Credit : 4K Wallpaper
แบตเตอรี่มือถือในปัจจุบันมีด้วยกันอยู่ 2 ประเภทคือ ลิเธียมไอออน และ ลิเธียมโพลิเมอร์ แล้วแต่ยี่ห้อไหนจะใช้ประเภทอะไร แต่หลักการทำงานของแบตเตอรี่ทั้ง 2 ประเภทนั้นเหมือนกันคือ ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วถึงชาร์จ สามารถชาร์จไฟได้ตลอด ยิ่งชาร์จบ่อยยิ่งดี เอาหละ เรามาดูวิธีถนอมแบตเตอรี่ให้อยู่กับเราไปนานๆกันดีกว่าครับ
1) ไม่ต้องรอให้แบตเตอรี่หมดแล้วถึงชาร์จ
เมื่อแบตเตอรี่เหลืออยู่ประมาณ 30% คุณก็สามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่หมดจนเครื่องดับ หรือลดเหลือ 60-70% ก็ชาร์จไฟได้เช่นกัน
2) อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงจนดับ
การที่คุณปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงอยู่บ่อยๆ มันยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไวมากขึ้น ทำให้แบตเตอรี่เก็บประจุไฟฟ้าได้น้อยลง
3) ยิ่งชาร์จบ่อยยิ่งดี
แบตเตอรี่ประเภทนี้ยิ่งชาร์จไฟบ่อยยิ่งดี แบตเตอรี่ลดเหลือ 60% แล้วก็ชาร์จเพิ่มมาซัก 20% แบบนี้ เป็นการช่วยกระตุ้นเซลล์แบตเตอรี่ให้ทำงานได้ดีขึ้น จะได้อยู่กับเราไปนานๆ
4) ไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟให้เต็ม 100% เสมอไป
แบตเตอรี่นั้นจะมีรอบการชาร์จจนกว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพไป อยู่ประมาณ 500 - 800 รอบ ขึ้นอยู่แต่ละยี่ห้อด้วย เมื่อครบจำนวนรอบการใช้งานมันก็จะเริ่มเสื่อม โดยรอบการชาร์จ (Cycle) จะคิดแบบนี้ >> 1 รอบการชาร์จคือ ชาร์จแบตเตอรี่ 0 - 100% = 1 รอบ หรือ ใช้งานไปเหลือ 50% แล้วชาร์จไฟกลับให้เต็ม 100% = 0.5 รอบนั่นเอง ดังนั้นหากเรานชไม่ทำให้เครื่องเต็ม 100% บ่อยๆ รอบการเต็มของการชาร์จก็จะครบช้าลง พอครบช้าลงก็ทำให้ระยะเวลาของการเสื่อมแบตเตอรี่ช้าไปด้วย ( เสื่อมช้า )
5) ใช้หัวชาร์จและสายของแท้หรือได้มาตรฐาน
การที่เราใช้หัวชาร์จและสายชาร์จของแท้จากศูนย์หรือสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน จะมีการปล่อยกระแสไฟฟ้า (ที่แปลงจากไฟบ้าน) ที่เสถียรเข้าสู่แบตเตอรี่ของเราได้ดี ไม่มีการกระชากไฟไปมา ทำให้แบตเตอรี่ของเราไม่เสื่อมได้ง่ายๆนั่นเอง หากใช้หัวชาร์จและสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้แบตเตอรี่ของเราเสื่อมไวเร็วขึ้นเนื่องจากไฟไม่เสถียรนั่นเอง และ อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้อีกด้วย
6) ควรชาร์จไฟจากไฟบ้าน
ไฟบ้านนั่นมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่สเถียรกว่าจากแหล่งไฟอื่น มีความสเถียรที่ดีและมากกว่าพวก ไฟจากคอมพิวเตอร์ PC หรือ Laptop , ไฟจาก Power Bank , ไฟจากรถยนต์ เป็นต้น การที่ไฟฟ้าวิ่งเข้าแบตเตอรี่ของเราอย่างเสถียร มันช่วยทำให้เซลล์พลังงานรับไฟได้ดีและเสื่อมช้าลงนั่นเอง
7) หลีกเลี่ยงการวางมือถือในที่ที่อากาศร้อน
แบตเตอรี่มือถือนั้นมีตัวร้ายฉกาจและมันแพ้เสมอ นั่นก็คือ ความร้อน ไม่ว่าจะวางมือถือไว้ในรถ หรือ บนโต๊ะที่แดดส่องถึงตลอดเวลา ดังนั้นหากไม่อยากให้แบตเตอรี่เสื่อมไว ควรวางไว้ในที่ที่ไม่ร้อน
8) ไม่ควรชาร์จไฟและเล่นไปด้วย
การชาร์จแบตเตอรี่จะเกิดความร้อนอยู่แล้วขณะชาร์จ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการทำปฏิกิริยาทางเคมีในแบตเตอรี่ แต่หากเราไปเล่นใช้งานด้วยขณะชาร์จ CPU มันยิ่งจะร้อนขึ้น (โดยเฉพาะการเล่นเกม ) แบตเตอรี่ก็จะยิ่งเสื่อมไวขึ้นเพราะความร้อนสะสมนั่นเอง
------------------------------------------
