ถ้าพูดถึงอำเภอเวียงแหง หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่ออำเภอนี้ด้วยซ้ำไป เนื่องจากเป็นอำเภอที่อยู่ห่างไกล
อยู่ติดกับชายแดนพม่า และไม่ได้เป็นทางแวะผ่านไปยังที่อื่นๆ จึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนที่นี่มากนัก
แต่ก็เป็นข้อดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบไม่วุ่นวายท่ามกลางธรรมชาติของเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขา
ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 150 กม. ใช้แส้นทางไปทางอำเภอเชียงดาว เลยจากแยกทางเข้าอำเภอเชียงดาวไปไม่กี่กิโล
ก็จะเจอทางแยกไปอำเภอเวียงแหงทางด้านซ้ายมือ จากแยกนั้นเดินทางต่อไปอีกประมาณ 66 กิโล ผ่านเส้นทางขุนเขาและป่าสน
เป็นทางลาดยางตลอด แต่ค่อนข้างจะคดเคี้ยวไปมาพอสมควร ถ้าเป็นสายชอบขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวล่ะก็ ที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเหยียบที่เวียงแหง แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาพักค้างคืนที่นี่
ดูรีวิวที่พักมาหลายๆที่ สรุปก็เลือกที่นี่ เพราะชอบในบรรยากาศของที่พัก "บ้านสวนสันติสุข"
และก็มีบ้านพัก(กระท่อม)เพียง3หลังเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
ราคาอาจปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล แต่ช่วงที่ผมไปคือหน้าฝน(11-12ก.ค.)ค่าที่พักอยู่ที่700บาท/ห้อง
(ไม่รวมค่าอาหารเช้าและเย็น)
บรรยากาศของที่พัก
ที่พักจะอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวได้แบบพาโนรามาเลย
เหมาะสำหรับมาพักผ่อน เติมไฟให้ชีวิต
ถ้าชอบนอนเต๊นท์ ก็มีเต๊นท์ให้นอนครับ บรรยากาศดีมากๆ
สถานท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเวียงแหงก็เช่น วัดวาอารามที่มีสถาปัตยกรรมแบบพม่า , น้ำตกแม่หาด ฯลฯ
และวัดฟ้าเวียงอินทร์ บ้านเปียงหลวงที่มีสถูปของพระนเรศวรอยู่ด้วย ซึ่งบ้านเปียงหลวงจะอยู่ติดชายแดนพม่า
โดยจะอยู่ห่างจากตัวอำเภอเวียงแหงไปอีกประมาณ14กม.
โดยรวมแล้วเวียงแหง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติในแบบที่ไม่พลุกพล่านวุ่นวาย และยังจะได้เห็น
วัฒนธรรมที่แตกต่าง เพราะสถาปัตยกรรมของทางเวียงแหง ค่อนข้างจะได้รับอิทธิพลมาจากทางพม่าพอสมควร
และสำหรับคนที่ชอบแนวแอดแวนเจอร์ แบบรถออฟโรด หรือรถมอเตอร์ไซค์วิบาก(เอ็นดูโร่)แล้วล่ะก็
ยังมีทางวิบากจากเวียงแหงเชื่อมต่อไปยังอ.ปาย แม่ฮ่องสอน หรือไปออกทางเมืองคอง เชียงดาวได้ด้วยอีกนะ
สำหรับคนที่กำลังหาที่ท่องเที่ยวในแบบเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามและไม่วุ่นวาย เวียงแหงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจครับ
- End -
เวียงแหง เมืองลับแลของเชียงใหม่ ที่พักราคาหลักร้อย แต่ความฟินหลักหมื่น
อยู่ติดกับชายแดนพม่า และไม่ได้เป็นทางแวะผ่านไปยังที่อื่นๆ จึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนที่นี่มากนัก
แต่ก็เป็นข้อดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบไม่วุ่นวายท่ามกลางธรรมชาติของเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขา
ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 150 กม. ใช้แส้นทางไปทางอำเภอเชียงดาว เลยจากแยกทางเข้าอำเภอเชียงดาวไปไม่กี่กิโล
ก็จะเจอทางแยกไปอำเภอเวียงแหงทางด้านซ้ายมือ จากแยกนั้นเดินทางต่อไปอีกประมาณ 66 กิโล ผ่านเส้นทางขุนเขาและป่าสน
เป็นทางลาดยางตลอด แต่ค่อนข้างจะคดเคี้ยวไปมาพอสมควร ถ้าเป็นสายชอบขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวล่ะก็ ที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเหยียบที่เวียงแหง แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาพักค้างคืนที่นี่
ดูรีวิวที่พักมาหลายๆที่ สรุปก็เลือกที่นี่ เพราะชอบในบรรยากาศของที่พัก "บ้านสวนสันติสุข"
และก็มีบ้านพัก(กระท่อม)เพียง3หลังเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
ราคาอาจปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล แต่ช่วงที่ผมไปคือหน้าฝน(11-12ก.ค.)ค่าที่พักอยู่ที่700บาท/ห้อง
(ไม่รวมค่าอาหารเช้าและเย็น)
บรรยากาศของที่พัก
ที่พักจะอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวได้แบบพาโนรามาเลย
เหมาะสำหรับมาพักผ่อน เติมไฟให้ชีวิต
ถ้าชอบนอนเต๊นท์ ก็มีเต๊นท์ให้นอนครับ บรรยากาศดีมากๆ
สถานท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเวียงแหงก็เช่น วัดวาอารามที่มีสถาปัตยกรรมแบบพม่า , น้ำตกแม่หาด ฯลฯ
และวัดฟ้าเวียงอินทร์ บ้านเปียงหลวงที่มีสถูปของพระนเรศวรอยู่ด้วย ซึ่งบ้านเปียงหลวงจะอยู่ติดชายแดนพม่า
โดยจะอยู่ห่างจากตัวอำเภอเวียงแหงไปอีกประมาณ14กม.
โดยรวมแล้วเวียงแหง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติในแบบที่ไม่พลุกพล่านวุ่นวาย และยังจะได้เห็น
วัฒนธรรมที่แตกต่าง เพราะสถาปัตยกรรมของทางเวียงแหง ค่อนข้างจะได้รับอิทธิพลมาจากทางพม่าพอสมควร
และสำหรับคนที่ชอบแนวแอดแวนเจอร์ แบบรถออฟโรด หรือรถมอเตอร์ไซค์วิบาก(เอ็นดูโร่)แล้วล่ะก็
ยังมีทางวิบากจากเวียงแหงเชื่อมต่อไปยังอ.ปาย แม่ฮ่องสอน หรือไปออกทางเมืองคอง เชียงดาวได้ด้วยอีกนะ
สำหรับคนที่กำลังหาที่ท่องเที่ยวในแบบเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามและไม่วุ่นวาย เวียงแหงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจครับ
- End -