[CR] โควิดซา ข้าขอลั้นลา ที่หลีเป๊ะ (รีวิวเที่ยวหลีเป๊ะหน้าโลว 3 วัน 2 คืน)

พาพันปั่นจักรยาน
สวัสดีครับทุกคน จากที่ทราบกัน ตั้งแต่สถานการณ์โควิดระบาด ทุกจังหวัด Lock down ตามๆกันไป สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ปิดหมด สายเที่ยวอย่างเราก็ไปไหนไม่ได้เลย ตั้งแต่ต้นเดือนเมษาเป็นต้นมา ซึ่งทำให้เลือดนักเที่ยวที่มีความอยากไปไหนสักที่ มีความอัดแน่นพร้อมจะพุ่งกระฉูดสูงมาก จนกระทั่งเมื่อรู้ว่าต้นเดือน ก.ค. หลายๆสถานที่ท่องเที่ยวจะเปิด เหมาะเจาะกับเพื่อนทักมาชวนเที่ยวหลีเป๊ะพอดี ก็ไม่ลังเลเลย รีบเช็คตารางงาน และก็เจอวันหยุดยาวพอดี จึงรีบตอบรับทันที ทริปนี้เรามีกันทั้งหมด 5 คน สร้างแชทกลุ่มตกลงเรื่องแพลน ที่พัก และจองกันอย่างรวดเร็ว ช่วงที่เดินทางคือ 4-7 ก.ค. 63 ผมอาจจะเขียนยาวนิดนึง อยากให้ทุกคนได้เห็นบรรยากาศความประทับใจ ไม่รอช้า ขอเล่าเลยล่ะกันนะครับ มาเริ่มกันเล๊ยยยยยยคร้าบบบบ ^^


Day1 (4/7/63)
เรานัดออกเดินทางกันเวลา 7.30 น. จากตัวเมืองหาดใหญ่โดยใช้รถส่วนตัว เนื่องจากไม่อยากจะรีบมาก กะว่าจะขับรถ ฟังเพลงชิลๆ เฮฮา ตะลอนกันไปเรื่อยๆ ตามประสาสายเม้าท์ (แต่เรื่องไร้สาระ) ซึ่งผมก็เตรียมอาหารเช้าไรไปทานในรถ ถึงท่าเรือปากบาราเวลาประมาณ 10.10 น. ทริปนี้พวกผมได้ทำการจองเรือสปีดโบ้ทและทริปดำน้ำไว้กับบริษัทดงทะเลรีสอร์ท (Be Nice Lipe Travel) เบอร์ติดต่อ 062-9034745 ซึ่งครั้งนี้ ดงทะเลรีสอร์ทได้ดีลเรือสปีดโบ้ทไป-กลับ ท่าเรือปากบารา-เกาะหลีเป๊ะกับบริษัทบันดาหยาไว้ให้ ดงทะเลรีสอร์ท เป็นบริษัทที่มีบริการครบวงจร รวมไปถึงที่พักด้วยนะครับ แต่ครั้งนี้ที่พวกผมจอง ที่พักเหลือแต่ห้องเล็กที่ไม่มีแอร์ เลยไม่ได้จองที่พักกับที่นี่ พอไปถึงก็มองหาบริษัทเรือ จะมีคนรอรับ จัดการเรื่องโหลดกระเป๋าสัมภาระ เรื่องที่ฝากรถ ลงทะเบียนรับบัตรลงเรือไรเรียบร้อย ซึ่งเรือจะออกตอนประมาณ 11.00 น. จากนั้นก็เข้าไปในท่าเทียบเรือ โดยผ่านกระบวนการคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ ล้างมือ และเชคอินผ่านเวปไทยชนะ จ่ายค่าธรรมเนียมเทียบท่าไปคนละ 20 บาท

เมื่อเข้าไปในท่าเรือ ระหว่างรอเวลา เห็นคาเฟ่น่ารักๆชื่อ Coffee Craft Pakbara Pier ก็เลยถือโอกาสเข้าไปนั่งตากแอร์สั่งช๊อกโกแลตเย็นดื่มเบาๆก่อนลงเรือ 

