อุ้มได้ทดลองใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้นอัจฉริยะ Roborock S6 MaxV แล้วประทับใจในความฉลาดของมัน เพราะมีตาทิพย์ โดยคำว่า “Max” จากชื่อรุ่น S6 MaxV เป็นรุ่นท๊อป และคำว่า “V” ย่อมาจาก Vision หรือ การมองเห็น คือรุ่นนี้มีกล้องคู่ Dual Cameras และ AI ในการช่วยวิเคราะห์สิ่งกีดขวางต่างๆ จากที่ลองทดสอบใช้งานดู การตรวจจับแม่นยำมากๆ รู้ว่าเป็นรองเท้า รางปลั๊กไฟ เจอสิ่งของต่างๆ แล้ววิเคราะห์ได้ตรงเป๊ะ รวมถึงมูลของสัตว์เลี้ยง แล้วเมื่อหุ่นยนต์ ชนอะไรก็จะชนเบาๆ แล้วหลบให้ นี่คือความฉลาดของผู้ช่วยคนเก่งของอุ้ม
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้นอัจฉริยะ Roborock S6 MaxV ชื่อนี้เป็นรุ่น Global Version ใช้ในไทยได้ เป็นหุ่นยนต์แบบ 3 in 1 ชงสำเร็จในเครื่องเดียว สามารถกวาด ดูดฝุ่น และถูพื้น ไปพร้อมกัน มีกล่องเก็บน้ำและกล่องเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ โดยเป็นรุ่นใหม่สุด และท๊อปสุดของแบรนด์ Roborock แถมเพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ เลยด้วย
หลายๆ คนน่าจะได้ WFH กันต่อยาวๆ หรือไม่ก็สลับวันเข้าออฟฟิศ ทำให้ได้อยู่บ้านมากขึ้น ดังนั้นก็เลยมองหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้น ที่คุ้มค่า คุ้มราคา งบ 2 หมื่น Roborock S6 MaxV รวมเอาเทคโนโลยีทั้ง Gyroscope + LiDar + LDS+SLAM Navigation + Dual Camera + AI เพื่อทำให้
โรบอทมีความอัจฉริยะมากขึ้น และทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจากที่ได้ใช้งาน ลองเอารองเท้า ปลั๊กไฟวาง มันรู้ได้จริงๆ
โดยมี Water Tank กล่องเก็บน้ำขนาดใหญ่ 300 มิลลิลิตร สามารถถูพื้น โดยที่ยังมีน้ำเหลืออยู่ ได้ถึง 250 ตารางเมตร และ Dust Bin หรือกล่องเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ 460 มิลลิลิตร ใช้ได้ยาวๆ ไม่ต้องทิ้งฝุ่นบ่อยๆ
อุปกรณ์ในกล่อง
- โรบอท S6 MaxV x 1
- แท่นชาร์จ Dock Charging x 1
- สายไฟ Adapter x 1 (ปลั๊กใช้งานในไทยได้เลย)
- ฟิวเตอร์ HEPA Dust Filter x 1 (สามารถล้างน้ำได้ แต่ต้องรอให้แห้งสนิทจริงๆ หรือไม่มีความชื้นอยู่เลย ระยะเวลารอให้แห้ง ขึ้นอยู่กับการสะบัดน้ำด้วย)
- แผ่นรองพื้น Floor Pad x 1 (ไว้ใช้สำหรับการรองบนพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นทำลายพื้นเสียหายได้ เช่น พื้นไม้ พื้นลามิเนต)
- กล่องเก็บน้ำ Water Tank x 1
- แผ่นเพลทเพื่อใส่ผ้าถูไมโครไฟเบอร์ Mopping Plate x 1
- ผ้าถูไมโครไฟเบอร์ Mop Microfiber Cloth x 1
- คู่มือ Manual x 2 (คู่มือการใช้งาน และคู่มือการเชื่อมต่อแอพ)
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
"การดูด"
