเรื่องนาน ขึ้นเขียงสักที ( ꒪Д꒪)ノ
ก่อนทำเราจะโดนพ่นยาชาในปากค่ะ ของเราโดนไป 3 ครั้ง พอเค้าพ่นเราก็ต้องกลั้นหายใจ สูดให้ยาเข้าลำคอ
ยาชาหวานๆขมๆ แสบจมูกนิดนึง แต่ทนได้ ไม่เกินนาทีนึง คอเราก็เริ่มชาค่ะ
เราจะรู้สึกว่า ‘คอหนา’ ขึ้น กลืนน้ำลายไม่ลง ชาแล้วก็นอนท่าที่จะโดนส่องเลยค่ะ ตะแคงซ้าย แล้วผู้ช่วยก็จะปิดตาเรา
เอาอุปกรณ์คล้ายๆฟันยางมาใส่ให้ แต่มีรูตรงกลาง ให้กล้องผ่านไปได้ จะบอกว่ารู้สึกเจ็บเฉพาะตอนกล้องกำลังจะผ่านจากคอลงไปค่ะ
ตรงนี้เราต้องช่วยคุณหมอ พยายามกลืนค่ะ อย่าขย้อนออกมา พอกล้องลงไปหลอดอาหารได้ก็ง่ายแล้วค่ะ
เราจะรู้สึกแน่นๆบางครั้ง เวลาคุณหมอเป่าลมขยายดูลำไส้หรือกะเพราะเราชัดๆ แต่ไม่เจ็บนะ
สุดท้ายคุณหมอตรวจหาเชื้อเอช ไพลอไร (H.pylori) และเอาชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาค่ะ
(เราสะดุ้งเวลาคุณหมอหนีบชิ้นเนื้อค่ะ 55 เหมือนโดนกระตุก)
ทั้งหมดของเราใช้เวลาประมาณ 10 นาที (เพราะเราร่วมมือดีและคุณหมอบอกว่ากระเพาะและลำไส้เราปกติดีมากๆ)
แผลก็ไม่มี ผลตรวจหาเชื้อเอช ไพลอไรก็ไม่เจอ แต่อาจจะเป็นเพราะกินยาแกสโตรบิสมอลก็ได้ เลยทำผลตรวจเป็นลบลวงได้
คุณหมอเลยจัดยาฆ่าเชื้อเป็นอะมอกซีกินคลาริโทรมัยซินมาให้กินค่ะ แต่คลาริโทรกินแล้วขมปากประมาณชั่วโมงนึง
ต้องกินให้ครบ 2 สัปดาห์ ไม่งั้นเชื้อจะดื้อยา ตอนนี้เรากินยาได้ 2 มื้อถ้วน อาการจุกดีขึ้นเยอะเลยค่ะ แต่ยังขมปาก
กำลังลุ้นว่ามันจะหายไปหรือเราต้องขมแบบนี้ไปอีก 2 สัปดาห์ ไม่เป็นไร เราอยากหายมากค่ะ ต้องอดทน
อยากฝากถึงทุกท่านที่มีอาการแบบเดียวกันถ้ากินยาเองแล้วไม่หาย
ควรไปตรวจหาเชื้อเอช ไพลอไรนะคะ บางครั้งเรามีเชื้อตัวนี้อยู่แบบไม่รู้ตัว ความอันตรายของมันคือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งค่ะ
เราคิดว่าสาเหตุที่เราได้เชื้อตัวนี้อาจมาจากกะเพราปลาหมึกค่ะ เชื้อตัวนี้ติดแบบ Fecal-oral หรือจากอุจจาระที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่
แค่คิดก็สยองแล้ว ต่อไปนี้ต้องระมัดระวังอาหารนอกบ้านสุดๆ
สุดท้ายเราปรึกษากับคุณหมอว่าเราต้องเลิกกาแฟไหม คุณหมอแนะนำว่ากาแฟแค่เพิ่มกรดในกระเพาะเล็กน้อย
แทบไม่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง เพราะฉะนั้นดื่มต่อได้ แต่ต้องระวังเรื่องแคลเซียมในกระดูกค่ะ สบายใจละ
ท่านใดมีประสบการณ์คล้ายๆกัน แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ขอให้ทุกคนแข็งแรงค่ะ (´∀`)♡
เล่าประสบการณ์กล้องกระเพาะอาหาร เสร็จภายใน 10 นาที
