สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ใน Sapiens: A Brief History of Humankind หนังสือดังเล่มนี้ ที่เขียนโดย Yuval Noah Harari ที่เป็นที่ขายดีในไม่กี่ปีมานี้
บอกว่าที่ว่าวิวัฒนาการ โอกาสมีเป็นเหตุการณ์แบบของเก่าล้างของใหม่ Sapiens ล้าง Neanderthal
แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่แบบนั่งครุ่นคิดว่าสายพันธุ์เรา ดีกว่าอีกสายพันธุ์ เลยต้องล้างมันให้หมด ตั้งทีมล่าไล่กวาดล้างเป็นล่ำเป็นสัน เป็นอาชีพ แบบมนุษย์ยุคใหม่
จะคล้ายเป็นแบบสัตว์ปัจจุบัน ที่ถูกมนุษย์ค่อยๆ ล่าไปทีละหน่อย
ค่อยๆ หายไป จนไม่เหลือเป็นตัวตน เหลือแค่เศษเสี้ยวร่องรอยในสายเลือด ใน DNA ในมนุษย์ Sapiens ยุคเรา
สรุปทั่วไป Neanderthal สูญพันธุ์
มี 2 ทฤษฎี ที่อาจเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือคนละพื้นที่ ก็เกิดได้คนละเหตุการณ์
- การุกรานโดย Sapiens แล้ว Sapiens ฉลาดกว่า แกร่งกว่า
เป็นการรุกถิ่นที่ทำกิน ซ้อนทับกัน แล้วไล่ฆ่ากันบ้าง อ่อนแอ ก็แพ้ไป
- การถูกกลืนโดยการผสมพันธุ์กับ Sapiens ยีน Neanderthal อ่อนแอกว่า เลยถูกกลืนทีละน้อยๆ
หื่นข้ามสายพันธุ์ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกแทบไม่ต้องตั้งทฤษฎี แค่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนเท่านั้น
ก็แบบมีทั้งการบุกยึดครองถิ่นแบบมองโกล ที่ใครชนะ ก็จะทำอะไรก็ได้
และบางส่วนเป้นไปโดยสมัครใจ ตามที่ถูกฮอร์โมนมนุษย์กระตุ้น แบบที่คนผิวดำแต่งงานกันผิวขาว เอเชียแต่งกับยุโรป มีปกติปัจจุบัน
เพราะยังเหลือร่องรอย Neanderthal ใน DNA มนุษย์หลายพื้นที่ (เป็นเสี้ยวส่วน ไม่กี่เปอร์เซ็นต์)
ปัจจุบันกระจายไป เพราะมนุษย์เดินทางไปได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน
(ต่างจากโบราณที่เดินเท้า จากที่กำเนิดที่คาดว่า Neanderthal เดิมอยู่แค่ Eurasia จากการพบโครวกระดูกและกระโหลก แต่ค่อนข้างอยู่ยุโรปมากกว่า คาดว่ามีอพยพเล็กน้อย มาเอเชีย)
อีกอย่าง ไม่ใช่อย่างที่คนบางส่วนถูกชักนำให้เขว จากพวก Timeline ฮิต ว่าการสูญพันธุ์สปีชี่ส์เก่าจะหายไปแว๊บ แล้วมีสปีชี่ส์ใหม่ กำเนิดขึ้นต่อมาพรึ่บเลย ไม่ใช่ชัดขนาดนั้น แต่ของเก่าค่อยๆ ถูกกร่อน จนไม่เหลือเป็นตัวตนคนสุดท้าย
นี่ไม่ใช่ไฟประดับ แบบการปิดไฟชุดเก่ามืดไปสนิท แล้วเปิดหลอดดวงใหม่มา
แต่หลอดชุดเก่าค่อยๆ หรี่ๆๆๆ หลอดชนิดใหม่ รุ่นใหม่ ค่อยๆ สว่างๆๆๆๆๆ เกิดขนานกันไป
แต่ระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ที่ไม่กล้าฟันธง ว่ามันอาจจะแคบหรือกว้างก็ได้ สมมติกันว่าแคบแค่ร้อยปี ทำให้พอวาดเป็น scale หยาบหมื่นแสนปี กราฟการสูญพันธุ์สปีชีส์ก่อนหน้าหายไปมันอาจชันมาก เลยดูเหมือนปิด-เปิดไฟเป็นรอยต่อ back to back แบบที่คนเข้าใจผิด

