มีสายศิลป์มาเรียนจิตวิทยาทุกปีก็เห็นเรียนกันได้ เรียนจิตวิทยาต้องเจอชีววิทยากับสถิติ ไม่ว่าจะเรียนจิตวิทยาสาขาไหนก็ต้องเรียนสถิติทั้งนั้น สถิติเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำวิจัยและมาตรวัด เช่น การแปลงสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรม (เช่น แปลงความสุขให้เป็นตัวเลข 1 - 10) การสร้างแบบทดสอบทางจิตวิทยา การแปลผลจากแบบประเมิน ไม่ว่าจิตวิทยาสาขาไหนก็ต้องเจอสถิติแน่นอน สถิติทำให้จิตวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์ ยิ่งสาขาจิตวิทยาคลินิกยิ่งต้องใช้เยอะกว่าสาขาอื่น สาขาที่เน้นชีววิทยาจะเป็นสาขาประสาทวิทยา สาขานั้นศึกษาโครงสร้างกับการทำงานของสมอง ส่วนสาขาจิตวิทยาคลินิกจะไม่เน้นชีววิทยาขนาดนั้น ออกแนวไปทางจิตเวชศาสตร์ของแพทย์ด้วยซ้ำ

อีกอย่างคือจิตวิทยาต้องอ่านงานวิจัยภาษาอังกฤษเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แทบทุกวิชาต้องอ่านงานวิจัย แล้วอ่านแต่ละทีก็อ่านหลายงานวิจัยด้วย แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป หลายคนตอนเข้าใหม่ก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษ บางคนถึงขั้นเกลียด แต่พอเรียน ๆ ไปจะถูกบังคับให้อ่านภาษาอังกฤษไปจนเก่งขึ้นเอง พออ่านภาษาอังกฤษคล่องแล้วความเกลียดภาษาอังกฤษจะลดลงไปเอง

งานตรงสายของจิตวิทยาการปรึกษาก็คือให้บริการรับการปรึกษาจากคนที่มีปัญหา เช่น ลูกกับพ่อแม่ไม่ลงรอยกันก็มาขอความช่วยเหลือให้ครอบครัวอยู่ร่วมกันได้ หรือบางครั้งรู้สึกว่ามีอะไรกวนใจอยู่แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก็มาพบนักจิตวิทยาการปรึกษาเพื่อให้ดึงเอาสิ่งที่ซ่อนอยู่ออกมา หรือบางเคสก็แค่อยากได้ที่ระบายความรู้สึก อยากมีคนที่รับฟังตัวเองอย่างไม่โต้แย้ง