สภาพเดิมเราแข็งแรงมากค่ะ ออกกำลังกายประจำ กินข้าวตรงเวลา ไม่กินเผ็ด
ไม่กินน้ำอัดลม เหล้า และสูบบุหรี่ แต่ที่ดื่มประจำคือกาแฟสด วันละ 1-2 แก้ว ไม่เกินนี้ ლ(´ڡ`ლ)
1 สัปดาห์ที่แล้ว เรากินผัดกะเพราปลาหมึกเป็นมื้อเที่ยง แบบว่าปลาหมึกตัวเล็กๆ ไม่แน่ใจเรื่องกลิ่น
เพราะใบกะเพรากับพริกกลบกลิ่นปลาหมึกหมดเลย ไม่เผ็ดมาก ช่วงบ่ายก็ทำงาน ได้ปกติ จน 6 โมงเย็นเริ่มปวดท้องตรงลิ้นปี่ค่ะ
ปวดจุกแน่นตลอด ทรมานมากกก พะอืดพะอม แต่ก็ไม่อาเจียนนะคะ แล้วก็รู้สึกแน่นกลางหน้าอก
เหมือนมีอะไรติดอยู่ตรงกลางอก ประมาณนั้นเลย ลองกินยาลดกรดที่บ้านดูแล้วไม่ดีขึ้นเลย เลยไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน
ได้ฉีดยาลดกรดกับยาแก้ปวดท้อง ดีขึ้นค่ะ แน่นลดลงแต่ไม่ถึงกับหายขาด พอกลับมาบ้าน หลับไปได้แป๊บเดียว ตื่นมาเที่ยงคืนเพื่ออาเจียน -*-
วันต่อๆมา เราได้ยาลดกรดเป็นแคปซูลมากินก่อนอาหาร เช้า เย็น (ยาชื่อโดเสท) แล้วก็ยาแก้คลื่นไส้ กินก่อนอาหาร 3 เวลา
สุดท้ายก็ยาแกสโตรบิสมอล ไม่ดีขึ้นเลย แน่นเท่าๆเดิม ตอนแรกแน่นกลางอก วันต่อมาเริ่มจุกที่คอ เหมือนมีก้อนที่กลืนไม่ลงติดอยู่
แต่ที่แปลกคือตอนกลางวัน เราใช้ชีวิตทำงานได้ปกติ จะเริ่มมีอาการช่วงเย็นจนดึกๆค่ะ เรากินข้าวเย็นไม่เกิน 5 โมงเย็น นอนประมาณ 5 ทุ่ม
ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหา จนช่วงที่แน่นลิ้นปี่ เราหลับไปประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วจะสะดุ้งตื่นมาปวด เหงื่อแตกทั้งตัว
ต้องกินยาธาตุน้ำขาว (หมดไปหลายขวด) ถึงจะดีขึ้น นอนต่อได้
เรามาพบคุณหมอหลังกินยาครบ 1 สัปดาห์ แจ้งอาการว่าเราปวดมากตอนกลางคืนจนตื่น (-﹏-。)
น้ำหนักก็ลดไป 2 กิโล คุณหมอเลยนัดส่องกล้องดูกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นให้ค่ะ
ก่อนทำต้องงดน้ำงดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนนะคะ ซึ่งเรานอนโรงพยาบาล 1 คืนก่อนส่องกล้อง
ช่วงเช้าวันส่องกล้อง ก็ได้น้ำเกลือค่ะ เราลองอ่านประสบการณ์ของหลายท่านใน pantip ได้ข้อสรุปว่า จะเจ็บหรือไม่เจ็บ ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลล้วนๆเลย สำหรับเรา เราอยากส่องกล้องมาก 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาทรมานสำหรับเรามากกก เรากลายเป็นคนกลัวช่วงกลางคืน
เห็นพระอาทิตย์ตกแล้วใจแป้วค่ะ เข้านอนแบบไม่มีความสุข เพราะต้องตื่นมาปวดทุกคืน
ในใจไม่กลัวการส่องกล้องเลยค่ะ อยากรู้ว่าเป็นอะไร จะได้รักษาให้จบๆ โรคร้ายไม่ร้ายก็มาเลย
