JJNY : พิชัยแนะ6แนวทาง ฟื้นศก.ไทย/สภาล่ม! โวยรัฐบาลขาดงานเพียบ/CIMBTชี้ศก.จับตา4เสี่ยง/หนี้ครัวเรือนจ่อสูงสุดรอบ18ปี

พิชัย แนะ 6 แนวทาง ฟื้นเศรษฐกิจไทย หลังเผย อาจติดลบมาถึง "-17%"
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4461815
 

 
“พิชัย” ชี้ จะฟื้นเศรษฐกิจได้ ผู้นำต้องฉลาด แค่จริงใจฟื้นไม่ได้ ห่วง ข่มขู่ สส. ทำลายความเชื่อมั่น แนะ 6 แนวแก้หนี้ และ ฟื้นเศรษฐกิจรวมถึงเปลี่ยนผู้นำ
 
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวในงานเสวนา แนะทางออกไทยหลังโควิด ครั้งที่ 2 ที่สมาคมนักข่าว จัดโดย สภาที่ 3 ว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงมาที่ติดลบ - 10.3% โดยคาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 จะติดลบมากถึง -17%
 
และไทยต้องใช้เวลาถึง 3 ปีในการฟื้นกลับมาที่เดิม ซึ่งที่เดิมก็ยังถือว่าแย่มาก ดังนั้นการที่ไทยจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจกลับมาเข้มแข็งได้จะต้องมีผู้นำที่ฉลาดและมีวิสัยทัศน์ ผู้นำที่บริหารประเทศมากว่า 6 ปี เศรษฐกิจขยายตัวต่ำเตี้ย
 
แถมล่าสุดยังโกรธที่ถูกกล่าวหาว่าฉลาดน้อยในสภา ทั้งที่ยอมรับเองว่า ไม่เก่งเท่า สส. ในสภาและเคยบอกเองว่า ไม่เก่งเศรษฐกิจ ไม่น่าจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาได้ ความจริงใจแต่ไม่เก่งคงไม่สามารถช่วยอะไรได้ และไม่น่าใช่ทางออกของประเทศนี้
 
ปัญหาความไม่เชื่อมั่นของรัฐบาลหลังการปฏิวัติทำให้การลงทุนหดหายและการส่งออกแทบไม่ขยายตัวเลยตลอด 6 ปี แถมมีรัฐบาลที่สื่อต่างประเทศเชื่อว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ [เผล่ะจัง]  ได้ส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่หนักอยู่แล้วและเมื่อมาเจอกับวิกฤตไวรัสโควิดจึงทำให้เศรษฐกิจยิ่งทรุดหนักว่าประเทศอื่น
 
และจะหนักมากที่สุดเท่าที่เคยเจอ และยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นได้เลยถ้ายังบริหารเหมือนในปัจจุบัน และการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ข่มขู่ สส. พรรคก้าวไกลให้ระวังตัวให้ดี ยิ่งตอกย้ำความเป็น [เผล่ะจัง] และทำลายความเชื่อมั่นของประเทศหนักขึ้นไปอีก ซึ่งหากจำกันได้
 
ในอดีตพลเอกประยุทธ์ได้เคยข่มขู่ตนหลายครั้งทางทีวี และนำมาสู่การเรียกตนไปปรับทัศนคติ 8 หน และ เรียกดำเนินคดีอีก 4 หนเพียงเพราะผมเตือนและวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจตามความจริง และสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันก็พิสูจน์แล้วว่า เป็นตามที่ผมได้เตือนไว้จริง
 
ซึ่งพลเอกประยุทธ์น่าจะได้สำนึกแล้ว และอยากให้คิดว่าคนที่เห็นต่างและตักเตือนไม่ได้แปลว่าเขาเป็นศัตรู และต้องเปิดใจฟังกันบ้าง ก่อนที่ประเทศไทยจะยิ่งย่ำแย่และทรุดหนักไปกว่านี้
 
อย่างไรก็ดี ตามที่ได้เสนอให้พลเอกประยุทธ์ ได้ศึกษาหนี้ 5 ประเภท คือ
 
1) หนี้สาธารณะที่จะพุ่งทะลุเกิน 60%
 
2) หนี้ครัวเรือนที่จะเพิ่มถึง 90%
 
3) หนี้ภาคธุรกิจที่จะทำให้ธุรกิจล้มลายและคนตกงาน 8-10 ล้านคน
 
4) หนี้เสียภาคการเงินที่จะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของประเทศ
 