จากนั้นไม่นาน ก็มีสตาฟเรียกขึ้นเรือ ใส่เสื้อชูชีพไรเรียบร้อย ก็เริ่มออกเดินทางกันเลยโดยเรือเร็ว และดูท่าว่าเรือจะไม่ค่อยพร้อมสักเท่าไหร่ เกิดขัดข้องนิดหน่อยระหว่างทาง จึงต้องแวะให้พักที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาเพื่อทำการเปลี่ยนเรือ ซึ่งในช่วงปกติ ที่นี่จะเป็นแลนด์มาร์กนึงที่เรือจะหยุดแวะให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม แต่ตอนนี้ปิดทำการชั่วคราว ระหว่างรอก็ถ่ายรูป เดินเล่นกันไปกับบรรยากาศอันร่มรื่น เม็ดทรายที่นี่ละเอียดนุ่มเท้าดีมาก เวลามาทะเลแล้วคนน้อยๆนี่สวยดีเน๊อะ จากนั้น ไม่นานก็มีเรือลำใหม่มาเทียบท่ารอ ไม่รอช้า พวกผมก็ขึ้นเรือแล้วเดินทางต่อเลย

และแล้วก็เดินทางมาถึงเกาะหลีเป๊ะ ในเวลาประมาณ 13.30 น. ภาพแรกที่ลงเรือ ก็ได้เห็นกับทะเลที่สีครามสวยมาก กับท้องฟ้าที่ไม่โปร่งเท่าไหร่ แต่ถือว่ากำลังดี แดดไม่ร้อนจนเกินไป หลังจากรับสัมภาระไรเสร็จก็นั่งรถรับจ้างซาเล้งไปยังที่พัก ซึ่งอยู่อีกฝั่งนึงจากที่ลงเรือ ค่ารถเที่ยวละ 50 บาทต่อคน เราพักกันที่ Pitiusas private beach resort เป็นรีสอร์ทที่อยู่สุดเส้นทางถนนหาดซันเซ็ทเลย ทางไปที่พักค่อนข้างขรุขระพอสมควร เนื่องจากถนนที่นั่นเป็นที่ดินส่วนบุคคล ซึ่งบ้างก็ไม่ยอมให้ลาดยาง พอมาถึงที่พักก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีและเป็นกันเองมากๆจาก reception ซึ่งเป็นต่างชาติชาวสเปน มาทราบจากการพูดคุยกันว่า จริงๆเค้าเป็นเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ รีสอร์ทนี้จะอยู่บนเขาสูงห่างจากย่านช๊อปปิ้งค่อนข้างไกล แต่สบาย สวยงามและมีความเป็นส่วนตัวดี เนื่องจากเราถึงที่พักกันค่อนข้างเลท เลยสั่งอาหารมื้อเที่ยงทานจากที่พักเลย ราคาค่อยข้างสูงอยู่ แต่จังหวะนั้นคือหิวมาก อาหารที่เอามาด้วยก็เป็นแค่พวกขนมกินเล่น เลยต้องจำยอม 

หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จก็เดินเล่น ถ่ายรูปตรงชายหาดที่รีสอร์ทชิลๆจนค่อนเย็น ก็เรียกใช้ซาเล้งเช่นเดิมไปยังหาด sunset เพื่อไปรอดูพระอาทิตย์ตก บอกเลยว่าหาดที่หลีเป๊ะนี่สวยมาก (สวยกว่าทุกที่ที่เคยไปมา) ตอนนั้นอดใจไม่ไหว ก็ลงเล่นน้ำเลย 

จนค่อนเวลาใกล้พระอาทิตย์ตกก็กลับขึ้นฝั่งมารอดูพระอาทิตย์ตก แต่แห้วครัช เนื่องจากมีเมฆมาบังตอนมันจะตกลับเส้นขอบทะเลพอดี แต่ถือว่าไม่ผิดหวัง เพราะทะเลตอนแสงสีส้มที่พระอาทิตย์กำลังตก มันสวยมาก เลยได้จัดไปหลายรูปเลยทีเดียวครับ