Roborock S6 MaxV มีแรงดูดสูงสุด Maximum Suction 2,500 Pa ด้วยเทคโนโลยี HyperForce Stormer ที่สามารถดูดฝุ่นบนพื้น หรือพื้นพรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Roborock มีการออกแบบแปรงปัดที่มีความเร็วรอบสูงมาก และแรงดูดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การดูดฝุ่นบนพื้นได้เป็นอย่างดี
โหมดการดูด Suction เลือกได้ 5 โหมด
1)
Gentle Mode โหมดนี้จะให้โรบอทเดินเพื่อถูพื้นอย่างเดียว ไม่เน้นการดูดฝุ่น
2)
Silent Mode โหมดนี้จะเป็นโหมดดูดฝุ่นที่เงียบสุด
3)
Balanced Mode โหมดนี้จะเป็นการดูดฝุ่นระดับปานกลาง
4)
Turbo Mode โหมดนี้จะเป็นการดูดฝุ่นระดับสูง
5)
Max Mode โหมดนี้จะเป็นการดูดฝุ่นระดับสูงสุด แบบแรงดูดเยอะสุด
ซึ่งอุ้มได้ทดลองใช้แบบ Balanced Mode หลังทำความสะอาด ลองเดินเหยียบพื้นก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง ว่าฝุ่นหายไปจริงๆ และได้ลองโหมด Turbo Mode จะมีเสียงดังขึ้นอีกหน่อย ดูดแรงขึ้น
นอกจากนี้ยังตั้งตารางเวลาการทำงานอัตโนมัติ หรือ Schedule Timer ได้ กำหนดละเอียดชนิดที่ว่า เลือกพื้นที่ที่ต้องการให้ทำความสะอาด, ระดับแรงดูดฝุ่น, ระดับการไหลหยดของน้ำ และเลือกวัน เวลาได้หลายๆ เวลาตามที่ต้องการได้ รวมไปถึง เลือกพื้นที่ห้อง หรือโซนให้ทำงานได้ และสามารถเลือกจำนวนรอบให้ทำงานได้ด้วย (ในแต่ละห้องหรือโซนจะได้สูงสุด 3 รอบ)
ถ้าบ้านใครมีพื้นที่ห้ามเข้า ฟังก์ชั่น No-go Zone ตั้งพื้นที่ห้ามเข้า เช่น ห้องน้ำ โซนพื้นที่ต่างๆ, Virtual Barrier Tape (Invisible Wall) หรือตั้งขีดเส้นห้ามเข้า, No-mop Zone หรือกำหนดพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้ถูได้
"การถู"
Roborock S6 MaxV ใช้ระบบมอเตอร์ปั๊มดันลมในการปล่อยน้ำไหลซึมไปที่ผ้า (ปั๊มน้ำไฟฟ้า) สามารถกำหนดการไหลหยดผ่านแอปได้ หรือกำหนดระดับการหยดของน้ำในพื้นที่แต่ละโซนหรือห้องได้ หรือกำหนดพื้นที่ที่ไม่ต้องการถูได้ (No-Mop Zones)
โดยการปรับระดับน้ำหยดไปที่ผ้าถู สามารถ
ปรับได้ 4 แบบ
1) แบบ
Off คือ ไม่ต้องการให้มีน้ำไหลหยดเลย
2) แบบ
Low คือ ต้องการให้มีน้ำไหลหยดน้อย
3) แบบ
Medium คือ ต้องการให้มีน้ำไหลหยดปานกลาง
4) แบบ
High คือ ต้องการให้มีน้ำไหลหยดเยอะ
นอกจากนี้ เรื่องแรงกด ได้มีการออกแบบให้มีแรงกดไปที่ผ้าถูด้านล่าง 300g ทำให้การถูพื้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีแรงกดน้ำหนักเหมือนเราใช้มือถูพื้นเอง
เก่งเรื่องหลบหลีกสิ่งกีดขวาง
Roborock S6 MaxV มี Dual Cameras (ReactiveAI Technology) เป็นเหมือนตา ผสมกับระบบ AI ทำให้สามารถเรียนรู้และรับรู้วัตถุได้เอง เช่น รองเท้า ลูกบอล ชิ้นของเล่น รางปลั๊กไฟ สายไฟ แต่ก็มีข้อจำกัด รับรู้ขนาดวัตถุ กว้างประมาณ 5 ซม สูงประมาณ 3 ซม. ขึ้นไปได้) และไม่ใช่แค่กล้อง เพราะรู้ตำแหน่งและลักษณะพื้นที่ได้ชัดเจนขึ้นด้วย LDS Laser Technology และ SLAM โดยใช้ Qualcomm APQ8053 Processor