5) หนี้นอกระบบที่จะทำให้เกิดการฆ่าตัวตายและการก่ออาชญากรรม จี้ ปล้น ฆ่า
 
ซึ่งจะมีปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของไทยทรุดลงไปอีกถ้ารัฐบาลไม่รู้จักวิธีการแก้ไข ดังนั้นจึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขหนี้และฟื้นเศรษฐกิจ 6 แนวทางดังนี้
 
1. ต้องเปลี่ยนรัฐบาล ในเมื่อรัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ก็ต้องเปลี่ยนรัฐบาล โดยเฉพาะผู้นำ ถ้าไม่เปลี่ยนก็จะไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นได้ รัฐบาลอาจจะทดลองปรับ ครม. แต่สุดท้ายก็จะไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไข เพราะปัญหาอยู่ที่ผู้นำ
 
2. ต้องสร้างรายได้ การแก้หนี้ที่ดีที่สุดคือการสร้างรายได้ โดยต้องคำนึงการสร้างรายได้ของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ โดยต้องมีแผนงานชัดเจนว่าจะหารายได้จากไหนในอนาคต ในส่วนของรัฐ รัฐต้องหารายได้เพิ่มนอกจากจะหวังพึ่งจากภาษีอย่างเดียว
 
เพราะเศรษฐกิจจะย่ำแย่รัฐจะเก็บภาษีต่ำกว่าเป้ามาก ในส่วนของ ภาคธุรกิจก็จะต้องสร้างแนวทางใหม่ให้เข้ากับอนาคตของโลก และ ครัวเรือนก็เช่นกัน ทั้งหมดนี้รัฐบาลเองต้องเป็นผู้ช่วยกำหนดแนวทางและสนับสนุน และต้องไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคเหมือนในปัจจุบัน
 
3. ต้องใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะภาครัฐ เพราะปัจจุบันการใช้จ่ายภาครัฐเป็นเครื่องจักรเดียวที่เหลืออยู่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นต้องเลิกคิดได้เลยว่าจะซื้ออาวุธเพื่อลูกหลาน เพราะ ไทยไม่ได้รบกับใคร และอาวุธก็จะล้าสมัยไปเรื่อยๆ นอกจากลูกหลานจะด่าแล้ว ยังเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
 
เหมือนไฟกำลังไหม้บ้านแต่กลับเอาน้ำไปรดต้นไม้ ดังนั้น ทุกๆบาทของเงินงบประมาณที่จะใช้จะต้องคำนึงว่าจะมีผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างไร เพิ่มจีดีพีเท่าไหร่ การใช้โดยไม่เพิ่ม จีดีพี หรือ เพิ่มน้อยต้องถูกจัดลำดับท้ายๆเลย และสำหรับภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน การที่จะต้องถือเงินสดให้มากที่สุดและใช้จ่ายอย่างประหยัดเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ เพราะยังไม่ทราบเลยว่าวิกฤตไวรัสโควิดนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่
 
4. การเข้าถึงแหล่งทุน การที่จะฟื้นเศรษฐกิจได้รัฐบาลอาจมีความจำเป็นต้องกู้เงินอีกเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลจะต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเงินที่กู้มานั้นจะต้องใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่การใช้เงินกระตุ้น 4 แสนล้านบาท และ การจัดงบประมาณปี 64 ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลใช้เงินถูกทาง ซึ่งจะเป็นปัญหาเพิ่มขึ้น
 
ถ้ารัฐบาลใช้เงินแล้วจีดีพีเพิ่มสูง หนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็จะลดลงได้เอง แม้รัฐบาลจะใช้เงินมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลต้องใช้เงินให้ถูกทาง นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องหาแหล่งเงินให้กันภาคธุรกิจ และ ภาคครัวเรือน ให้สามารถกู้ยืมก่อนได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกเพื่อให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตนี้ไปให้ได้ การเสนอซอฟท์โลนจำนวนมากในช่วงนี้จึงจำเป็นและควรเลือกว่าธุรกิจประเภทใดจะเป็นอนาคตที่รัฐควรสนับสนุน
 
5. การปรับปรุงประเทศให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีปัญหาความเชื่อมั่นและการยอมรับจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ การปรับปรุงแก้ไขระบบยุติธรรม องค์กรอิสระ
 
และการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นสากลเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก ความปรองดองสมานฉันท์ และการปรับแก้กริยามารยาทของผู้นำ จะช่วยฟื้นการยอมรับและฟื้นความมั่นใจของคนในประเทศและต่างประเทศได้
 