เราเลือกแบบพ่นยาชานะคะ ไม่อยากวางยาสลบ อยากกลับบ้านไวๆ 55+
นอกเรื่องนาน ขึ้นเขียงสักที ( ꒪Д꒪)ノ
ก่อนทำเราจะโดนพ่นยาชาในปากค่ะ ของเราโดนไป 3 ครั้ง พอเค้าพ่นเราก็ต้องกลั้นหายใจ สูดให้ยาเข้าลำคอ
ยาชาหวานๆขมๆ แสบจมูกนิดนึง แต่ทนได้ ไม่เกินนาทีนึง คอเราก็เริ่มชาค่ะ
เราจะรู้สึกว่า ‘คอหนา’ ขึ้น กลืนน้ำลายไม่ลง ชาแล้วก็นอนท่าที่จะโดนส่องเลยค่ะ ตะแคงซ้าย แล้วผู้ช่วยก็จะปิดตาเรา
เอาอุปกรณ์คล้ายๆฟันยางมาใส่ให้ แต่มีรูตรงกลาง ให้กล้องผ่านไปได้ จะบอกว่ารู้สึกเจ็บเฉพาะตอนกล้องกำลังจะผ่านจากคอลงไปค่ะ
ตรงนี้เราต้องช่วยคุณหมอ พยายามกลืนค่ะ อย่าขย้อนออกมา พอกล้องลงไปหลอดอาหารได้ก็ง่ายแล้วค่ะ
เราจะรู้สึกแน่นๆบางครั้ง เวลาคุณหมอเป่าลมขยายดูลำไส้หรือกะเพราะเราชัดๆ แต่ไม่เจ็บนะ
สุดท้ายคุณหมอตรวจหาเชื้อเอช ไพลอไร (H.pylori) และเอาชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาค่ะ
(เราสะดุ้งเวลาคุณหมอหนีบชิ้นเนื้อค่ะ 55 เหมือนโดนกระตุก)
ทั้งหมดของเราใช้เวลาประมาณ 10 นาที (เพราะเราร่วมมือดีและคุณหมอบอกว่ากระเพาะและลำไส้เราปกติดีมากๆ)
แผลก็ไม่มี ผลตรวจหาเชื้อเอช ไพลอไรก็ไม่เจอ แต่อาจจะเป็นเพราะกินยาแกสโตรบิสมอลก็ได้ เลยทำผลตรวจเป็นลบลวงได้
คุณหมอเลยจัดยาฆ่าเชื้อเป็นอะมอกซีกินคลาริโทรมัยซินมาให้กินค่ะ แต่คลาริโทรกินแล้วขมปากประมาณชั่วโมงนึง
ต้องกินให้ครบ 2 สัปดาห์ ไม่งั้นเชื้อจะดื้อยา ตอนนี้เรากินยาได้ 2 มื้อถ้วน อาการจุกดีขึ้นเยอะเลยค่ะ แต่ยังขมปาก
กำลังลุ้นว่ามันจะหายไปหรือเราต้องขมแบบนี้ไปอีก 2 สัปดาห์ ไม่เป็นไร เราอยากหายมากค่ะ ต้องอดทน
อยากฝากถึงทุกท่านที่มีอาการแบบเดียวกันถ้ากินยาเองแล้วไม่หาย
ควรไปตรวจหาเชื้อเอช ไพลอไรนะคะ บางครั้งเรามีเชื้อตัวนี้อยู่แบบไม่รู้ตัว ความอันตรายของมันคือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งค่ะ
เราคิดว่าสาเหตุที่เราได้เชื้อตัวนี้อาจมาจากกะเพราปลาหมึกค่ะ เชื้อตัวนี้ติดแบบ Fecal-oral หรือจากอุจจาระที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่
แค่คิดก็สยองแล้ว ต่อไปนี้ต้องระมัดระวังอาหารนอกบ้านสุดๆ
สุดท้ายเราปรึกษากับคุณหมอว่าเราต้องเลิกกาแฟไหม คุณหมอแนะนำว่ากาแฟแค่เพิ่มกรดในกระเพาะเล็กน้อย
แทบไม่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง เพราะฉะนั้นดื่มต่อได้ แต่ต้องระวังเรื่องแคลเซียมในกระดูกค่ะ สบายใจละ
ท่านใดมีประสบการณ์คล้ายๆกัน แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ขอให้ทุกคนแข็งแรงค่ะ (´∀`)♡