(64 Bits Octa Core) ทำให้ทำงานแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอนชนมีกันชน หรือ Bumper ช่วยในการป้องกันความเสียหายของเฟอร์นิเจอร์ได้
ที่อุ้มบอกว่าหลบหลีกเก่งก็เพราะไม่ใช่แค่ด้านข้าง แต่มีเซนเซอร์ที่โดมข้างบนด้วย ทำให้หุ่นยนต์ไม่ดันทุรังชนเพื่อลอดเข้าไปใต้ตู้ เมื่อตัวหุ่นยนต์รอดผ่านได้ แต่โดมของหุ่นยนต์ไม่สามารถรอดผ่านได้ หุ่นยนต์จะรับรู้ได้เองว่ารอดได้หรือไม่ได้จริงๆ
ผู้ช่วยคนเก่งที่ฉลาด คิดแทน และทำแทนเราได้เลย
- เก่งเรื่องการทำความสะอาดเพราะมีแปรงปัดหลักที่มีความหนาแน่ของขนแปรงเพิ่มขึ้น 250% หมุนที่ความเร็ว 1,350 รอบต่อนาที สามารถเก็บฝุ่นได้เป็นอย่างดี
- เมนู Maintenance ในแอป สามารถบอกเปอร์เซนต์ % ของ ฟิวเตอร์กรองฝุ่น – Dust Filter, แปรงปัดหลัก – Main Brush, แปรงปัดข้าง – Side Brush, เซนเซอร์ต่างๆ – Sensors เพื่อเป็นการแจ้งเตือน หรือ Reminder ในการดูแลรักษา ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนได้
- ใช้มือถือเปิดฟังก์ชั่น Remote Control บนแอป เพื่อควบคุมโรบอทให้วิ่งไปตามตำแหน่งต่างๆ ในบ้านได้ (มือถือจะต้องเชื่อมสัญญาณ WiFi ชื่อเดียวกันกับโรบอทด้วย)
- ปกติภาษาพูดของโรบอทจะเป็นภาษาอังกฤษ และสามารถปรับระดับเสียงพูดได้ด้วย (เร็วๆ นี้ โรบอทจะพูดเสียงภาษาไทยได้)
- สามารถเปิด หรือปิดฟังก์ชั่น Indicator Light ได้ (จะใช้ไฟแสดงสถานะ หรือปิดไฟแสดงสถานะก็ได้) เช่น สถานะแบตเตอรี่
- ใครใช้กับพื้นพรม สามารถเปิดฟังก์ชั่น Carpet Mode โดยโรบอทจะเพิ่มแรงดูดอัตโนมัติ
- ตั้งเวลาโหมด Do Not Disturb Mode (DND Mode) อันนี้คล้ายมือถือ โหมดห้ามรบกวน โดยโรบอทจะไม่ส่งเสียงดัง ถ้าถึงเวลาจะรู้ว่าไม่ควรทำงานต่อในช่วงเวลา Do Not Disturb Mode
- ดูประวัติการทำงานของโรบอท หรือ Cleaning History ได้
- ถ้าหาไม่เจอ ฟังก์ชั่น Find My Robot จะส่งเสียงดังว่า “Hi, I’m already here!”
- สามารถปีนข้ามสิ่งกีดขวาง เช่น ธรณีประตู พื้นต่างระดับ พื้นพรม ได้ 2 เซนติเมตร
จากที่ลองใช้งานดู กับห้องที่มีสิ่งของวางเยอะ Roborock S6 MaxV เก่ง ฉลาด ด้วยเทคโนโลยี และ AI ที่มีอัลกอริทึม ในการคำนวณหาเส้นทางการทำงานที่ดีที่สุด แม้เราย้ายที่วางของ มันก็ไม่ได้เดินตาม Maps ที่วาดไว้ตลอดเวลา แต่จะคำนวณหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการทำความสะอาดใหม่ให้ด้วย และยิ่งได้ทำความสะอาดบ่อยครั้งขึ้นก็จะทำความสะอาดเก่งขึ้นด้วย และยังมี Multi-Level Mapping สามารถแยกแผนที่ชั้นได้ถึง 4 ชั้น
หรือ 4 แผนที่อีกด้วย
เสียงการทำงานเป็นยังไง?