เป็นยังไงกันบ้างครับกับวิธีถนอมแบตเตอรี่มือถือของเราให้อยู่กับเราไปนานๆ บางท่านอาจทำอยู่แล้ว บางท่านอาจไม่ได้ทำบางวิธี ลองนำไปใช้ดูได้เลยเพื่อแบตเตอรี่ของเรา แต่หากใช้งานแบตเตอรี่มานานแล้วจริงๆ เกิน 2 ปีขึ้นไปหรือสังเกตได้ว่ามือถือของเรามันบวมๆ นูนๆ แบบนั้นก็ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้แล้วหละครับ
วิธีถนอมแบตเตอรี่มือถือฉบับปี 2020
แบตเตอรี่มือถือในปัจจุบันมีด้วยกันอยู่ 2 ประเภทคือ ลิเธียมไอออน และ ลิเธียมโพลิเมอร์ แล้วแต่ยี่ห้อไหนจะใช้ประเภทอะไร แต่หลักการทำงานของแบตเตอรี่ทั้ง 2 ประเภทนั้นเหมือนกันคือ ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วถึงชาร์จ สามารถชาร์จไฟได้ตลอด ยิ่งชาร์จบ่อยยิ่งดี เอาหละ เรามาดูวิธีถนอมแบตเตอรี่ให้อยู่กับเราไปนานๆกันดีกว่าครับ
1) ไม่ต้องรอให้แบตเตอรี่หมดแล้วถึงชาร์จ
เมื่อแบตเตอรี่เหลืออยู่ประมาณ 30% คุณก็สามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่หมดจนเครื่องดับ หรือลดเหลือ 60-70% ก็ชาร์จไฟได้เช่นกัน
2) อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงจนดับ
การที่คุณปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงอยู่บ่อยๆ มันยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไวมากขึ้น ทำให้แบตเตอรี่เก็บประจุไฟฟ้าได้น้อยลง
3) ยิ่งชาร์จบ่อยยิ่งดี
แบตเตอรี่ประเภทนี้ยิ่งชาร์จไฟบ่อยยิ่งดี แบตเตอรี่ลดเหลือ 60% แล้วก็ชาร์จเพิ่มมาซัก 20% แบบนี้ เป็นการช่วยกระตุ้นเซลล์แบตเตอรี่ให้ทำงานได้ดีขึ้น จะได้อยู่กับเราไปนานๆ
4) ไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟให้เต็ม 100% เสมอไป
แบตเตอรี่นั้นจะมีรอบการชาร์จจนกว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพไป อยู่ประมาณ 500 - 800 รอบ ขึ้นอยู่แต่ละยี่ห้อด้วย เมื่อครบจำนวนรอบการใช้งานมันก็จะเริ่มเสื่อม โดยรอบการชาร์จ (Cycle) จะคิดแบบนี้ >> 1 รอบการชาร์จคือ ชาร์จแบตเตอรี่ 0 - 100% = 1 รอบ หรือ ใช้งานไปเหลือ 50% แล้วชาร์จไฟกลับให้เต็ม 100% = 0.5 รอบนั่นเอง ดังนั้นหากเรานชไม่ทำให้เครื่องเต็ม 100% บ่อยๆ รอบการเต็มของการชาร์จก็จะครบช้าลง พอครบช้าลงก็ทำให้ระยะเวลาของการเสื่อมแบตเตอรี่ช้าไปด้วย ( เสื่อมช้า )
5) ใช้หัวชาร์จและสายของแท้หรือได้มาตรฐาน
การที่เราใช้หัวชาร์จและสายชาร์จของแท้จากศูนย์หรือสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน จะมีการปล่อยกระแสไฟฟ้า (ที่แปลงจากไฟบ้าน) ที่เสถียรเข้าสู่แบตเตอรี่ของเราได้ดี ไม่มีการกระชากไฟไปมา ทำให้แบตเตอรี่ของเราไม่เสื่อมได้ง่ายๆนั่นเอง หากใช้หัวชาร์จและสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้แบตเตอรี่ของเราเสื่อมไวเร็วขึ้นเนื่องจากไฟไม่เสถียรนั่นเอง และ อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้อีกด้วย
6) ควรชาร์จไฟจากไฟบ้าน
ไฟบ้านนั่นมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่สเถียรกว่าจากแหล่งไฟอื่น มีความสเถียรที่ดีและมากกว่าพวก ไฟจากคอมพิวเตอร์ PC หรือ Laptop , ไฟจาก Power Bank , ไฟจากรถยนต์ เป็นต้น การที่ไฟฟ้าวิ่งเข้าแบตเตอรี่ของเราอย่างเสถียร มันช่วยทำให้เซลล์พลังงานรับไฟได้ดีและเสื่อมช้าลงนั่นเอง
7) หลีกเลี่ยงการวางมือถือในที่ที่อากาศร้อน
แบตเตอรี่มือถือนั้นมีตัวร้ายฉกาจและมันแพ้เสมอ นั่นก็คือ ความร้อน ไม่ว่าจะวางมือถือไว้ในรถ หรือ บนโต๊ะที่แดดส่องถึงตลอดเวลา ดังนั้นหากไม่อยากให้แบตเตอรี่เสื่อมไว ควรวางไว้ในที่ที่ไม่ร้อน
8) ไม่ควรชาร์จไฟและเล่นไปด้วย
การชาร์จแบตเตอรี่จะเกิดความร้อนอยู่แล้วขณะชาร์จ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการทำปฏิกิริยาทางเคมีในแบตเตอรี่ แต่หากเราไปเล่นใช้งานด้วยขณะชาร์จ CPU มันยิ่งจะร้อนขึ้น (โดยเฉพาะการเล่นเกม ) แบตเตอรี่ก็จะยิ่งเสื่อมไวขึ้นเพราะความร้อนสะสมนั่นเอง