เรื่องเล่าเตือนคนเลี้ยงน้องหมา และข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าที่ถูกต้อง และการรับผิดชอบค่าเสียหาย

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นต้องขอแจ้งเจตนาก่อนนะคะ เราแชร์เรื่องนี้เพื่อแชร์ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีน การรักษา การแก้ไขปัญหา การตั้งสติรับมือ ความรับผิดชอบที่สมควรกระทำ และขั้นตอนในการดำเนินการต่างๆในมุมมองของเจ้าของหมาค่ะ ผู้ที่เข้ามาอ่านเราอยากให้อ่านจนจบนะคะเพราะจะมีข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนที่เป็นประโยชน์กับทุกคนเลยค่ะ ยิ้ม

น้องหมาของเราเป็นพันธุ์กลางค่อนไปทางเล็ก+อวบๆ น้ำหนักตอนที่เกิดเรื่อง 13kg (ปัจจุบัน 14kg) ความสูงสูงจากพื้นถึงหลังประมาณ 30cm ลำตัวจากหางถึงคอยาวประมาณ 30cm บ้านที่อาศัยมีลักษณะเป็นตึกแถว ชั้นล่างเป็นร้านค้าประเภทคนไม่พลุกพล่านค่ะ น้องหมาอยู่ข้างบนที่เป็นที่พักอาศัยกับเราตลอดเวลา จะมีเฉพาะบางเวลาที่จำเป็นที่ก็ต้องจูงผ่านหรืออุ้มผ่านบริเวณร้านบ้าง เช่นเวลาต้องพาออกไปหาหมอ , พาไปออกกำลังกาย และพาไปอาบน้ำ แต่ไม่บ่อยค่ะประมาณอาทิตย์ละครั้ง

เรื่องความรับผิดชอบทั่วไปเกี่ยวกับการเลี้ยงหมาของเรา หมาของเราได้รับการฝึกปรับพฤติกรรมกับครูฝึกสุนัข ด้วยการฝึกทั้งแบบปรับพฤติกรรมร่วมกับเจ้าของเป็นคอร์ส และการให้น้องหมาไปฝึกแบบอยู่ประจำกับครูเป็นเวลา 2 เดือนเสร็จสิ้นการฝึกเรียบร้อยแล้ว เราเองทราบเรื่องข้อปฏิบัติเมื่อควบคุมน้องหมาเวลาออกนอกสถานที่ และศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมน้องหมาอยู่มากพอควร ดังนั้นทุกครั้งเวลาพาออกข้างนอกบ้านเราจึงใส่สายจูงให้น้องทุกครั้ง เราไม่เคยปล่อยให้น้องหมาเล่นกับคนอื่นที่ไม่รู้จักเลย แม้แต่ญาติพี่น้องที่ยังไม่เคยเจอน้องหมามาก่อนเข้ามาหาที่บ้าน เราก็จะระมัดระวังเป็นอย่างดี เพราะเรากลัวเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด กลัวว่าคนอื่นจะได้รับบาดเจ็บ ที่ต้องเล่าเรื่องนี้เพื่อจะบอกว่าเราเองเป็นคนที่ระวังมากพอสมควร แต่มันก็ยังไม่พอค่ะ อยากเตือนเพื่อนๆว่าความประมาทเพียงนิดเดียว และครั้งเดียวมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ

และแล้วมันก็เกิดขึ้นค่ะ วันที่เกิดเรื่องเรากำลังจะพาน้องหมาออกไปว่ายน้ำ เราอุ้มน้องหมาลงบันไดมาจากชั้นบน (ปกติใส่สายจูงเรียบร้อยจากข้างบนเลย แต่วันนั้นนึกยังไงไม่รู้ ถือสายจูงไว้ในมือแล้วอุ้มน้องลงมา) เมื่อลงมาถึงชั้นล่างดูแล้วว่าไม่มีลูกค้า ก็เลยวางน้องหมาลงนั่งข้างๆบันไดแล้วจึงใส่เชือกจูง ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเลยก็มีลูกค้าท่านนึงเปิดประตูร้านเข้ามาตอนนั้นเรายังใส่เชือกไม่เรียบร้อย เชือกจูงจะเป็นแบบเชือกคล้องคอเฉพาะฝึกสุนัขมันไม่ได้ใส่ยากเลยค่ะ แค่คล้องคอก็ได้แล้ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 วินาที แต่มันคือความประมาทของเราเองที่ไม่ได้คล้องมาให้เรียบร้อยก่อนลงบันไดค่ะ เสี้ยววินาทีนั้นน้องหมาเห็นลูกค้าก็สะบัดเราแล้ววิ่งไปหาเค๊าเลยค่ะ เราก็รีบวิ่งตามไปติดๆ แต่น้องหมาเค๊าวิ่งนำไปก่อน เค๊าวิ่งเลยลูกค้าท่านนั้นไป แบบว่าเบรคไม่ทัน ตัวหมาวิ่งเลยไปแล้วหันกลับ ช่วงที่หันตัวกลับมาน้องหมาก็เห็นลูกค้าอีกคนที่นั่งอยู่บริเวณเก้าอี้อีกฝั่ง ลักษณะเป็นเก้าอี้แถวติดๆกันสองแถวลูกค้าคนนี้นั่งแถวด้านใน ซึ่งตัวเราเองก็เพิ่งเห็นในตอนนั้นเองว่ามีลูกค้าอีกคนนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วก็นั่งอยู่นานแล้ว แต่ตู้โชว์บังทำให้เรามองไม่เห็นถือเป็นความประมาทอีกอย่างค่ะ ในส่วนนี้เราประมาทจริงๆ ที่ไม่ดูให้รอบคอบว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย เรายอมรับความผิดนี้โดยไม่มีข้อโต้แย้งค่ะ

พอน้องหมากลับตัวมาเห็นลูกค้าคนนั้น ก็รีบวิ่งมุดใต้เก้าอี้แถวแรกอย่างรวดเร็วไปปีนตักเค๊า (หมาเราชอบเล่นกับคน) ด้วยความตกใจลูกค้าคนนั้นก็ร้องกรี๊ดแล้วยกขาหลบ เมื่อคนตกใจร้องกรี๊ด หมาก็ตกใจด้วยก็เลยงับเข้าที่น่องด้านหลัง ขณะที่งับ 1 งับ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เราถึงตัวน้องหมาแล้วอุ้มน้องหมาออกพอดี พูดง่ายๆว่าน้องหมาอยู่ตรงนั้นไม่ถึง 5 วินาทีค่ะ (เราดูเวลาเรียบร้อยจากกล้องวงจรปิด) อาการของน้องคือปีนขา ไม่ได้กระโจนใส่ทั้งตัวหรือเข้ากัดแล้วฟัดแบบฉีกกระชากดึงทึ้งใดๆทั้งสิ้น สรุปคือเค๊าได้งับน่องไป 1 งับ เรารีบอุ้มน้องหมาไปเก็บ แล้วเราก็หันมาภาพที่เห็นคือลูกค้าคนนั้นลงไปนั่งอยู่ที่พื้น  **เราได้ย้อนไปดูกล้องวงจรปิดภาพที่เห็นคือ หลังจากที่เค๊ายกขาหลบ เราอุ้มหมาออก เค๊าก็หมุนตัวเอามือทั้งสองข้างเท้าเก้าอี้ หลังจากนั้นก็ค่อยๆหย่อนตัวลงไปนั่งที่พื้นแบบช้าๆค่ะ * หลังจากนั้นเรารีบมาพยุงเค๊าขึ้นและยกมือไหว้ขอโทษเค๊าอยู่หลายครั้ง ทีแรกเค๊ามีทีท่าว่าจะไม่ลุก แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นค่ะเราพาเข้าไปล้างแผลหลังร้าน ลักษณะแค่เดินจูงแขนเฉยๆไม่ได้พยุงหิ้วปีกระหว่างนั้นเค๊าร้องไห้หนักมากๆร้องไห้คร่ำครวญร้องเสียงดังมากๆจนทุกคนในร้านออกมาดูกันหมดเราเข้าใจว่าเค๊าคงตกใจและขวัญเสียมากเพราะถึงน้องหมาตัวเล็ก แต่เค๊าเห่าเสียงดังเพราะเป็นพันธุ์ที่ปากกว้างมากค่ะ

