สวัสดีชาวพันทิปทุกคนนะคะ ดังที่ดิฉันได้เคยเขียนกระทู้ไปแล้ว 1 กระทู้เกี่ยวกับประสบการณ์ฝึกงานสุดสยอง ที่สยองนี่ไม่ใช่ผีนะคะ แต่เป็นเพราะคนล้วนๆ ช่วงเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาเลยปีกว่าๆ แต่ก็ยากจะลืมเลือน ความเจ็บปวดครั้งนั้นยังคงตราตรึงใจ หลังจากผ่านการฝึกครั้งแรกที่สุดทรหดมาแล้ว ก็ถึงวันที่ฟ้าสว่างสดใสเสียที
การฝึกงานครั้งที่ 2
ดิฉันเลือกบริษัทที่ตั้งอยู่แถวใจกลางเมืองหลวง เป็นบริษัทที่เน้นเรื่องความสามารถเป็นอย่างยิ่ง ส่วนหนึ่งเพราะดิฉันเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคราที่แล้วนั้น ไม่ใช่เพราะดิฉันทำไม่เต็มที่แต่เป็นเพราะความซวยของดิฉันเอง ที่นี่นอกจากจะเน้นเรื่องความสามารถแล้ว ยังมุ่งเน้นเรื่องการมีทัศนะคติที่ดีอีกด้วย และมีค่าตอบแทน ตลอดช่วงระยะเวลา 4 เดือนที่อยู่ที่ มีงานที่ท้าทายความสามารถมากมาย แต่ดิฉันกลับรู้สึกสนุกไปกับงาน ผู้คนที่นี่เชื่อในตัวดิฉัน และมอบหมายให้ทำงานสำคัญหลายอย่าง ถึงแม้ว่างานจะหนักจนดิฉันต้องหอบงานกลับไปทำที่ห้องในบางครั้ง ดิฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายที่ได้ทำงานเพื่อพวกเขา ในขณะที่ฉันทำงานหนักแล้ว พี่ๆเขาทำงานหนักกว่าเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักศึกษาฝึกงานอย่างดิฉันมาก รู้สึกโชคดีและมีความสุขมาก ได้รับการชื่นชมมากมาย ต้องขอขอบคุณมากๆที่ทำให้รู้สึกดีมากมายขนาดนี้ จนถึงตอนช่วงโควิดพี่ก็หยิบยื่นโอกาสและส่งงานมากให้ทำที่บ้าน ทำให้ทีรายได้เสริมตอนอยู่บ้าน พร้อมกับบอกว่า "คนเก่งๆอย่างน้อง พี่จะลืมได้ยังไง" คำนี้เป็นกำลังที่ดีมากๆ จนถึงทุกวันนี้ ขอบพระคุณจริงๆค่ะ
การฝึกงานครั้งที่ 3
การฝึกงานครั้งนี้ดิฉันเลือกฝึกกับบริษัทอันดับหนึ่งในด้าน... ของประเทศไทย บรรยากาศในการทำงานแตกต่างจากครั้งที่ 2 นิดหน่อย ค่อนข้างไปทางงานเอกสารซะส่วนมาก ในครั้งนี้ได้รับโอกาสที่ดีจากพี่ผู้จัดการ และพี่ๆในฝ่าย ถึงขนาดที่ว่า "ถ้าอยากทำงานที่นี่บอกพี่เลยนะ พี่ชอบคนขยันแบบน้อง" แต่น่าเสียดายที่ได้อยู่ที่นี่เพียง 1 เดือนครึ่ง เพราะช่วงนั้นก็ช่วงโควิดระบาด นักศึกษาฝึกงานเลยต้องกลับทั้งหมด ตอนนั้นคือร้องไห้หนักมากไม่อยากจากไปไหนเลย และก็ต้องขอบพระคุณที่นี่มากที่ทำให้ดิฉันรู้สึกอิ่มเอมไปทั้งกายและใจ
สรุปประสบการณ์ฝึกงานที่ 3 ครั้ง
จากประสบการณ์ฝึกงานทำให้ทราบว่าเราไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่แย่ วัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่สำคัญมาก บางที่อยู่แล้วพัฒนาขึ้นๆ แล้วทุกคนก็ยินดีและชอบที่เราเก่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกับบางสถานที่กลับอยู่แล้วหดหู่ใจ ท้อแท้และถดถอยหมดแรงทั้งกายและใจ คำถามคือเราจะทราบได้อย่างไรว่าสถานที่ไหนเป็นอย่างไร คำถามนี้ยากที่จะตอบเหลือเกิน
หลังจากเรียนจบ
ช่วงทุกท้ายของการเรียนโควิดได้พรากช่วงเวลา 2 เดือนกว่าที่เหลือในการฝึกงานครั้งที่ 3 ของดิฉันไป แต่ดิฉันก็ได้รับโอกาสจากบริษัทที่ดิฉันฝึกงานในครั้งที่ 2 ให้ได้มีงานทำพิเศษช่วงที่อยู่บ้าน ตอนนี้จบการศึกษาแล้วด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง ดิฉันพร่ำถามตัวเองว่าชีวิตหลังจากนี้ต่างหากที่เป็นของแท้ จะทำอย่างไรต่อไป แล้วก็ฉันก็คิดได้ว่าก็เตรียมความพร้อมสิ ให้พร้อมสำหรับทุกโอกาสที่กำลังจะเข้ามา ไม่ว่าอนาคตข้างหน้า วันนี้ หรือ พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น อาจต้องว่างงาน โควิดอาจไม่หายไปง่ายๆ แต่อย่างไรก็ตามฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ามันต้องมีวันที่เป็นของเรา