หลังจากดูพระอาทิตย์ตก ท้องเริ่มร้องหาอาหาร พวกผมก็เดินกลับขึ้นมาตรงย่านแถวร้านค้า ซึ่งไม่ไกลมากนัก เพื่อหาของกิน ปกติย่านนี้จะมีถนนคนเดินให้ได้เลือกหาของกินหลากหลาย แต่มาครั้งนี้เนื่องจากเกาะเพิ่งเปิด ถนนคนเดินเลยยังไม่เปิดบริการ แต่ก็ยังมีร้านค้าหลายร้านที่กลิ่นอาหารโชยให้ยิ่งชวนหิว และก็ได้มาลงหลักที่ร้านส้มตำชื่อนีส้มตำ ซึ่งหลายๆคนแนะนำกัน รออาหารกันค่อนข้างนาน เนื่องจากร้านยังไม่พร้อมเปิดเต็มรูปแบบสักเท่าไหร่ พออาหารลงก็แร้งลงเลยครับ แต่รสชาติกลับคิดว่าไม่นัวเท่าไหร่ พวกผมอาจจะคาดหวังไว้เยอะมั้ง 555 ซึ่งสุดท้าย ค่อนข้างจะผิดหวังกับรสชาติอาหารที่นี่นิดหน่อยครับ ทานเสร็จก็เรียกใช้ซาเล้งเหมือนเดิม กลับที่พัก อาบน้ำอาบท่า ก็ friends times ครับ เล่นการ์ดเกมเฮฮากันใหญ่ หัวเราะกันลั่นห้อง พอเล่นกันเสร็จก็เข้านอนครับ พักผ่อนเตรียมตัวออกทริปดำน้ำวันรุ่งขึ้น

Day2 (5/7/63)
ผมตื่นนอนเวลาประมาณ 6.30 จัดการเข้าห้องน้ำเตรียมตัวเองเสร็จ ก็ออกมาเดินเล่นริมหาด ระหว่างรออาหารเช้า ซึ่งวันที่มาพัก อาหารจะเริ่มเสิร์ฟตอน 8 โมง หลังจากเสร็จอาหารเช้า ก็เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวออกไป snorkeling ได้นัดเรือให้มารับถึงหน้าหาดที่พักตอน 9.30 น. สำหรับทริปนี้ พวกผมได้ซื้อทริปแบบเหมาลำไว้ในราคา 2,500 บาท รวมอาหารเที่ยงครับ

สำหรับโปรแกรมทริปครั้งนี้ก็จะมี snorkeling ดำน้ำดูปะการัง ซึ่งในโปรแกรมจะมีไปดำน้ำ 4 ที่ด้วยกัน คือ อ่าวประมง เกาะอาดัง เกาะกระ และเกาะอุเส็น เนื่องจากมาช่วงหน้าโลว สถานที่ที่เป็นไฮไลท์บางที่ เช่น เกาะหินงาม เป็นต้น ยังปิดอยู่ ครั้งนี้เลยไม่ได้ไปเที่ยวชม

มาเริ่มกันที่ช่วงเช้า ดำน้ำ 2 ที่ คือที่อ่าวประมง ซึ่งออกมาไกลจากที่พักไม่มากนัก และเกาะอาดัง บอกเลยว่าน้ำทะเลที่หลีเป๊ะนี้ใสจริง ปะการังที่นี่สวยงาม รวมไปถึงปลาน้อยใหญ่สามารถดำแล้วมองเห็นได้หลากหลายและสวยงามมาก ผมชอบการดำน้ำที่นี่มากเป็นพิเศษกว่าทุกที่ที่เคยไปมาเลย หลังจากดำน้ำช่วงเช้าเสร็จ ก็แวะทานข้าวเที่ยงที่อุทยานหมู่เกาะอาดัง มีจ่ายค่าธรรมเนียมอุทยานไปคนละ 40 บาท (ต่างชาติ 200 บาท) และใบเสร็จใบนึงจะออกได้ขั้นต่ำ 100 บาท นั่นหมายถึงว่าถ้ามาคนเดียว ต้องจ่าย 100 บาท พวกผมก็นั่งทานข้าวกันโดยได้เสื่อเป็นอภินันทนาการจากคนกัปตันเรือ เมนูก็จะเป็น ข้าวผัดกระเพราไก่ ไข่ดาว และแตงโม เราก็นั่งทานไป โม้กันไป ใช้เวลาไปประมาณ 40 นาที 

