สวัสดีค่ะทุกคน ขอเเนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อ แป้ง กำลังศึกษาอยู่คณะสัตวแพทย์ มหิดลค่ะ วันนี้เราจะมาพูดถึงการเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ยังไงให้ปัง!!
ใช่ว่าเราสอบข้อเขียนผ่านเเล้ว จะไม่ตกสัมภาษณ์นะคะ เราเป็นคนนึงที่สอบตกสัมภาษมาครั้งนึงเเล้วค่ะ😂 อาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้เตรียมตัวมาก เราตื่นเต้นจนพูดวนไปมา เเล้วการเเข่งขันในสนามนั้นก็สูงด้วย ดังนั้นวันนี้เรามาเรียนรู้วิธีการเตรียมตัวสอบสัมภาษยังไงให้ปัง กันดีกว่าค่ะ ไปดูกันเลยยย
ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าการเตรียมตัวสอบสัมภาษเนี่ยก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เข้าทำงาน การขอทุน หรือสอบเข้ามหาลัยต่างๆ ยิ่งถ้าน้องๆคนไหนที่กำลังสอบเข้ามหาลัยเเล้วตั้งใจจะเข้ารอบเเรก คือรอบพอร์ท การสอบสัมภาษณ์ถือว่าสำคัญมาก กรรมการคนตัดสินจะรู้จักเรามากที่สุดได้จากการสัมภาษณ์นี่เเหละค่ะ ซึ่งการเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ที่เราไดไปศึกษามา เเละจากรปะสบการณ์ของเราเอง มีดังนี้
1. เตรียม portfolio ให้พร้อม: การเตรียม portfolio ก็สำคัญน้า เพราะเวลาเราไปสัมภาษณ์ กรรมการก็จะดู portfolio ของเราด้วย ซึ่ง portfolio ก็ควรจะประกอบไปด้วยเนื้อหาหรือรูปภาพที่เเสดงความเป็นตัวเรา ไปดูตัวอย่าง portfolio กันเลยค่ะ
Portfolio อันนี้เราทำตอนม.6 เพื่อจะยื่นเข้ามหาวิทยาลัย
เราจะพยายามทำหน้าปกให้ดูโดดเด่น สะดุดตา กรรมการจะได้อยากเปิดดู🤣
เปิดมาหน้าเเรกเจอคำนำเลย (ลืมใส่สารบัญ)
อันนี้ใส่ประวัติส่วนตัวของเราเอง ใส่พวกชื่อ อายุ งานอดิเรก คติประจำใจ (ควรใส่ เพราะกรรมการอ่านเเล้วจะได้รู้สึกแบบ ว้าววว 🤣) ใส่ช่องทางการติดต่อด้วย
ประวัติการศึกษาก็จะบอกว่าปีไหน เรียนที่ไหน เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่
การเข้าร่วมกิจกรรม หรือ ค่ายต่างๆ ก็ใส่มาให้หมดเลย
สุดท้ายภาคผนวกก็ใส่เกียรติบัตร ผลงานต่างๆ (มีอะไรใส่ให้หมด!!😂)
ส่วนอันนี้เป็น portfolio ที่เราได้ทำขึ้นเพื่อยื่นขอทุนในการไปฝึกงานที่ต่างประเทศค่ะ ภายใน portfolio จะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
ในส่วนของหน้าปก ควรทำให้หน้าสนใจนะคะ กรรมการจะได้อยากเปิดอ่านดู เเนะนำว่าให้เป็นรูปเรา เพราะมันเเสดงถึงว่า portfolio นี้จะพูดถึงเกี่ยวกับข้อมูลเรานะ
ต่อมาจะเป็นคำนำ จะพูดถึงว่าภายใน portfolio นี้ประกอบด้วยเนื้อหาอะไรบ้าง เเละขอบคุณผู้ที่คอยสนับสนุนเรา
อันนี้เป็นสารบัญค่ะ
ข้อมูลส่วนตัวของเรา
ประวัติการศึกษา
อันนี้เป็นประสบการณ์การทำงานที่มหาวิทยาลัย
ประสบการณ์การฝึกงาน
กิจกรรมต่างๆที่ทำก็จะใส่มาให้หมดเลยค่ะ