6. แนวคิด ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ยังเป็นแนวทางที่ใช้ได้เสมอ รัฐบาลจะต้องกลับมาคิดว่าแนวทางใดที่จะลดค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชน เช่น การลดราคาพลังงาน การลดราคาสาธารณูปโภค เช่น ลดค่าโดยสาร การลดค่าไฟฟ้าประปา ฯลฯ
 
และ การลดภาษีบางประเภทด้วย การเพิ่มรายได้ รัฐบาลต้องสนับสนุนให้เกิดการเพิ่มรายได้ของประชาชนในแนวทางต่างๆ และ การสร้างงานเพื่อให้เกิดการจ้างงาน หรืออย่างน้อยต้องรักษางานเดิมไว้ การขยายโอกาส
 
ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก การที่ประเทศไทยจะฟื้นเศรษฐกิจได้ รัฐบาลต้องสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นเรื่องการสร้างบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือ ยูนิคอร์น ที่ตนพูดมาหลายปีแล้ว แต่รัฐบาลพึ่งจะมานึกได้ เป็นต้น ในขณะที่ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนก็ควรจะต้องคิดในแนวทางนี้
 
นี่เป็นแนวคิดพื้นฐานในการฟื้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลควรจะต้องคิดได้อยู่แล้ว แต่กลับไม่เห็นเคยทำ หรือ อาจจะทำไม่เป็น ดังนั้นจึงอยากให้นำไปคิด และ หาทางปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ ถ้ารู้ตัวเองว่าขาดความรู้และไม่ฉลาด
 
ก็ต้องขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม หรือ หาคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ใช่พวกขายฝันไปวันๆว่าจะเป็น มังกรบินบ้าง คนจนจะไม่หมดไปบ้าง ซึ่งไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน เศรษฐกิจไทยจะไม่มีทางฟื้นได้
 

 
สภาล่มอีกแล้ว! องค์ประชุมไม่ครบ ฝ่ายค้านโวยรัฐบาลขาดงานเพียบ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4461691
 
สภาล่มอีกแล้ว! องค์ประชุมไม่ครบ ฝ่ายค้านโวยรัฐบาลขาดงานเพียบ มีสมาชิกแสดงตน 231 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมทั้งหมดคือ 244 เสียง
  
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมฯ ภายหลังเปิดให้สมาชิกปรึกษาหารือเสร็จแล้ว ได้เข้าสู่วาระการพิจารณารับทราบรายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2562 และรายงานการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. สำนักงานกสทช. และเลขาธิการกสทช. ประจำปี 2562
 
จากนั้นเข้าสู่การพิจารณาวาระเพื่อรับทราบ รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนต.ค.–ธ.ค.2562) โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับรายงานการปฏิรูปฉบับดังกล่าว เนื่องจากข้อมูลไม่ครบถ้วน จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปทำรายงานให้ครบถ้วนสมบูรณ์
 
ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเสนอให้ประธานตรวจสอบองค์ประชุมก่อน เนื่องจากเห็นว่ามีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมไม่ครบ อีกทั้งการพิจารณาการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศ เป็นเรื่องสำคัญจึงอยากให้สมาชิกทั้งส.ส.และคณะรัฐมนตรีเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะในเรื่องสำคัญของประเทศด้วย
 
ทำให้นายชวนเรียกให้สมาชิกแสดงตัว รวมทั้งให้คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ของแต่ละพรรคแจ้งให้สมาชิกของแต่ละพรรคที่ประชุมคณะกรรมธิการ (กมธ.) ในแต่ละคณะมาแสดงตนด้วย
 
กระทั่งเวลาผ่านไปพอสมควร นายชวนจึงปิดการแสดงตนและสั่งให้ตรวจสอบองค์ประชุม ปรากฏว่ามีสมาชิกแสดงตน 231 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมทั้งหมดคือ 244 เสียง ทำให้ไม่สามารถประชุมต่อไปได้ จึงสั่งปิดประชุมในเวลา 13.15 น.
 
วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความ ระบุว่า 
 
“ขอนับองค์ประชุมใหม่ เนื่องจากห้องโล่งมาก โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล ผลปรากฏว่าขาดงานกันหลายคนเลย ปรากฏไม่ครบองค์ประชุมค่าาาา ปิดประชุม #ประชุมสภา”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่