จากนั้นก็เริ่มไปดำน้ำต่ออีก 2 ที่ คือ ที่เกาะกระและเกาะอุเส็น สำหรับทั้ง 4 ที่ที่พวกผมไปกันมานี้ ผมไม่ผิดหวังเลยสักที่ แอบเทคะแนนให้ตรงบริเวณเกาะกระ เนื่องจากส่วนตัวให้ความรู้สึกว่าปะการังและปลาที่นี่สวยเป็นพิเศษ แต่บริเวณนี้แอบคลื่นแรงนิดหน่อย ลืมบอกไป ระหว่างทริปดำน้ำนี้ พวกผมสายเฮฮา ไม่มีเงียบเลย พกลำโพงบลูทูธ 1 ตัว เปิดเพลง ร้อง เล่น เต้นกันมันส์ตลอด เป็นทริปที่สนุกมากๆ พี่กัปตันเรือก็ดีมาก ชื่อพี่วิบครับ พวกผมเรียกพี่วิบวับ เรียกว่าเป็นทุกอย่างให้จริงๆ เป็นตากล้องถ่ายรูปให้(ถ่ายสวยด้วยนะเออ) พี่เค้าฟรีไดฟ์ได้ พวกผมเลยให้พี่เค้าช่วยดำน้ำเอากล้องโกโปรถ่ายภาพและวิดีโอปลาและปะการังใต้ทะเลสวยๆให้ นอกจากนี้พี่เค้ายังเป็นตากล้องช่วยถ่ายวิดีโอพวกผมเต้น เพื่อเอาลงสตอรี่ให้อีกด้วย สุดๆไปเลยครับคนนี้ ฮ่าๆ ผมแนะนำกัปตันเรือคนนี้เลยนะครับ ถ้าใครสนใจตอนโทรจองทริป ก็สามารถรีเควสใช้บริการกัปตันเรือคนนี้ได้ครับ

พอดำน้ำเสร็จ ก็เดินทางกลับที่พัก พวกผมถึงที่พักประมาณ 14.30 น. ก็อาบน้ำอาบท่า พักผ่อนให้พอหายเหนื่อย รอเวลาดูพระอาทิตย์ตกตรงหาดหน้ารีสอร์ท หลังจากดูพระอาทิตย์ตกเสร็จ เรียกใช้ซาเล้งแท๊กซี่เจ้าเดิมเพื่อเดินทางไปดินเนอร์ ณ ร้านอาหารดงทะเล ซึ่งทราบมาว่าจะมีการแสดงควงไฟ (บริษัทที่พวกผมจองเรือโปรโมทมา ฮ่าๆ) ไปถึงก็สั่งอาหารเลยครับ นั่งทานริมหาดทรายพร้อมดูการแสดงไป เม้าท์มอยกันไป ได้บรรยากาศดี อาหารที่นี่ถูกปากเลยทีเดียวครับ ราคาพอโอเค ไม่สูงเลยถ้าเทียบกับร้านอาหารบนเกาะ พอเสร็จก็เดินเลียบฝั่ง เข้าเส้นถนนคนเดิน(ซึ่งมาครั้งนี้ยังปิดอยู่) เลยถือว่าเดินชม survey ไปด้วย เผื่อมาอีกครั้งหน้า ฮ่าๆ เดินไปจนสุดสาย เข้าซื้อของกินเล่นในเซเว่น (ที่นี่ราคาจะคูณสองนะ เนื่องจากทุกอย่างต้องขนส่งลงเกาะด้วยเรือ) 

หลังจากนั้นก็เรียกใช้บริการรถซาเล้งกลับที่พัก และได้นัดซาเล้งไว้ว่าให้เข้ามารับตอน 9 โมงเช้า เพื่อไปส่งท่าเรือวันรุ่งขึ้น พอเข้าที่พักก็อาบน้ำ เก็บกระเป๋าไรให้เสร็จเรียบร้อย เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้า ก่อนนอนก็ตั้งวงเล่นเกมการ์ดกันอีกพอประมาณนึง ให้พอได้ครื้นเครง แล้วก็เข้านอนครับ

สำหรับ Day3 และสรุปค่าใช้จ่าย เดี๋ยวผมจะต่อให้ในคอมเม้นท์ด้านล่างนะครับ เนื่องจากตัวอักษรข้อความจะเกินล่ะครับ ไปตามอ่านให้จบกันนะค้าบบบบอมยิ้ม44
ชื่อสินค้า:   เที่ยวหลีเป๊ะแบบโป๊ะเช๊ะ 3 วัน 2 คืน
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่