*การทำ portfolio เราสามารถใช้แอพ photoshop ในการทำ หรือใช้แอพ i bispaint x ในการวาดรูป ตกเเต่ง ใส่ข้อความต่างๆ หรือถ้าจะทำอย่างง่ายๆ อาจจะใช้ powerpoint ในการทำก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับความถนัดเลย ทำให้มันดูโดดเด่นเเละอ่านง่าย
2. ลิสต์คำถามที่กรรมการจะถาม จากนั้นเขียนสคริป คำตอบที่เราจะตอบ เเล้วลองฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจก: จินตนาการว่ากำลังตอบคำถามกรรมการอยู่ หรือจะซ้อมพูดถาม-ตอบกับเพื่อนก็ได้ วิธีนี้จะทำให้เราพูดได้คล่องขึ้น เมื่อเจอคำถามในห้องสัมภาษจริงๆเราจะไม่ตื่นเต้น ยิ่งเราเตรียมตัวมาก ความตื่นเต้นจะน้อยลง!! เพราะเรารู้ว่าถึงเเม้เราจะพลาด เเต่เราเตรียมตัวมาดี ทำให้เรามีภาพในหัวคร่าวๆเเล้วว่าเราอยากจะตอบอะไรกับกรรมการบ้าง ซึ่งตัวอย่างคำถามที่กรรมการมักจะถามบ่อยๆ เช่น
- ทำไมถึงอยากเข้าคณะนี้ หรือทำไมเลือกทำงานที่นี่
- คณะนี้เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง
- รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่บ้าง หรืองานนี้ทำเกี่ยวกับอะไร
- คณะนี้เรียนหนักนะจะไหวหรอ
- ที่นี่ต่างจากที่อื่นยังไง จุดเด่นคืออะไร
หรืออย่างการสอบเข้าสัตวแพทย์กรรมการส่วนใหญ่จะถามถึงความคิดเห็นของเราในการทำการุณยฆาต หรือการทำให้สัตว์จากไปอย่างสงบ อาจจะให้สถานการณ์มาเเล้วถามวว่าเราจะเเก้ไขมันยังไง ถือว่าคำถามส่วนใหญ่เป็นเชิงจิตวิทยาเลย เเต่บางที่ก็อาจจะถามข้อมูลทั่วไปของมหาลัยหรือองค์กรนั้นเยอะ อย่างเช่น สีประจำมหาวิทยาลัย ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย หลักสูตรการเรียยการสอนต่างๆ
3. เทคนิคการตอบคำถามจากกรรมการ: อันนี้ฟังมาจาก channel youtube “ขุนเขา มีคำตอบ”นะคะ ดีมากๆ เค้าบอกว่า คนส่วนใหญ่เมื่อกรรมการให้เเนะนำตัวว่าคุณมีดีอะไรบ้าง หรือทำไมถึงเลือกมาที่นี่คนส่วนใหญ่จะตอบว่า ผมเป็นคนทำงานหนัก ขยัน เเละมีความอดทน หรือ หนูตั้งใจเรียนหนังสือ หนูรักสัตว์ อยากรักษาสัตว์ เเละมีความสนใจในมหาวิทยาลัยนี้ มหาวิทยาลัยนี้อยู่ใกล้บ้าน จึงเลือกมาเรียนที่นี่ ซึ่งมันเป็นคำตอบที่ค่อนข้างจะทั่วไป คนส่วนใหญ่มักจะตอบกัน กรรมการก็จะไม่จดจำเรา สิ่งที่อยากจะเเนะนำเลยคือ เราควรศึกษาข้อมูลก่อนว่ามหาลัย บริษัท หรือองค์กรนั้นต้องการอะไร เเละเราจะให้อะไรกับทางมหาลัยนั้นได้บ้าง สิ่งที่เรามีหรือตัวตนที่เราเป็นเนี่ยจะทำให้ทางองค์กร บริษัท หรือมหาลัยนั้นดีขึ้นได้อย่างไร อย่างเช่น เราอยากสอบเข้าสัตวแพทย์มหิดล เเละเราก็ศึกษามาว่ามหาลัยนี้ เเตกต่างจากที่อื่นยังไง หลักสูตรเป็นยังไง เน้นเรียนอะไร ทางมหาลัยต้องการอะไร หรือมีเป้าหมายอะไร เเละเราจะเจิมเต็มส่วนนั้นได้ยังไงบ้าง อย่างเช่นกรรมการถามว่า ทำไมถึงเลือกมาเรียนที่นี่ เราก็ตอบว่า “หนูได้ศึกษามาว่า มีศูนย์สัตว์ทดลองที่ตั้งอยู่ใกล้คณะสัตวแพทย์ เเละคณะสัตวแพทย์ก็มีหลักสูตรเกี่ยวกับสัตว์ทดลอง เพื่อเป็นกำลังในการผลิตสัตวแพทย์เพื่อช่วย support การใช้สัตว์ในงานวิจัย ซึ่งหนูมีความสนใจในด้านงานวิจัยเเละด้านสัตว์ทดลอง หนูจึงเลือกมาสมัครที่นี่ เเละหลังจากที่เรียนจบหนูก็อยากมาทำงานด้านนี้เพื่อมาพัฒนาในตรงส่วนนี้ให้ดีขึ้น” อะไรประมาณนี้ เเละที่สำคัญเลย
