ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับลูกช้างเชือกใหม่ angel cgm48 ด้วย
(แองเจิ้ล ในชุด นักศึกษา มช.ปี1 ถูกระเบียบ)
กับ
(นีน่า กับชุดนักศึกษามช. ปีแก่)
จะสังเกต ได้ว่าจุดที่แตกต่าง ระหว่าง เฟรชชี่ กับ ปีแก่ ในภาพ คือ กระโปรง หัวเข็มขัด และติ้ง ที่รีทัชออกไป
ปี1 มช. มักแต่งการถูกระเบียบ กระโปรงทรงเอ และ accesory มหาลัย เช่นหัว(เข็มขัด)ช้าง เข็มช้าง
ส่วนปีแก่ หรือ คนที่ผ่านกรรมวิธี รับน้อง จนได้รุ่น ไม่ว่าคณะหรือเมเจอร์ จะเรียกว่า ซ็อก(ถุงเท้า)ไทด์ คือถอดเนคไทน์ของผู้ชาย และถุงเท้าของผู้หญิง รวมุงได้หัวคณะ(หรือเมเจอร์) และเข็มคณะ(หรือเมเจอร์) มาใส่แทนของมหาลัย
และถ้าเป็นปีแก่ขึ้นไปอีก ถึงขั้นเลิกใส่ชุดนักศึกษา(ยกเว้นตอนสอบ)เลยทีเดียว เพราะปีแก่ จะมีทั้งเสื้อช็อป เสื้อฟีล เสื้อคณะ เสื้อเมเจอร์ มาให้ใส่ แทน
ส่วนเรื่องกระโปรงปี1 มช. ทำไมถึงเป็นทรงเอ (เข้าใจว่า ท.ใน กทม ปี1 ส่วนใหญ่จะเป็นพรีท) ว่ากันว่า เพื่อให้ปี1 รู้จักดูแลตัวเอง รู้จักประมาณในการกิน เพราะกระโปรงทรงเอจะฟิคไซด์ ถ้ากินมากไปจะใส่ไม่ได้(โดยเฉพาะกระโปรงม่วง ที่น้อยคนจะกลับมาใส่ได้) และทรงเอ ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก จะยืน จะเดิน จะลุก จะนั่ง ต้องระมัดระวังให้สมเป็นกุลสตรีศรีล้านนา ในขณะที่ปีแก่ นิยมใส่พรีท เพราะ กระฏปรงพรีทเป็นผ้ายืด มีความยืดหยุ่นกับรอบเอวที่เพิ่มขึ้น และยังสะดวกกีบการไปไหนมาไหนด้วย ถเครื่อง เพราะสามารถ ควบซ้อน2ซ้อน3 ได้อย่างไม่มีปัญหา ในขณะที่ทรงเอ ต้องนั่งป้ายเท่านั้น
เสริม มช.มีภาษาพูดเป็นของตัวเอง โดยพัฒนามาจากภาษาที่ใช้กันในชมรมวรน ผสมกับคำเมือง กลายมาเป็นภาษา มช. หากเรียนไปนานๆจะซึบซับ มาโดยไม่รู้ตัว โดยจะสังเกตได้ว่าใครเรียนอะไรจากภาษาที่ใช้พูด เพราะแต่ละเมเจอร์ จะแทรก technical term ของตัวเองมาด้วย ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าอีกหน่อยเมมเบอร์ cgm จะมีสำนวนการพูดที่เปลี่ยนไป
(เกร็ดความรู้) การแต่งกาย มช. กับเมมเบอร์ CGM48
(แองเจิ้ล ในชุด นักศึกษา มช.ปี1 ถูกระเบียบ)
กับ
(นีน่า กับชุดนักศึกษามช. ปีแก่)
จะสังเกต ได้ว่าจุดที่แตกต่าง ระหว่าง เฟรชชี่ กับ ปีแก่ ในภาพ คือ กระโปรง หัวเข็มขัด และติ้ง ที่รีทัชออกไป
ปี1 มช. มักแต่งการถูกระเบียบ กระโปรงทรงเอ และ accesory มหาลัย เช่นหัว(เข็มขัด)ช้าง เข็มช้าง
ส่วนปีแก่ หรือ คนที่ผ่านกรรมวิธี รับน้อง จนได้รุ่น ไม่ว่าคณะหรือเมเจอร์ จะเรียกว่า ซ็อก(ถุงเท้า)ไทด์ คือถอดเนคไทน์ของผู้ชาย และถุงเท้าของผู้หญิง รวมุงได้หัวคณะ(หรือเมเจอร์) และเข็มคณะ(หรือเมเจอร์) มาใส่แทนของมหาลัย
และถ้าเป็นปีแก่ขึ้นไปอีก ถึงขั้นเลิกใส่ชุดนักศึกษา(ยกเว้นตอนสอบ)เลยทีเดียว เพราะปีแก่ จะมีทั้งเสื้อช็อป เสื้อฟีล เสื้อคณะ เสื้อเมเจอร์ มาให้ใส่ แทน
ส่วนเรื่องกระโปรงปี1 มช. ทำไมถึงเป็นทรงเอ (เข้าใจว่า ท.ใน กทม ปี1 ส่วนใหญ่จะเป็นพรีท) ว่ากันว่า เพื่อให้ปี1 รู้จักดูแลตัวเอง รู้จักประมาณในการกิน เพราะกระโปรงทรงเอจะฟิคไซด์ ถ้ากินมากไปจะใส่ไม่ได้(โดยเฉพาะกระโปรงม่วง ที่น้อยคนจะกลับมาใส่ได้) และทรงเอ ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก จะยืน จะเดิน จะลุก จะนั่ง ต้องระมัดระวังให้สมเป็นกุลสตรีศรีล้านนา ในขณะที่ปีแก่ นิยมใส่พรีท เพราะ กระฏปรงพรีทเป็นผ้ายืด มีความยืดหยุ่นกับรอบเอวที่เพิ่มขึ้น และยังสะดวกกีบการไปไหนมาไหนด้วย ถเครื่อง เพราะสามารถ ควบซ้อน2ซ้อน3 ได้อย่างไม่มีปัญหา ในขณะที่ทรงเอ ต้องนั่งป้ายเท่านั้น
เสริม มช.มีภาษาพูดเป็นของตัวเอง โดยพัฒนามาจากภาษาที่ใช้กันในชมรมวรน ผสมกับคำเมือง กลายมาเป็นภาษา มช. หากเรียนไปนานๆจะซึบซับ มาโดยไม่รู้ตัว โดยจะสังเกตได้ว่าใครเรียนอะไรจากภาษาที่ใช้พูด เพราะแต่ละเมเจอร์ จะแทรก technical term ของตัวเองมาด้วย ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าอีกหน่อยเมมเบอร์ cgm จะมีสำนวนการพูดที่เปลี่ยนไป