จากการใช้งาน ขึ้นอยู่กับโหมดที่เราเลือก Roborock S6 MaxV มีเสียงทำงานที่เงียบ และนุ่มนวล แต่ถ้าใช้โหมด Turbo ก็จะมีเสียงดังขึ้นมาจากโหมดปกติ แต่ก็ไม่ได้เป็นเสียงที่รบกวนอะไรมากนัก
ตั้งค่าใช้งานครั้งแรก
เปิดฝาด้านบน มีสถานะ Wi-Fi วิธีใช้ก็ไม่ยาก แกะออกมาจากกล่อง วางหุ่นยนต์กับฐาน เสียบชาร์จไฟ เปิดฝาเครื่องด้านบน จะมีไฟแสดงสถานะ Wi-Fi ให้ดาวน์โหลดแอปบนมือถือ ชื่อ Roborock (หรือจะใช้แอป Mi Home ก็ได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) เพื่อเชื่อมต่อมือถือกับ Wi-Fi ของหุ่นยนต์ โดยจะต้องมี Wi-Fi ของบ้านด้วย เพื่อให้หุ่นยนต์ จับสัญญาณ Wi-Fi ของบ้าน (จะต้องเลือกเป็น Wi-Fi 2.4GHz เท่านั้น แนะนำให้เลือก Wi-Fi ชื่อ 2.4G)
เนื่องจากหากเลือก Wi-Fi 5GHz หุ่นยนต์จะเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ไม่ได้
วิธีเชื่อมต่อ ให้กดปุ่ม Home และปุ่ม Spot Cleaning พร้อมกัน จนกว่าเครื่องจะพูดว่า “Resetting WiFi” จากนั้นก็เชื่อมต่อ ใส่รหัส Wi-Fi บ้าน
(ชื่อ 2.4GHz) จากนั้นทำตามขั้นตอนในแอปได้เลย
หากใครเลี้ยงสัตว์ ในขั้นตอนแรกหลังเชื่อมต่อ Wi-Fi จะเป็นการเลือกตั้งค่า Pet
[l
[SR] รีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S6 MaxV กวาด-ดูดฝุ่น-ถูพื้น จบในเครื่องเดียว
โรบอทมีความอัจฉริยะมากขึ้น และทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจากที่ได้ใช้งาน ลองเอารองเท้า ปลั๊กไฟวาง มันรู้ได้จริงๆ
- สายไฟ Adapter x 1 (ปลั๊กใช้งานในไทยได้เลย)
- แผ่นรองพื้น Floor Pad x 1 (ไว้ใช้สำหรับการรองบนพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นทำลายพื้นเสียหายได้ เช่น พื้นไม้ พื้นลามิเนต)
- กล่องเก็บน้ำ Water Tank x 1
- คู่มือ Manual x 2 (คู่มือการใช้งาน และคู่มือการเชื่อมต่อแอพ)
1) Gentle Mode โหมดนี้จะให้โรบอทเดินเพื่อถูพื้นอย่างเดียว ไม่เน้นการดูดฝุ่น
2) Silent Mode โหมดนี้จะเป็นโหมดดูดฝุ่นที่เงียบสุด
3) Balanced Mode โหมดนี้จะเป็นการดูดฝุ่นระดับปานกลาง
4) Turbo Mode โหมดนี้จะเป็นการดูดฝุ่นระดับสูง
5) Max Mode โหมดนี้จะเป็นการดูดฝุ่นระดับสูงสุด แบบแรงดูดเยอะสุด
ถ้าบ้านใครมีพื้นที่ห้ามเข้า ฟังก์ชั่น No-go Zone ตั้งพื้นที่ห้ามเข้า เช่น ห้องน้ำ โซนพื้นที่ต่างๆ, Virtual Barrier Tape (Invisible Wall) หรือตั้งขีดเส้นห้ามเข้า, No-mop Zone หรือกำหนดพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้ถูได้
"การถู"
Roborock S6 MaxV ใช้ระบบมอเตอร์ปั๊มดันลมในการปล่อยน้ำไหลซึมไปที่ผ้า (ปั๊มน้ำไฟฟ้า) สามารถกำหนดการไหลหยดผ่านแอปได้ หรือกำหนดระดับการหยดของน้ำในพื้นที่แต่ละโซนหรือห้องได้ หรือกำหนดพื้นที่ที่ไม่ต้องการถูได้ (No-Mop Zones)
โดยการปรับระดับน้ำหยดไปที่ผ้าถู สามารถปรับได้ 4 แบบ
