แคนนอน ยกทัพผลิตภัณฑ์ล่าสุดบุกตลาดกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม เปิดตัวกล้องใหม่พร้อมกันถึง 2 รุ่น คือ EOS R5 และ EOS R6 มาพร้อมฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงสุดถึง 8K ระบบออโต้โฟกัสที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบป้องกันภาพสั่นในตัวกล้อง ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 20 ภาพต่อวินาที พร้อมด้วยเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM เลนส์ไรม์ 3 รุ่น คือ RF85mm f/2 IS STM, RF600mm f/11 IS STM และ RF800mm f/11 IS STM รวมถึงอุปกรณ์ขยายระยะเลนส์ Extender RF 1.4x และ Extender RF 2x เจาะกลุ่มนักถ่ายภาพสมัครเล่นระดับจริงจังไปจนถึงระดับมืออาชีพ
กล้อง EOS R5 มาพร้อมเซ็นเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรม ความละเอียด 45 ล้านพิกเซล ใกล้เคียงกล้องมีเดียมฟอร์แมต ใช้ได้ทั้งการถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทิวทัศน์ ไปจนถึงภาพสัตว์ป่า ค่าความไวแสงมาตรฐานสูงสุดที่ ISO51200 ขยายได้ถึง ISO102400 ส่วนกล้อง EOS R6 ใช้เซ็นเซอร์ฟูลเฟรมความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ความไวแสงมาตรฐานสูงสุดที่ ISO10240 ขยายได้ถึง ISO204800 ทั้งสองรุ่นใช้ชิปประมวลผลภาพ DIGIC X ที่จัดการสัญญาณรบกวนภาพได้ดีมากขึ้น ถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สูงสุด 20 ภาพต่อวินาที และด้วยชัตเตอร์แมคคานิคสูงสุด12 ภาพต่อวินาที มีระบบออโต้โฟกัสใหม่ Dual Pixel CMOS AF II ที่ทำให้เซ็นเซอร์อ่านภาพได้เร็วขึ้น ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ DIGIC X เพิ่มประสิทธิภาพในระบบออโต้โฟกัส และเป็นครั้งแรกของกล้องตระกูล EOS ที่พื้นที่ออโต้โฟกัสสามารถครอบคลุมพื้นที่ 100% ของเซ็นเซอร์ภาพ ทั้งแนวตั้งและแนวนอน จึงสามารถโฟกัสได้ง่ายแม้ที่ขอบภาพ
กล้อง EOS R5 และ EOS R6 มีจุดโฟกัสอัตโนมัติ 1,053 จุด มากกว่า EOS R ถึง 7 เท่า ส่วนจุดโฟกัสแบบแมนนวลใน EOS R5 มี 5,940 จุด และ EOS R6 มี 6,072 จุด ประสิทธิภาพการออโต้โฟกัสจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งสองรุ่นมีโหมด AF Priority สำหรับการเลือกติดตามโฟกัสคนหรือสัตว์ สามารถติดตามได้ทั้งร่างกาย ศีรษะ และดวงตา สำหรับการถ่ายภาพในที่แสงจำกัด EOS R5 โฟกัสได้ในที่แสงน้อยถึง EV -6 ส่วน EOS R6 ทำได้ถึง EV -6.5 ซึ่งเป็นระดับที่มืดจนตาคนแทบจะมองไม่เห็น อีกทั้งมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกนในตัวกล้อง (In-Body IS) ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ RF ที่มีระบบกันสั่นไหวแบบออปติคอลหรือไม่มีก็ตาม จะช่วยความเบลอที่เกิดจากการสั่นของกล้องได้เท่ากับการลดความเร็วชัตเตอร์ถึง 8 สต็อป และช่วยลดการสั่นได้ทุกช่วงซูมตั้งแต่มุมกว้างไปจนถึงเทเลโฟโต้