แชร์ประสบการ์ฝึกงานที่ดีจนต้องร้องว้าวว
การฝึกงานครั้งที่ 2
ดิฉันเลือกบริษัทที่ตั้งอยู่แถวใจกลางเมืองหลวง เป็นบริษัทที่เน้นเรื่องความสามารถเป็นอย่างยิ่ง ส่วนหนึ่งเพราะดิฉันเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคราที่แล้วนั้น ไม่ใช่เพราะดิฉันทำไม่เต็มที่แต่เป็นเพราะความซวยของดิฉันเอง ที่นี่นอกจากจะเน้นเรื่องความสามารถแล้ว ยังมุ่งเน้นเรื่องการมีทัศนะคติที่ดีอีกด้วย และมีค่าตอบแทน ตลอดช่วงระยะเวลา 4 เดือนที่อยู่ที่ มีงานที่ท้าทายความสามารถมากมาย แต่ดิฉันกลับรู้สึกสนุกไปกับงาน ผู้คนที่นี่เชื่อในตัวดิฉัน และมอบหมายให้ทำงานสำคัญหลายอย่าง ถึงแม้ว่างานจะหนักจนดิฉันต้องหอบงานกลับไปทำที่ห้องในบางครั้ง ดิฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายที่ได้ทำงานเพื่อพวกเขา ในขณะที่ฉันทำงานหนักแล้ว พี่ๆเขาทำงานหนักกว่าเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักศึกษาฝึกงานอย่างดิฉันมาก รู้สึกโชคดีและมีความสุขมาก ได้รับการชื่นชมมากมาย ต้องขอขอบคุณมากๆที่ทำให้รู้สึกดีมากมายขนาดนี้ จนถึงตอนช่วงโควิดพี่ก็หยิบยื่นโอกาสและส่งงานมากให้ทำที่บ้าน ทำให้ทีรายได้เสริมตอนอยู่บ้าน พร้อมกับบอกว่า "คนเก่งๆอย่างน้อง พี่จะลืมได้ยังไง" คำนี้เป็นกำลังที่ดีมากๆ จนถึงทุกวันนี้ ขอบพระคุณจริงๆค่ะ
การฝึกงานครั้งที่ 3
การฝึกงานครั้งนี้ดิฉันเลือกฝึกกับบริษัทอันดับหนึ่งในด้าน... ของประเทศไทย บรรยากาศในการทำงานแตกต่างจากครั้งที่ 2 นิดหน่อย ค่อนข้างไปทางงานเอกสารซะส่วนมาก ในครั้งนี้ได้รับโอกาสที่ดีจากพี่ผู้จัดการ และพี่ๆในฝ่าย ถึงขนาดที่ว่า "ถ้าอยากทำงานที่นี่บอกพี่เลยนะ พี่ชอบคนขยันแบบน้อง" แต่น่าเสียดายที่ได้อยู่ที่นี่เพียง 1 เดือนครึ่ง เพราะช่วงนั้นก็ช่วงโควิดระบาด นักศึกษาฝึกงานเลยต้องกลับทั้งหมด ตอนนั้นคือร้องไห้หนักมากไม่อยากจากไปไหนเลย และก็ต้องขอบพระคุณที่นี่มากที่ทำให้ดิฉันรู้สึกอิ่มเอมไปทั้งกายและใจ
สรุปประสบการณ์ฝึกงานที่ 3 ครั้ง
จากประสบการณ์ฝึกงานทำให้ทราบว่าเราไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่แย่ วัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่สำคัญมาก บางที่อยู่แล้วพัฒนาขึ้นๆ แล้วทุกคนก็ยินดีและชอบที่เราเก่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกับบางสถานที่กลับอยู่แล้วหดหู่ใจ ท้อแท้และถดถอยหมดแรงทั้งกายและใจ คำถามคือเราจะทราบได้อย่างไรว่าสถานที่ไหนเป็นอย่างไร คำถามนี้ยากที่จะตอบเหลือเกิน
หลังจากเรียนจบ
ช่วงทุกท้ายของการเรียนโควิดได้พรากช่วงเวลา 2 เดือนกว่าที่เหลือในการฝึกงานครั้งที่ 3 ของดิฉันไป แต่ดิฉันก็ได้รับโอกาสจากบริษัทที่ดิฉันฝึกงานในครั้งที่ 2 ให้ได้มีงานทำพิเศษช่วงที่อยู่บ้าน ตอนนี้จบการศึกษาแล้วด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง ดิฉันพร่ำถามตัวเองว่าชีวิตหลังจากนี้ต่างหากที่เป็นของแท้ จะทำอย่างไรต่อไป แล้วก็ฉันก็คิดได้ว่าก็เตรียมความพร้อมสิ ให้พร้อมสำหรับทุกโอกาสที่กำลังจะเข้ามา ไม่ว่าอนาคตข้างหน้า วันนี้ หรือ พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น อาจต้องว่างงาน โควิดอาจไม่หายไปง่ายๆ แต่อย่างไรก็ตามฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ามันต้องมีวันที่เป็นของเรา