ควรตอบตามความจริง เพื่อเเสดงถึงความเป็นตัวเรา ให้เค้าเห็นสิ่งที่ดีในตัวเรา เเละสิ่งนี้จะทำให้กรรมการประทับใจเราที่สุด นอกจากนี้การตอบกรรมการควรตอบแบบรูปธรรมคือ ตอบให้เห็นภาพ อย่างการยกตัวอย่าง หรือเล่าเรื่องราว จะทำให้กรรมการจดจำเราได้มากขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่มักจดจำจากเรื่องราวมากกว่าการจดจำเป็นคำๆ
4. ในวันสัมภาษณ์: ตั้งสติ ถ้าตื่นเต้นให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ จะช่วยให้เราหายตื่นเต้นได้เตรียมตัวให้พร้อม เอกสารต้องครบ เเต่งกายให้เหมาะสมเเละเรียบร้อย เพราะสิ่งที่กรรมการเห็นอย่างเเรกเลยคือการเเต่งกายของเรา เป็นความประทับใจเเรก ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ให้เคาะห้องก่อนเปิดประตู ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ขออนุญาตกรรมการก่อน เมื่อกรรมการเชิญนั่งให้กล่าวขอบคุณ ตอนเข้าไปในห้องอาจจะเจอกรรมการหลายคน ก็ไม่ต้องตกใจนะ55555 เราเจอมาเเล้ว กรรมการ 5 คน ตอนนั้นคือเซอไพรส์มาก 🤣 ส่วนใหญ่กรรมการมักจะให้เราเเนะนำตัวก่อน เราก็เเนะนำตัวเองให้เป็นตัวเราที่สุด พูดให้เป็นธรรมชาติ น้ำเสียงชัดเจน มีความมั่นใจในการตอบ พยายามอย่าเกร็ง ทำตัวสบายๆ ทำให้บรรยากาศภายในห้องมันดี เราต้องมีความมั่นใจในตัวเองเเต่ก็มีความนอบน้อมด้วย
5. อาจเจอคำถามที่ไม่คาดคิด: ในสนามสอบสัมภาษณ์นึงเราอาจเจอคำถามที่ไม่คิดว่ากรรมการจะถาม อย่างเช่น ของเรา กรรมการถามว่ามีอะไรผิดปกติในห้องนี้มั้ย เราก็ตอบเเบบมั่วๆไป เพราะเราหาความผิดปกติไม่เจอเลย เเล้วกรรมการก็เฉลยว่าหน้าโต๊ะกรรมการมีป้ายเขียนว่า “ประชาสัมพันธ์” ติดอยู่ เราเลยเเบบอ้อออ เพิ่งเห็น เราคิดว่าคำถามเเบบนี้เหมือนวัดว่าเราเป็นคนช่างสังเกตรึเปล่า เรามองเห็นความผิดพลาดมั้ย อะไรประมาณนี้ เราก็คือไม่ได้สังเกตอะไรเลยจ้า 55555 เราเลยคิดว่าทุกคนอาจจะได้เจอคำถามสัมภาษณ์ที่มันแปลก ที่เราไม่คาดคิด ดังนั้นเราก็ควรเตรียมตัวไปให้ดี เเละฝึกสติด้วย555
**สุดท้ายอยากจะบอกทุกคน ไม่ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนั้นๆเราจะตื่นเต้นเเค่ไหน สุดท้ายมันก็จบลง ความตื่นเต้นก็จะหายไป เเล้วมันก็ผ่านไป ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้เเล้ว ดังนั้น การเตรียวตัวให้พร้อมก่อนการสัมภาษณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดนะคะ โชคดีค่ะทุกคน😉
สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่คลิปวิดีโอนี้เลยน้า
