สวัสดีครับทุกท่าน 
วันนี้หอบเอารูปสวยๆ ของที่พักบนเกาะพีพี มาฝาก ...
หลายท่านอาจจะเคยไปเที่ยวเกาะพีพีแบบ Oneday Trip มาบ้าง
สำหรับผมผู้โปรดปรานชายหาดและทะเล เที่ยวเกาะนู้นเกาะนี่มาหลายเกาะของไทย 
แต่ไม่น่าเชื่อตัวเองว่าไม่เคยไปเกาะที่โด่งดังติดอันดับต้นๆของไทยอย่าง หมู่เกาะพีพี นึกแล้วก็แอบเขิล


ความพิเศษของรีวิวนี้คือ เป็นริววที่พัก บนเกาะพีพี นี่เลยครับ

ลบภาพจำเก่าๆไปว่าจะไปเที่ยวเกาะพีพีแล้วเหนื่อย
ต้องนั่งเรือ ออกแต่เช้าตรู่ ตะลอนๆอยู่บนเรือทั้งวัน

เพราะจริงๆแล้วผมพบว่า การเลือกมาพักบนเกาะเลยนั้นสบาย
สะดวก ชิล และที่สำคัญทะเลสวยงามมากๆ 10 10 10 ไม่หักเลย
 
จะว่าไปเพราะรีวิวที่พักบนเกาะพีพี บนโลกออนไลน์นั้นค่อนข้างน้อยด้วย ...
ตอนแรกผมก็เลยมีภาพมโนในหัวเอาเอง ว่าที่พักต้องกระจุกๆตัว  
ในพื้นที่เล็กๆ ของเกาะ  ไม่ค่อยน่าไปพัก ไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวก
 
.
.
.

แต่เปล่าเลยครับ 
พอได้มาเอง ถึงกับเปิดมุมมองใหม่ ...

ถ้าเราเลือกให้ถูกที่ เราจะเจอสวรรค์ชั้นหกอีกแห่งบนเกาะพีพีนี่เอง




ขอต้อนรับสู่ ...
 
Saii Phi Phi Island Village Resort
ทราย พีพี ไอร์แลนด์ รีสอร์ท
รีสอร์ทที่น่าพักที่สุดบนเกาะพีพี ซึ่งเป็นรีสอร์ทยุคบุกเบิก เปิดให้บริการมามากกว่าสิบปีแล้ว
 
แต่ด้วยที่ค่านิยมคนไทยไม่ค่อยเลือกมาพักบนเกาะ 
ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นต่างชาติซะมากกว่า
 
คือธรรมชาติคนไทยจะเที่ยวแบบเสาอาทิตย์วันเดียว 
ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติบินมาเมืองไทย จะมาเที่ยวกันมากกว่า 7 วัน 
 
ดังนั้นเค้าสามารถจะพักบนเกาะแล้วค่อยๆใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติสวยๆแบบนี้ครับ ...



ดังนั้นจึงอยากแนะนำเพื่อนๆ ลองจัดสรรเวลาดีๆ  ....

เปลี่ยนมาตั้งเป้าจุดหมายในแต่ละทริปไปเลยว่า 
3 วัน 2 คืนนี้เรามาเที่ยว พีพี อย่างเดียวเลย

พอเรามีเวลา มาพักบนเกาะมีเวลาแบบนั้น 
เราจะได้รับประสบการณ์ที่ดีมากๆ บนเกาะพีพี

ลองดูในรีวิวนี้ได้เลยครับ 

 

รีสอร์ทใช้คำว่า Village ต่อท้ายในชื่อ
ตอนแรกผมก็ยังงๆ ว่าทำไมใช้คำนี้ พอได้มาพัก จึงเห็นภาพ ...

ว่าขนาดของรีสอร์ทกว้างมากๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกด้านของการมาเที่ยว 
ทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่สองสระ ห้องอาหารสามห้อง ร้านขนม ร้านขายของที่ระลึก Activities Center 
ลานกิจกรรมของเด็ก ส่วนของสปา

เรียกว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ย่อมๆ ริมหาดเลยครับ
อารมณ์โรงแรมใหญ่ๆที่มาตั้งบนเกาะพีพีเลย  ข้อดีมากๆคือไม่รู้สึกแออัดแม้แขกจะเยอะ
มีเพื่อน ได้สัมผัสธรรมชาติกันแบบใกล้ชิดทุกมุม

 

