หลังจากที่ Suzuki ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นล่าสุด XL7 ไปเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านนี้ ทางทีม Pantip Garage เราก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบเป็นที่เรียบร้อย กับ Crossover + MPV บนเส้นทาง กทม.-เขาใหญ่ ระยะทางร่วมๆ 200 กม.
 

ก่อนอื่นเลย ทางเราได้มีโอกาสพูดคุยกับทาง คุณวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ซูซูกิ มอเตอร์ 
ซึ่งได้เปิดเผยกับเราว่า ในเวลา 5 วัน นับตั้งแต่ที่เปิดตัวจนถึงวันที่เราได้ทดสอบนั้น ขายได้แล้วถึง 430 คัน ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีกว่าที่คิดเอาไว้ 
ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่หลายค่ายยอดตกฮวบ  
Suzuki ขาย 11,089 คัน ได้ภายใน 6 เดือน ของปี  2020  ซึ่งเทียบกับปีก่อนขายไป 91.4%  ยอดตกแค่ 8% กว่า  เทียบกับตลาดรวมยอดตกไปถึง 30% กว่าเลยทีเดียว  
กุ
ญแจสำคัญที่ช่วย Suzuki เอาไว้ คือ Celerio เพราะเป็นรถ Eco Car ในราคาย่อมเยา จับต้องได้ง่าย  
ซึ่ง Celerio เราโตถึง 300%
 

และ ที่หลายคนถามว่าทำไมไม่มีรุ่นย่อย ให้เลือก ทางคุณวัลลภ ก็ชี้แจงได้เคลียร์ ว่า เราได้ทำ R&D และดูจากรุ่นที่ขายดีที่สุดเป็นหลัก และเลือกออปชั่นให้มันตอบโจทย์กับการใช้งานของคนไทยที่สุด และเน้นทำตลาดไปที่รุ่นเดียว เนื่องจากรุ่นนี้เป็นรุ่นที่นำเข้าจากอินโดนีเซีย มีจุดที่เราได้ปรับปรุงเพิ่มเอาใจคนไทยคือเรื่องของจอ 10.1” Multimedia
 
และนอกจากนี้ เรื่องฟังก์ชั่นอย่าง Cruise Control ที่ไม่ใส่เข้ามานั้น ก็เพราะว่า ต้องการทำราคาให้น่าสนใจ เช่นเดียวกับ 
เกียร์ 4AT ที่หลายคนชอบเทียบสมรรถนะ ว่าไม่ยก 5AT-6AT มาใส่เลย
 
แล้วเมื่อถามถึงว่า Ertiga กับ XL7 นี้ มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างไร ทางคุณวัลลภ ก็ได้ชี้แจงว่า 
Ertiga จะเป็นรถที่สำหรับเน้นสร้างครอบครัว แล้ว คือ เป็นรถคันที่สอง ต่อจากคนที่ซื้อรถ Eco Car เน้นนั่งสบายๆ 
ส่วนกลุ่มลูกค้า XL7 จะเป็นรถที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลุย มองหาความท้าทายใหม่ ตะลุยโลกกว้าง เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตทั่วไป จาก Eco Car ออกมา หรือไม่ว่าผู้ที่ทำเลบ้านนั้นน้ำท่วมบ่อย XL7 ก็ตอบโจทย์เช่นกัน
อย่างไรก็ดี อาจจะมีทับกันกับ Ertiga บ้าง แต่เชื่อว่ากลุ่มนี้จะทับกันไม่เยอะ