ถ้าชอบอย่าลืมกด like กด share เเละกด subscribe เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า💕🙏🏻
How to...เตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ยังไงให้ปัง!! & ตัวอย่าง portfolio | vetstudygram
ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าการเตรียมตัวสอบสัมภาษเนี่ยก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เข้าทำงาน การขอทุน หรือสอบเข้ามหาลัยต่างๆ ยิ่งถ้าน้องๆคนไหนที่กำลังสอบเข้ามหาลัยเเล้วตั้งใจจะเข้ารอบเเรก คือรอบพอร์ท การสอบสัมภาษณ์ถือว่าสำคัญมาก กรรมการคนตัดสินจะรู้จักเรามากที่สุดได้จากการสัมภาษณ์นี่เเหละค่ะ ซึ่งการเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ที่เราไดไปศึกษามา เเละจากรปะสบการณ์ของเราเอง มีดังนี้
1. เตรียม portfolio ให้พร้อม: การเตรียม portfolio ก็สำคัญน้า เพราะเวลาเราไปสัมภาษณ์ กรรมการก็จะดู portfolio ของเราด้วย ซึ่ง portfolio ก็ควรจะประกอบไปด้วยเนื้อหาหรือรูปภาพที่เเสดงความเป็นตัวเรา ไปดูตัวอย่าง portfolio กันเลยค่ะ
Portfolio อันนี้เราทำตอนม.6 เพื่อจะยื่นเข้ามหาวิทยาลัย
เราจะพยายามทำหน้าปกให้ดูโดดเด่น สะดุดตา กรรมการจะได้อยากเปิดดู🤣
เปิดมาหน้าเเรกเจอคำนำเลย (ลืมใส่สารบัญ)
อันนี้ใส่ประวัติส่วนตัวของเราเอง ใส่พวกชื่อ อายุ งานอดิเรก คติประจำใจ (ควรใส่ เพราะกรรมการอ่านเเล้วจะได้รู้สึกแบบ ว้าววว 🤣) ใส่ช่องทางการติดต่อด้วย
ประวัติการศึกษาก็จะบอกว่าปีไหน เรียนที่ไหน เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่
การเข้าร่วมกิจกรรม หรือ ค่ายต่างๆ ก็ใส่มาให้หมดเลย
สุดท้ายภาคผนวกก็ใส่เกียรติบัตร ผลงานต่างๆ (มีอะไรใส่ให้หมด!!😂)
ส่วนอันนี้เป็น portfolio ที่เราได้ทำขึ้นเพื่อยื่นขอทุนในการไปฝึกงานที่ต่างประเทศค่ะ ภายใน portfolio จะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
ในส่วนของหน้าปก ควรทำให้หน้าสนใจนะคะ กรรมการจะได้อยากเปิดอ่านดู เเนะนำว่าให้เป็นรูปเรา เพราะมันเเสดงถึงว่า portfolio นี้จะพูดถึงเกี่ยวกับข้อมูลเรานะ
ต่อมาจะเป็นคำนำ จะพูดถึงว่าภายใน portfolio นี้ประกอบด้วยเนื้อหาอะไรบ้าง เเละขอบคุณผู้ที่คอยสนับสนุนเรา
อันนี้เป็นสารบัญค่ะ
ข้อมูลส่วนตัวของเรา
ประวัติการศึกษา
อันนี้เป็นประสบการณ์การทำงานที่มหาวิทยาลัย
ประสบการณ์การฝึกงาน
กิจกรรมต่างๆที่ทำก็จะใส่มาให้หมดเลยค่ะ
*การทำ portfolio เราสามารถใช้แอพ photoshop ในการทำ หรือใช้แอพ i bispaint x ในการวาดรูป ตกเเต่ง ใส่ข้อความต่างๆ หรือถ้าจะทำอย่างง่ายๆ อาจจะใช้ powerpoint ในการทำก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับความถนัดเลย ทำให้มันดูโดดเด่นเเละอ่านง่าย