ด้วยชิปประมวลผลภาพ DIGIC X และการ์ดหน่วยความจำ CFexpress ทำให้กล้อง EOS R5 สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 8K/30 fps จากการอ่านสัญญาณจากพื้นที่ทั้งหมดของเซ็นเซอร์ มีความคมชัดสูง สะดวกในการนำไปตัดต่อภายหลัง รวมถึงสามารถถ่ายวิดีโอ 8K RAW โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม นอกจากนี้ยังถ่ายวิดีโอสโลว์โมชัน 4K/120 fps ได้ บันทึกวิดีโอได้หลายฟอร์แมต เช่น RAW, H.265 HEVC, H.264 MP4 และบีบอัดเป็นฟอร์แมต ALL-I หรือ IPB ได้ด้วย ส่วน EOS R6 ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ถึง 60 เฟรมต่อวินาที และถ่ายสโลว์โมชัน Full HD/ 120 fps โดยไม่ต้องครอป เหมาะสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ทั้งสองรุ่นมีช่องต่อ HDMI ได้ถึง 4K/60 fps 10-bit 4:2:2 และมีฟีเจอร์ PQ และ Canon Log สำหรับการถ่ายภาพ HDR
สำหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย EOS R5 รองรับการเชื่อมต่อ wireless LAN 5GHz และ 2.4GHz โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม รวมถึงรองรับการถ่ายโอนข้อมูลแบบ FTP และ FTPS และสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ส่งข้อมูล WFT-R10 ส่วน EOS R6 รองรับ wireless LAN 2.4GHz และการถ่ายโอนข้อมูลแบบ FTP และ FTPS ทั้งสองรุ่นรองรับ Bluetooth Low Energy (BLE) และเป็นกล้องรุ่นแรกที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ด้วย Image.canon ผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อส่งไฟล์ภาพนิ่งและวิดีโอไปเก็บบนคลาวด์ได้ถึง 30 วันโดยไม่จำกัดขนาดไฟล์ หรือส่งไปเก็บบนแพลตฟอร์มคลาวด์อื่นๆ เช่น Google Photos, Google Drive และ Adobe Creative Cloud
กล้องทั้งสองรุ่นมีขนาดกะทัดรัด ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอยพร้อมซีลกันหยดน้ำและฝุ่น น้ำหนักเบา ด้านบนตัวกล้อง EOS R5 มีจอแอลซีดี ส่วน EOS R6 มีแป้นปรับโหมด และทั้งสองรุ่นมีแป้นปุ่ม Multi-Controller และ Quick Control เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเลือกจุดโฟกัสและปรับตั้งค่าต่างๆ มีจอแอลซีดีทัชสกรีนปรับหมุนได้ที่ใช้ในการเลือกจุดโฟกัสและเมนูการใช้งานต่างๆ
EOS R5 มีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) ขนาด 0.5 นิ้ว ความละเอียด 5.76 ล้านจุด ส่วน EOS R6 มีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ความละเอียด 3.69 จุด ความเร็ว 119.88/59.94 fps ชัตเตอร์ของ EOS R5 ใช้ได้ถึง 500,000 ครั้ง ส่วนชัตเตอร์ของ EOS R6 ใช้ได้ถึง 300,000 ครั้ง ทั้งสองรุ่นสามารถตั้งค่าให้ปิดม่านชัตเตอร์เมื่อปิดการทำงานของกล้อง ซึ่งจะช่วยป้องกันฝุ่นเข้าถึงเซ็นเซอร์ขณะเปลี่ยนเลนส์ ใช้ร่วมกับแบตเตอรี LP-E6NH ที่มีความจุมากขึ้นกว่า LP-E6N 15% หรือใช้กับแบตเตอรี LP-E6N และ LP-E6 ก็ได้
EOS R5 มีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ 2 ช่อง สำหรับการ์ด CFexpress และการ์ด SD การ์ด CFexpress รองรับการถ่ายโอนภาพและวิดีโอด้วยความเร็วสูง การถ่ายภาพต่อเนื่อง และการถ่ายวิดีโอ 8K RAW ส่วน EOS R6 มีช่องใส่การ์ด SD 2 ช่อง ทั้งสองรุ่นสามารถใช้ร่วมกับแบตเตอรีกริป BG-R10 (จำหน่ายแยก) ที่มี Multi-controller สำหรับการถ่ายภาพแนวตั้ง เพิ่มความสะดวกในการถ่ายภาพบุคคล พร้อมป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ สามารถใส่แบตเตอรีได้ 2 อัน (LP-E6NH, LP-E6N, หรือ LP-E6)
https://www.iphone-droid.net/canon-eos-r5-eos-r6/