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาพักมาเที่ยวเกาะพีพี จะเป็นตามหน้ามรสุมของฝั่งอันดามัน 
ช่วงเวลาที่แนะนำตั้งแต่ กลาง ตุลาคม ไปจนถึง ต้น พฤษภาคมของทุกปี อากาศจะดีมากๆคือ กุมภา ถึง เม ษา ครับ



การเดินทางมายังรีสอร์ท
เลือกเดินทางได้ทั้งจากภูเก็ตและกระบี่ครับ 
เลือกนั่งเครื่องบินไปลง
จากนั้นใช้บริการ รถรับส่งของโรงแรมต่อด้วยเรือสปีดโบ้ทของรีสอร์ทเลยจะง่ายที่สุด
ส่งถึงหน้าหน้าหาดเลย

โดยจะมีรอบเรือ สองรอบต่อวัน ตามนี้ 

ขาไปจาก Ao Po Grand Marina in Phuket 11:30 AM and 4:00 PM ( 11 โมงเช้า กับ บ่าย 4 โมงเย็น)
ขากลับจาก Phi Phi Island Village Beach Resort 8:30 AM and 2:00 PM (8 โมงเช้า กับ บ่ายสอง)
 
ตอนผมไปนั้นเลือกไฟล์ทให้ถึงสนามบินภูเก็ตประมาณไม่เกิน  09.30 ครับ 
รับกระเป๋าลงจากเครื่อง 30 นาที ใช้เวลานั่งรถของรีสอร์ทไปอีก 30 นาที 
ไปนั่งรอที่เลาจน์รับรองของรีสอร์ทที่ ท่าเรืออ่าวปอ มารีน่า (มีเครื่องดื่มและห้องแอร์ สบายมากๆ)

ค่าแพกเกจการเดินทางประมาณ 2000/ท่าน/เที่ยว สำหรับราคาปกติ
แต่แนะนำว่าให้หมั่นเข้าไปดูแพกเกจที่รีสอร์ทขายบางช่วงในเฟซบุค หรือหน้าเว็บจะมีโปรคนไทยดีๆ
ซึ่งค่าเรือจะรวมในค่าห้องจะคุ้มมากๆครับ

สำหรับลูกค้าที่ต้องการประหยัดสุด
สามารถใช้บริการเรือเฟอร์รี่เอกชนเจ้าอื่นๆที่ไปเกาะพีพีได้ครับ ค่าตั๋วหลักร้อย 
พอมาถึงท่าเรือเกาะพีพีดอน ก็ต่อเรือหางยาวมาที่รีสอร์ทได้ครับ 
แต่จะใช้เวลานานกว่านั่งสปีดโบ้ทพอสมควรครับ

ถ้าเป็นทริปพักผ่อน ผมว่าเลือกใช้บริการสปีทโบ้ทดีกว่า เรือใหม่ ปลอดภัยสะดวกมากๆ


รีวิวนี้ผมเดินทางไปเที่ยวเดือนมีนาคมครับ 

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาพักมาเที่ยวเกาะพีพี จะเป็นตามหน้ามรสุมของฝั่งอันดามัน 
ช่วงเวลาที่แนะนำตั้งแต่ไม่ลุ้นฝนมากคือ ตุลาคม ไปจนถึง ต้นพฤษภาคมของทุกปี
และอากาศจะดีมากๆคือ กุมภา ถึง เมษา ครับ ...

อันนั้นตามทฤษฎี แต่เดี๋ยวนี้อากาศของโลกงงๆครับ
บางทีหน้าฝน เดือน สิงหา กันยา ก็อาจจะเจอแดดเปรี้ยงๆ เหมือนกัน 
 



ส่วนตัวแล้ว ทราย พีพี ไอส์แลนด์ รีสอร์ท เซอไพรส์ผมมากๆ ในแทบจะทุกด้าน ...

ทั้งความสวยงามของที่ตั้ง อันนี้เด่นมาก 
รีสอร์ทมี่พื้นที่หน้าหาดแบบเดี่ยวๆ ไม่ยุ่งกับใคร ยาวหลายร้อยเมตร

สวยมากกกกกกกกก ดูจากรูปได้เลยครับ

แล้วดันเป็นหาดที่มีความชันน้อยมาก 
น้ำขึ้นน้ำลงในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลาก็สวยงามแตกต่างกัน

สามารถเดินลงไปเล่นน้ำได้แบบสุดลูกหูลูกตา คือคนรักทะเลฟินมากจริงๆครับ
คาแรกเตอร์แบบนี้จะคล้ายๆพวก ทะเลแหวก ของกระบี่ ที่ระดับน้ำไม่สูง เดินลงไปได้ไกลๆ


ในด้านบริการ ถ้าใครบอกว่ารีสอร์ทตามเกาะทางใต้ไม่ค่อยจะต้อนรับคนไทย 
อันนี้ผมเถียงขาดใจเลยครับ ... 