1) แบบ Off คือ ไม่ต้องการให้มีน้ำไหลหยดเลย
2) แบบ Low คือ ต้องการให้มีน้ำไหลหยดน้อย
3) แบบ Medium คือ ต้องการให้มีน้ำไหลหยดปานกลาง
4) แบบ High คือ ต้องการให้มีน้ำไหลหยดเยอะ
นอกจากนี้ เรื่องแรงกด ได้มีการออกแบบให้มีแรงกดไปที่ผ้าถูด้านล่าง 300g ทำให้การถูพื้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีแรงกดน้ำหนักเหมือนเราใช้มือถูพื้นเอง
เก่งเรื่องหลบหลีกสิ่งกีดขวาง
(64 Bits Octa Core) ทำให้ทำงานแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอนชนมีกันชน หรือ Bumper ช่วยในการป้องกันความเสียหายของเฟอร์นิเจอร์ได้
- เมนู Maintenance ในแอป สามารถบอกเปอร์เซนต์ % ของ ฟิวเตอร์กรองฝุ่น – Dust Filter, แปรงปัดหลัก – Main Brush, แปรงปัดข้าง – Side Brush, เซนเซอร์ต่างๆ – Sensors เพื่อเป็นการแจ้งเตือน หรือ Reminder ในการดูแลรักษา ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนได้
- ปกติภาษาพูดของโรบอทจะเป็นภาษาอังกฤษ และสามารถปรับระดับเสียงพูดได้ด้วย (เร็วๆ นี้ โรบอทจะพูดเสียงภาษาไทยได้)
- สามารถเปิด หรือปิดฟังก์ชั่น Indicator Light ได้ (จะใช้ไฟแสดงสถานะ หรือปิดไฟแสดงสถานะก็ได้) เช่น สถานะแบตเตอรี่
- ใครใช้กับพื้นพรม สามารถเปิดฟังก์ชั่น Carpet Mode โดยโรบอทจะเพิ่มแรงดูดอัตโนมัติ
- ตั้งเวลาโหมด Do Not Disturb Mode (DND Mode) อันนี้คล้ายมือถือ โหมดห้ามรบกวน โดยโรบอทจะไม่ส่งเสียงดัง ถ้าถึงเวลาจะรู้ว่าไม่ควรทำงานต่อในช่วงเวลา Do Not Disturb Mode
- ดูประวัติการทำงานของโรบอท หรือ Cleaning History ได้
- ถ้าหาไม่เจอ ฟังก์ชั่น Find My Robot จะส่งเสียงดังว่า “Hi, I’m already here!”
- สามารถปีนข้ามสิ่งกีดขวาง เช่น ธรณีประตู พื้นต่างระดับ พื้นพรม ได้ 2 เซนติเมตร
หรือ 4 แผนที่อีกด้วย
จากการใช้งาน ขึ้นอยู่กับโหมดที่เราเลือก Roborock S6 MaxV มีเสียงทำงานที่เงียบ และนุ่มนวล แต่ถ้าใช้โหมด Turbo ก็จะมีเสียงดังขึ้นมาจากโหมดปกติ แต่ก็ไม่ได้เป็นเสียงที่รบกวนอะไรมากนัก
ตั้งค่าใช้งานครั้งแรก
เปิดฝาด้านบน มีสถานะ Wi-Fi วิธีใช้ก็ไม่ยาก แกะออกมาจากกล่อง วางหุ่นยนต์กับฐาน เสียบชาร์จไฟ เปิดฝาเครื่องด้านบน จะมีไฟแสดงสถานะ Wi-Fi ให้ดาวน์โหลดแอปบนมือถือ ชื่อ Roborock (หรือจะใช้แอป Mi Home ก็ได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) เพื่อเชื่อมต่อมือถือกับ Wi-Fi ของหุ่นยนต์ โดยจะต้องมี Wi-Fi ของบ้านด้วย เพื่อให้หุ่นยนต์ จับสัญญาณ Wi-Fi ของบ้าน (จะต้องเลือกเป็น Wi-Fi 2.4GHz เท่านั้น แนะนำให้เลือก Wi-Fi ชื่อ 2.4G)
เนื่องจากหากเลือก Wi-Fi 5GHz หุ่นยนต์จะเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ไม่ได้
(ชื่อ 2.4GHz) จากนั้นทำตามขั้นตอนในแอปได้เลย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้