[เลิกกั๊ก] Canon เปิดตัวเรือธงใหม่ สุดยอดกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม EOS R5 ถ่าย 8K/30 fps Raw, 4K/120 fps และ EOS R6
แคนนอน ยกทัพผลิตภัณฑ์ล่าสุดบุกตลาดกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม เปิดตัวกล้องใหม่พร้อมกันถึง 2 รุ่น คือ EOS R5 และ EOS R6 มาพร้อมฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงสุดถึง 8K ระบบออโต้โฟกัสที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบป้องกันภาพสั่นในตัวกล้อง ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 20 ภาพต่อวินาที พร้อมด้วยเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM เลนส์ไรม์ 3 รุ่น คือ RF85mm f/2 IS STM, RF600mm f/11 IS STM และ RF800mm f/11 IS STM รวมถึงอุปกรณ์ขยายระยะเลนส์ Extender RF 1.4x และ Extender RF 2x เจาะกลุ่มนักถ่ายภาพสมัครเล่นระดับจริงจังไปจนถึงระดับมืออาชีพ
กล้อง EOS R5 มาพร้อมเซ็นเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรม ความละเอียด 45 ล้านพิกเซล ใกล้เคียงกล้องมีเดียมฟอร์แมต ใช้ได้ทั้งการถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทิวทัศน์ ไปจนถึงภาพสัตว์ป่า ค่าความไวแสงมาตรฐานสูงสุดที่ ISO51200 ขยายได้ถึง ISO102400 ส่วนกล้อง EOS R6 ใช้เซ็นเซอร์ฟูลเฟรมความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ความไวแสงมาตรฐานสูงสุดที่ ISO10240 ขยายได้ถึง ISO204800 ทั้งสองรุ่นใช้ชิปประมวลผลภาพ DIGIC X ที่จัดการสัญญาณรบกวนภาพได้ดีมากขึ้น ถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สูงสุด 20 ภาพต่อวินาที และด้วยชัตเตอร์แมคคานิคสูงสุด12 ภาพต่อวินาที มีระบบออโต้โฟกัสใหม่ Dual Pixel CMOS AF II ที่ทำให้เซ็นเซอร์อ่านภาพได้เร็วขึ้น ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ DIGIC X เพิ่มประสิทธิภาพในระบบออโต้โฟกัส และเป็นครั้งแรกของกล้องตระกูล EOS ที่พื้นที่ออโต้โฟกัสสามารถครอบคลุมพื้นที่ 100% ของเซ็นเซอร์ภาพ ทั้งแนวตั้งและแนวนอน จึงสามารถโฟกัสได้ง่ายแม้ที่ขอบภาพ
กล้อง EOS R5 และ EOS R6 มีจุดโฟกัสอัตโนมัติ 1,053 จุด มากกว่า EOS R ถึง 7 เท่า ส่วนจุดโฟกัสแบบแมนนวลใน EOS R5 มี 5,940 จุด และ EOS R6 มี 6,072 จุด ประสิทธิภาพการออโต้โฟกัสจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งสองรุ่นมีโหมด AF Priority สำหรับการเลือกติดตามโฟกัสคนหรือสัตว์ สามารถติดตามได้ทั้งร่างกาย ศีรษะ และดวงตา สำหรับการถ่ายภาพในที่แสงจำกัด EOS R5 โฟกัสได้ในที่แสงน้อยถึง EV -6 ส่วน EOS R6 ทำได้ถึง EV -6.5 ซึ่งเป็นระดับที่มืดจนตาคนแทบจะมองไม่เห็น อีกทั้งมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกนในตัวกล้อง (In-Body IS) ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ RF ที่มีระบบกันสั่นไหวแบบออปติคอลหรือไม่มีก็ตาม จะช่วยความเบลอที่เกิดจากการสั่นของกล้องได้เท่ากับการลดความเร็วชัตเตอร์ถึง 8 สต็อป และช่วยลดการสั่นได้ทุกช่วงซูมตั้งแต่มุมกว้างไปจนถึงเทเลโฟโต้