2. ลิสต์คำถามที่กรรมการจะถาม จากนั้นเขียนสคริป คำตอบที่เราจะตอบ เเล้วลองฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจก: จินตนาการว่ากำลังตอบคำถามกรรมการอยู่ หรือจะซ้อมพูดถาม-ตอบกับเพื่อนก็ได้ วิธีนี้จะทำให้เราพูดได้คล่องขึ้น เมื่อเจอคำถามในห้องสัมภาษจริงๆเราจะไม่ตื่นเต้น ยิ่งเราเตรียมตัวมาก ความตื่นเต้นจะน้อยลง!! เพราะเรารู้ว่าถึงเเม้เราจะพลาด เเต่เราเตรียมตัวมาดี ทำให้เรามีภาพในหัวคร่าวๆเเล้วว่าเราอยากจะตอบอะไรกับกรรมการบ้าง ซึ่งตัวอย่างคำถามที่กรรมการมักจะถามบ่อยๆ เช่น
- ทำไมถึงอยากเข้าคณะนี้ หรือทำไมเลือกทำงานที่นี่
- คณะนี้เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง
- รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่บ้าง หรืองานนี้ทำเกี่ยวกับอะไร
- คณะนี้เรียนหนักนะจะไหวหรอ
- ที่นี่ต่างจากที่อื่นยังไง จุดเด่นคืออะไร
หรืออย่างการสอบเข้าสัตวแพทย์กรรมการส่วนใหญ่จะถามถึงความคิดเห็นของเราในการทำการุณยฆาต หรือการทำให้สัตว์จากไปอย่างสงบ อาจจะให้สถานการณ์มาเเล้วถามวว่าเราจะเเก้ไขมันยังไง ถือว่าคำถามส่วนใหญ่เป็นเชิงจิตวิทยาเลย เเต่บางที่ก็อาจจะถามข้อมูลทั่วไปของมหาลัยหรือองค์กรนั้นเยอะ อย่างเช่น สีประจำมหาวิทยาลัย ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย หลักสูตรการเรียยการสอนต่างๆ
3. เทคนิคการตอบคำถามจากกรรมการ: อันนี้ฟังมาจาก channel youtube “ขุนเขา มีคำตอบ”นะคะ ดีมากๆ เค้าบอกว่า คนส่วนใหญ่เมื่อกรรมการให้เเนะนำตัวว่าคุณมีดีอะไรบ้าง หรือทำไมถึงเลือกมาที่นี่คนส่วนใหญ่จะตอบว่า ผมเป็นคนทำงานหนัก ขยัน เเละมีความอดทน หรือ หนูตั้งใจเรียนหนังสือ หนูรักสัตว์ อยากรักษาสัตว์ เเละมีความสนใจในมหาวิทยาลัยนี้ มหาวิทยาลัยนี้อยู่ใกล้บ้าน จึงเลือกมาเรียนที่นี่ ซึ่งมันเป็นคำตอบที่ค่อนข้างจะทั่วไป คนส่วนใหญ่มักจะตอบกัน กรรมการก็จะไม่จดจำเรา สิ่งที่อยากจะเเนะนำเลยคือ เราควรศึกษาข้อมูลก่อนว่ามหาลัย บริษัท หรือองค์กรนั้นต้องการอะไร เเละเราจะให้อะไรกับทางมหาลัยนั้นได้บ้าง สิ่งที่เรามีหรือตัวตนที่เราเป็นเนี่ยจะทำให้ทางองค์กร บริษัท หรือมหาลัยนั้นดีขึ้นได้อย่างไร อย่างเช่น เราอยากสอบเข้าสัตวแพทย์มหิดล เเละเราก็ศึกษามาว่ามหาลัยนี้ เเตกต่างจากที่อื่นยังไง หลักสูตรเป็นยังไง เน้นเรียนอะไร ทางมหาลัยต้องการอะไร หรือมีเป้าหมายอะไร เเละเราจะเจิมเต็มส่วนนั้นได้ยังไงบ้าง อย่างเช่นกรรมการถามว่า ทำไมถึงเลือกมาเรียนที่นี่ เราก็ตอบว่า “หนูได้ศึกษามาว่า มีศูนย์สัตว์ทดลองที่ตั้งอยู่ใกล้คณะสัตวแพทย์ เเละคณะสัตวแพทย์ก็มีหลักสูตรเกี่ยวกับสัตว์ทดลอง เพื่อเป็นกำลังในการผลิตสัตวแพทย์เพื่อช่วย support การใช้สัตว์ในงานวิจัย ซึ่งหนูมีความสนใจในด้านงานวิจัยเเละด้านสัตว์ทดลอง