บริการของพนักงานที่นี่ยิ้มแย้มเต็มที่กับแขกทุกคน 
ดีกว่าหลายๆ เชนด์โรงแรมใหญ่ที่ผมไปพักมาด้วยซ้ำ

บรรยากาศการบริการให้ความรู้สึกสบายๆ พนักงานส่วนใหญ่คือคนพื้นที่ในจังหวัดทางใต้นี่เอง
มีความแอคทีฟในการให้บริการที่สูงมากๆ 

ปัจจุบัน SAii Phi Phi Island Resort อยู่ภายใต้การบริหารของ Singha Estate 
ซึ่งดูแลโรงแรมสันติบุรี สมุย โรงแรม Outrigger และสุดยอดโปรเจคที่ Crossroad มัลดีฟส์ 
มาตรฐานของรีสอร์ทเลยยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยครับ


บรรยากาศภายในรีสอร์ท ชิลมากกก มุมถ่ายรูปสวยๆ เต็มไปหมด



Accommodation 
ห้องพักมีหลายแบบ สามารถเข้าไปดูที่เว็บไซท์ได้ ผมขอแนะนำเด่นๆดังนี้ครับ

ห้องเริ่มต้น Superior Villa 
จุดเด่นของที่นี่นั้น ห้องเริ่มต้นก็จะได้ห้องพักแบบเป็นหลังๆ แยกกันมีความเป็นส่วนตัวสูง 
และมีขนาดห้องเริ่มต้นที่ 35 ตรม ถือว่ากำลังดีมากๆ สำหรับท่านที่งบไม่เยอะ ... ดูตามรูปได้เลย
ด้านนอกอาจจะเหมือนบังกะโลเก่าๆ แต่ภายในรีโนเวทใหม่เอี่ยม ใหม่กิ้กๆ สิ่งอำนวยตความสะดวกครบๆ เลยครับ




 
Beachfront Junior Suite คือนิพพานที่สุด 
แม้ห้องนี้จะราคาห่างจากห้องเริ่มต้นพอสมควร 
 
แต่ถ้างบประมาณคุณถึง ขอให้เลือกพักห้องนี้เลยครับ จะจบทุกความฟิน มาพักแล้วไม่มีอะไรค้างคาใจ
ตำแหน่งของห้องอยู่ติดหาด ขนาดห้องกำลังดีกว้างขวาง แบ่งสัดส่วนชัดเจน มีอ่างอาบน้ำ มีส่วน Outdoor Rainshower ไว้ดูดาวได้
 

ดูจากรูปเลยวิวจากหน้าห้องบีชฟร้อนสวีท

และที่ผมชอบมากๆคือการวางเลย์เอ้าห้องที่ไม่ติดกันมากเป็นส่วนตัว  รวมถึงการปลูกต้นไม้หน้าห้องที่สวยงาม
ให้ความรู้สึกแบบรีสอร์ทตามเกาะมัลดีฟส์เลยครับ อันนี้พูดแบบคนที่เคยไปมัลดีฟส์มาหลายครั้งเลยนะครับ 

ฟิลลิ่งมันจะอารมแบบนี้เลย ทรายขาวๆ ต้นไม้พุ่มๆเขียวๆ ตัดกับสีน้ำทะเลฟ้า
แล้วเดินทะลุออกไปทะเล มัลดีฟส์เป็นแบบนี้เลย




มีช่วงว่างวันนึงผมขอพนักงานไปดูห้องแบบระดับสูงสุดคือ Hillside Pool Villa
จำนวนจะมีไม่เยอะมากนัก ตั้งอยู่ด้านบนสุดบนเขา

ส่วนตัวคิดว่าไม่ฟินเท่าห้องสวีท บีชฟร้อน
และค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากส่วนกลางต่างๆของโรงแรม  ...

ข้อดีคือมีความส่วนตัวสูง มีสระส่วนตัวและได้ทะเลมุมสูง 
งานออกแบบยังเป็นแบบเก่าซึ่งคิดว่าไม่ถูกจริตกับนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ๆ เท่าไหร่นัก