ด้วยชิปประมวลผลภาพ DIGIC X และการ์ดหน่วยความจำ CFexpress ทำให้กล้อง EOS R5 สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 8K/30 fps จากการอ่านสัญญาณจากพื้นที่ทั้งหมดของเซ็นเซอร์ มีความคมชัดสูง สะดวกในการนำไปตัดต่อภายหลัง รวมถึงสามารถถ่ายวิดีโอ 8K RAW โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม นอกจากนี้ยังถ่ายวิดีโอสโลว์โมชัน 4K/120 fps ได้ บันทึกวิดีโอได้หลายฟอร์แมต เช่น RAW, H.265 HEVC, H.264 MP4 และบีบอัดเป็นฟอร์แมต ALL-I หรือ IPB ได้ด้วย ส่วน EOS R6 ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ถึง 60 เฟรมต่อวินาที และถ่ายสโลว์โมชัน Full HD/ 120 fps โดยไม่ต้องครอป เหมาะสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ทั้งสองรุ่นมีช่องต่อ HDMI ได้ถึง 4K/60 fps 10-bit 4:2:2 และมีฟีเจอร์ PQ และ Canon Log สำหรับการถ่ายภาพ HDR
สำหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย EOS R5 รองรับการเชื่อมต่อ wireless LAN 5GHz และ 2.4GHz โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม รวมถึงรองรับการถ่ายโอนข้อมูลแบบ FTP และ FTPS และสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ส่งข้อมูล WFT-R10 ส่วน EOS R6 รองรับ wireless LAN 2.4GHz และการถ่ายโอนข้อมูลแบบ FTP และ FTPS ทั้งสองรุ่นรองรับ Bluetooth Low Energy (BLE) และเป็นกล้องรุ่นแรกที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ด้วย Image.canon ผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อส่งไฟล์ภาพนิ่งและวิดีโอไปเก็บบนคลาวด์ได้ถึง 30 วันโดยไม่จำกัดขนาดไฟล์ หรือส่งไปเก็บบนแพลตฟอร์มคลาวด์อื่นๆ เช่น Google Photos, Google Drive และ Adobe Creative Cloud
กล้องทั้งสองรุ่นมีขนาดกะทัดรัด ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอยพร้อมซีลกันหยดน้ำและฝุ่น น้ำหนักเบา ด้านบนตัวกล้อง EOS R5 มีจอแอลซีดี ส่วน EOS R6 มีแป้นปรับโหมด และทั้งสองรุ่นมีแป้นปุ่ม Multi-Controller และ Quick Control เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเลือกจุดโฟกัสและปรับตั้งค่าต่างๆ มีจอแอลซีดีทัชสกรีนปรับหมุนได้ที่ใช้ในการเลือกจุดโฟกัสและเมนูการใช้งานต่างๆ
EOS R5 มีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) ขนาด 0.5 นิ้ว ความละเอียด 5.76 ล้านจุด ส่วน EOS R6 มีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ความละเอียด 3.69 จุด ความเร็ว 119.88/59.94 fps ชัตเตอร์ของ EOS R5 ใช้ได้ถึง 500,000 ครั้ง ส่วนชัตเตอร์ของ EOS R6 ใช้ได้ถึง 300,000 ครั้ง ทั้งสองรุ่นสามารถตั้งค่าให้ปิดม่านชัตเตอร์เมื่อปิดการทำงานของกล้อง ซึ่งจะช่วยป้องกันฝุ่นเข้าถึงเซ็นเซอร์ขณะเปลี่ยนเลนส์ ใช้ร่วมกับแบตเตอรี LP-E6NH ที่มีความจุมากขึ้นกว่า LP-E6N 15% หรือใช้กับแบตเตอรี LP-E6N และ LP-E6 ก็ได้
EOS R5 มีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ 2 ช่อง สำหรับการ์ด CFexpress และการ์ด SD การ์ด CFexpress รองรับการถ่ายโอนภาพและวิดีโอด้วยความเร็วสูง การถ่ายภาพต่อเนื่อง และการถ่ายวิดีโอ 8K RAW ส่วน EOS R6 มีช่องใส่การ์ด SD 2 ช่อง ทั้งสองรุ่นสามารถใช้ร่วมกับแบตเตอรีกริป BG-R10 (จำหน่ายแยก) ที่มี Multi-controller สำหรับการถ่ายภาพแนวตั้ง เพิ่มความสะดวกในการถ่ายภาพบุคคล พร้อมป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ สามารถใส่แบตเตอรีได้ 2 อัน (LP-E6NH, LP-E6N, หรือ LP-E6)
https://www.iphone-droid.net/canon-eos-r5-eos-r6/