หนูจึงเลือกมาสมัครที่นี่ เเละหลังจากที่เรียนจบหนูก็อยากมาทำงานด้านนี้เพื่อมาพัฒนาในตรงส่วนนี้ให้ดีขึ้น” อะไรประมาณนี้ เเละที่สำคัญเลย ควรตอบตามความจริง เพื่อเเสดงถึงความเป็นตัวเรา ให้เค้าเห็นสิ่งที่ดีในตัวเรา เเละสิ่งนี้จะทำให้กรรมการประทับใจเราที่สุด นอกจากนี้การตอบกรรมการควรตอบแบบรูปธรรมคือ ตอบให้เห็นภาพ อย่างการยกตัวอย่าง หรือเล่าเรื่องราว จะทำให้กรรมการจดจำเราได้มากขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่มักจดจำจากเรื่องราวมากกว่าการจดจำเป็นคำๆ
4. ในวันสัมภาษณ์: ตั้งสติ ถ้าตื่นเต้นให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ จะช่วยให้เราหายตื่นเต้นได้เตรียมตัวให้พร้อม เอกสารต้องครบ เเต่งกายให้เหมาะสมเเละเรียบร้อย เพราะสิ่งที่กรรมการเห็นอย่างเเรกเลยคือการเเต่งกายของเรา เป็นความประทับใจเเรก ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ให้เคาะห้องก่อนเปิดประตู ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ขออนุญาตกรรมการก่อน เมื่อกรรมการเชิญนั่งให้กล่าวขอบคุณ ตอนเข้าไปในห้องอาจจะเจอกรรมการหลายคน ก็ไม่ต้องตกใจนะ55555 เราเจอมาเเล้ว กรรมการ 5 คน ตอนนั้นคือเซอไพรส์มาก 🤣 ส่วนใหญ่กรรมการมักจะให้เราเเนะนำตัวก่อน เราก็เเนะนำตัวเองให้เป็นตัวเราที่สุด พูดให้เป็นธรรมชาติ น้ำเสียงชัดเจน มีความมั่นใจในการตอบ พยายามอย่าเกร็ง ทำตัวสบายๆ ทำให้บรรยากาศภายในห้องมันดี เราต้องมีความมั่นใจในตัวเองเเต่ก็มีความนอบน้อมด้วย
5. อาจเจอคำถามที่ไม่คาดคิด: ในสนามสอบสัมภาษณ์นึงเราอาจเจอคำถามที่ไม่คิดว่ากรรมการจะถาม อย่างเช่น ของเรา กรรมการถามว่ามีอะไรผิดปกติในห้องนี้มั้ย เราก็ตอบเเบบมั่วๆไป เพราะเราหาความผิดปกติไม่เจอเลย เเล้วกรรมการก็เฉลยว่าหน้าโต๊ะกรรมการมีป้ายเขียนว่า “ประชาสัมพันธ์” ติดอยู่ เราเลยเเบบอ้อออ เพิ่งเห็น เราคิดว่าคำถามเเบบนี้เหมือนวัดว่าเราเป็นคนช่างสังเกตรึเปล่า เรามองเห็นความผิดพลาดมั้ย อะไรประมาณนี้ เราก็คือไม่ได้สังเกตอะไรเลยจ้า 55555 เราเลยคิดว่าทุกคนอาจจะได้เจอคำถามสัมภาษณ์ที่มันแปลก ที่เราไม่คาดคิด ดังนั้นเราก็ควรเตรียมตัวไปให้ดี เเละฝึกสติด้วย555
**สุดท้ายอยากจะบอกทุกคน ไม่ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนั้นๆเราจะตื่นเต้นเเค่ไหน สุดท้ายมันก็จบลง ความตื่นเต้นก็จะหายไป เเล้วมันก็ผ่านไป ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้เเล้ว ดังนั้น การเตรียวตัวให้พร้อมก่อนการสัมภาษณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดนะคะ โชคดีค่ะทุกคน😉
สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่คลิปวิดีโอนี้เลยน้า ถ้าชอบอย่าลืมกด like กด share เเละกด subscribe เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า💕🙏🏻