ขนาดคำว่า Disruption ที่สื่อถึงการทำลายของเก่าปุบปับ ของเก่านั้นยังค่อยๆ ถูกทำลายใช้จนล้าสมัย ค่อยๆ พัง ของใหม่มาสวมแทน
นี่ Evolution รอยต่อ ค่อยๆ เกิดคล้องกัน เป็นร้อยๆ ปี
ทั้งนี้ ก็เป็นแค่ทฤษฎีถกเถียงกัน สมมติฐาน ที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้จริง
ถ้าที่บอกว่ารู้จริงใครกล้าฟันธงไม่ใช่สมมติฐานเลย ต้องทำได้แบบ Lucy ปัจจุบัน ไปพบ Lucy อดีต
อย่าลืมพกกล้องไปถ่ายคลิปมายืนยันด้วย แบบในหนัง Contact แต่ข้าม Space-time จะติดรึเปล่าไม่รู้ กลัวจะได้คลิปยาวที่มีแต่ความว่างเปล่ามาแบบ Dr. Arroway
บอกว่าที่ว่าวิวัฒนาการ โอกาสมีเป็นเหตุการณ์แบบของเก่าล้างของใหม่ Sapiens ล้าง Neanderthal
แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่แบบนั่งครุ่นคิดว่าสายพันธุ์เรา ดีกว่าอีกสายพันธุ์ เลยต้องล้างมันให้หมด ตั้งทีมล่าไล่กวาดล้างเป็นล่ำเป็นสัน เป็นอาชีพ แบบมนุษย์ยุคใหม่
จะคล้ายเป็นแบบสัตว์ปัจจุบัน ที่ถูกมนุษย์ค่อยๆ ล่าไปทีละหน่อย
ค่อยๆ หายไป จนไม่เหลือเป็นตัวตน เหลือแค่เศษเสี้ยวร่องรอยในสายเลือด ใน DNA ในมนุษย์ Sapiens ยุคเรา
สรุปทั่วไป Neanderthal สูญพันธุ์
มี 2 ทฤษฎี ที่อาจเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือคนละพื้นที่ ก็เกิดได้คนละเหตุการณ์
- การุกรานโดย Sapiens แล้ว Sapiens ฉลาดกว่า แกร่งกว่า
เป็นการรุกถิ่นที่ทำกิน ซ้อนทับกัน แล้วไล่ฆ่ากันบ้าง อ่อนแอ ก็แพ้ไป
- การถูกกลืนโดยการผสมพันธุ์กับ Sapiens ยีน Neanderthal อ่อนแอกว่า เลยถูกกลืนทีละน้อยๆ
หื่นข้ามสายพันธุ์ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกแทบไม่ต้องตั้งทฤษฎี แค่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนเท่านั้น
ก็แบบมีทั้งการบุกยึดครองถิ่นแบบมองโกล ที่ใครชนะ ก็จะทำอะไรก็ได้
และบางส่วนเป้นไปโดยสมัครใจ ตามที่ถูกฮอร์โมนมนุษย์กระตุ้น แบบที่คนผิวดำแต่งงานกันผิวขาว เอเชียแต่งกับยุโรป มีปกติปัจจุบัน
เพราะยังเหลือร่องรอย Neanderthal ใน DNA มนุษย์หลายพื้นที่ (เป็นเสี้ยวส่วน ไม่กี่เปอร์เซ็นต์)
ปัจจุบันกระจายไป เพราะมนุษย์เดินทางไปได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน
(ต่างจากโบราณที่เดินเท้า จากที่กำเนิดที่คาดว่า Neanderthal เดิมอยู่แค่ Eurasia จากการพบโครวกระดูกและกระโหลก แต่ค่อนข้างอยู่ยุโรปมากกว่า คาดว่ามีอพยพเล็กน้อย มาเอเชีย)
อีกอย่าง ไม่ใช่อย่างที่คนบางส่วนถูกชักนำให้เขว จากพวก Timeline ฮิต ว่าการสูญพันธุ์สปีชี่ส์เก่าจะหายไปแว๊บ แล้วมีสปีชี่ส์ใหม่ กำเนิดขึ้นต่อมาพรึ่บเลย ไม่ใช่ชัดขนาดนั้น แต่ของเก่าค่อยๆ ถูกกร่อน จนไม่เหลือเป็นตัวตนคนสุดท้าย
นี่ไม่ใช่ไฟประดับ แบบการปิดไฟชุดเก่ามืดไปสนิท แล้วเปิดหลอดดวงใหม่มา
แต่หลอดชุดเก่าค่อยๆ หรี่ๆๆๆ หลอดชนิดใหม่ รุ่นใหม่ ค่อยๆ สว่างๆๆๆๆๆ เกิดขนานกันไป
แต่ระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ที่ไม่กล้าฟันธง ว่ามันอาจจะแคบหรือกว้างก็ได้ สมมติกันว่าแคบแค่ร้อยปี ทำให้พอวาดเป็น scale หยาบหมื่นแสนปี กราฟการสูญพันธุ์สปีชีส์ก่อนหน้าหายไปมันอาจชันมาก เลยดูเหมือนปิด-เปิดไฟเป็นรอยต่อ back to back แบบที่คนเข้าใจผิด

ขนาดคำว่า Disruption ที่สื่อถึงการทำลายของเก่าปุบปับ ของเก่านั้นยังค่อยๆ ถูกทำลายใช้จนล้าสมัย ค่อยๆ พัง ของใหม่มาสวมแทน
นี่ Evolution รอยต่อ ค่อยๆ เกิดคล้องกัน เป็นร้อยๆ ปี
ทั้งนี้ ก็เป็นแค่ทฤษฎีถกเถียงกัน สมมติฐาน ที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้จริง
ถ้าที่บอกว่ารู้จริงใครกล้าฟันธงไม่ใช่สมมติฐานเลย ต้องทำได้แบบ Lucy ปัจจุบัน ไปพบ Lucy อดีต
อย่าลืมพกกล้องไปถ่ายคลิปมายืนยันด้วย แบบในหนัง Contact แต่ข้าม Space-time จะติดรึเปล่าไม่รู้ กลัวจะได้คลิปยาวที่มีแต่ความว่างเปล่ามาแบบ Dr. Arroway

แสดงความคิดเห็น
ในอดีต บรรพบุรุษมนุษย์ Homo sapien sapien เคยฆ่า เผ่าพันธุ์ อื่นบ้างไหม เช่น Neanderthal