คนเจ็บเป็นคุณป้าผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบกว่าถึงหกสิบปี ระหว่างล้างแผลเราก็ได้เห็นแผลชัดเจน ลักษณะแผลที่เห็นอยู่ที่น้องด้านหลัง เป็นรอยช้ำความกว้างประมาณ 1.5mm 2 จุด คือเป็นรอยบุ๋มสีดำเหมือนงูกัดแต่ไม่เข้า คือน้องหมาพันธุ์นี้ถ้าไปสอบถามผู้ที่เลี้ยงจะเข้าใจค่ะว่าเขี้ยวเค๊าทั้งทู่และสั้น สบฟันก็เกยกัน คือถ้าเค๊าไม่ตั้งใจกัด หรือกัดแบบถนัดๆ จังๆ แรงๆ หรือย้ำๆ จะไม่ค่อยเข้า หรือจะเข้าแบบถลอกๆค่ะ ขนาดพวกผักกาด, ถั่วฝักยาว แครอท หมาพันธุ์นี้ยังกัดหลายทีเลยกว่าจะกัดได้ค่ะ แผลของคุณป้าก็เหมือนกันค่ะ เราเห็นที่ขาเป็นบุ๋มสีดำเล็กๆ(ตามตัวอย่างเหมือนในรูปค่ะ) และมีแผลอีกจุดที่ขาอ่อนด้านหลังใกล้ๆกับบริเวณก้น เป็นรอยถลอกคล้ายโดนเล็บข่วน ตรงนี้จะใหญ่กว่าตรงแรกแต่ไม่ได้ลึกค่ะมีเลือดซึมๆเล็กน้อยเหมือนเวลาเราโดนอะไรซักอย่างข่วนเนื้อ แผลตรงนี้เราเข้าใจว่าโดนเล็บน้องหมาข่วนค่ะ ความกว้างของแผลนี้น่าจะประมาณ 2x3 cm ความลึกแค่ขูดๆค่ะ (ในรูปตัวอย่างนี้เลือดเยอะกว่าแผลจริงค่ะ) ตอนนั้นพอเราเห็นแผลเราก็โล่งใจนิดนึงว่าไม่เป็นอะไรเยอะ แต่ก็คิดว่ายังไงต้องพาคุณป้าไปฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้าค่ะ ตอนนั้นคุณป้าก็ไม่หยุดร้องเลยค่ะ


ล้างแผลเสร็จ เราก็บอกคุณป้าว่า เราต้องขอโทษด้วยจริงๆเราประมาทเอง เราบอกคุณป้าว่าเราเข้าใจว่าคงตกใจมากๆ เราบอกเค๊าว่าแผลไม่ลึกเพื่อให้เค๊าคลายกังวล แล้วแจ้งว่าขออนุญาตพาไปฉีดยา โดยถามด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าปกติคุณป้ารักษาประจำที่รพ.ใด เพราะตัวเราเองก็มีคุณตา, มีแม่ที่อายุมากแล้ว และมีโรคประจำตัวเหมือนกัน เราจึงคิดว่าคนแก่น่าจะมีโรคประจำตัว ควรไป รพ. ที่รักษาอยู่ประจำ เผื่อการฉีดวัคซีน หรือกินยา จะมีผลกับโรคเดิมที่รักษาอยู่ คุณป้าบอกชื่อ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งเราก็เลย รีบพาคุณป้าไปรพ.ด้วยตัวเองค่ะ



ตอนเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่นอกร้านคุณป้าเดินไปได้เอง ลักษณะการเดินคือแค่เดินจูงแขนเฉยๆ ไม่ได้มีการพยุงหิ้วปีกใดๆค่ะ เมื่อถึงรพ.เราจอดรถหน้าทางเข้า เพื่อให้คุณป้าไม่ต้องเดินไกลจากที่จอดรถ คุณป้าก็เดินเข้าไปนั่งรอบริเวณรับแขกของรพ. ได้เอง เมื่อเราจอดรถเสร็จ เราก็เข้ามาขอรถเข็นจากจนท.ไปรับค่ะ ตอนลงทะเบียนกัน จนท.ถามว่าคุณป้ามีสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุ หรือเบิกอะไรได้บ้างคุณป้าไม่ตอบ จนท.จึงถามชื่อและเช็คประวัติ จึงทราบว่าคุณป้าสามารถใช้สิทธิ์ของบริษัทประกันแห่งหนึ่งได้ เรารู้ดังนั้นเราเลยแสดงความสุจริตใจเรื่องการแสดงความรับผิดชอบ เราถามคุณป้าว่าคุณป้ามีประกันจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดอยู่แล้ว  ในส่วนของเราคุณป้าต้องการให้เราชดเชยค่าเสียหายให้อย่างไร คุณป้าแจ้งว่าอยากให้เราจ่ายให้คุณป้าเท่ากับที่บริษัทประกันจ่ายค่ารักษา ซึ่งตอนนั้นเราตกลงไปเพราะตอนนั้นเราคิดว่ามันแฟร์แล้วเพราะถึงแม้คุณป้าจะมีประกันจ่าย แต่วงเงินประกันคุณป้าเค๊าก็ควรจะเก็บไว้ใช้อย่างอื่นที่จำเป็นเหมือนกัน บริษัทประกันเองก็คงไม่จ่ายสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน แต่นั่นทำให้เราเกิดความเครียดในเวลาต่อมาค่ะ

ระหว่างเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน เราอยู่ร่วมด้วยตลอดเวลา ตอนนั้นคุณป้าเรียกลูกมารับที่รพ.แล้ว และได้แจ้งว่าเดี๋ยวกลับกลับลูกได้ แต่ที่เรายังอยู่ด้วยเพราะต้องการแสดงความรับผิดชอบให้เต็มที่ค่ะ ตอนนั้นคุณหมอได้สอบถามประวัติของหมาที่กัด เช่นการได้รับวัคซีนของน้องหมา เราก็ได้ให้ข้อมูลคุณหมอทุกอย่างว่าหมาเราได้รับวัคซีนตามกำหนดถูกต้องทุกประการ สามารถตรวจสอบกับรพส.ได้เลย ถ้าต้องการข้อมูลส่วนใดเรายินดีนำมาให้ทุกอย่าง *จุดนี้สำคัญมากนะคะ ถ้าน้องหมาของคุณไปกัดใครก็ตาม คุณควรเป็นผู้พาคนเจ็บไปรับการรักษาด้วยตัวเอง และแจ้งข้อมูลวัคซีนน้องหมาให้กับคุณหมอ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วน เช่นกัดแล้วเค๊าล้มไหม ถ้าล้ม ล้มจากอะไรสูงแค่ไหน ฯลฯ แจ้งชื่อรพส.ที่น้องหมารับวัคซีนให้กับคุณหมอด้วยค่ะ คุณหมอจะได้ทำการรักษาตามหลักการที่ถูกต้อง และจะไม่มีข้อสงสัยอะไรตามมาค่ะ เพราะการวางแผนการรักษาของคุณหมอจะต้องรักษาตาม Guidelines , หมาอะไรกัด คนไข้เคย หรือไม่เคยรับวัคซีน ฯลฯ คุณหมอจะมีตำราเป็นเวชปฏิบัติที่ชัดเจนมากๆค่ะ สามารถดูอ้างอิงได้จาก paper นี้ได้เลยค่ะ http://data.nvi.go.th/vaccineknowledge/file_download/optional-vaccines/rabies.pdf * 

ต่อนะคะ จากนั้นคุณหมอก็สอบถามคนไข้ว่าเคยได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้ามาก่อนไหม คนไข้มีท่าทีไม่แน่ใจ เราจึงบอกคุณหมอว่าคุณป้าพูดในรถว่าเคยถูกหมากัดเมื่อเดือนที่ผ่านมา (คือคุณป้ามีการพูดบ่นกับตัวเองในรถว่าทำไมเค๊าซวยแบบนี้เพราะเพิ่งโดนหมากัดเมื่อเดือนก่อนนี่โดนอีกแล้ว) คุณหมอจึงได้ไปทำการเช็คประวัติคนไข้ แล้วก็กลับมาแจ้งว่า คนไข้ได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าครบเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ (ในความเป็นจริงตามประวัติคุณป้าที่โรงพยาบาลคือเคยฉีดเมื่อปีก่อนค่ะ ไม่ใช่เดือนก่อนตามที่คุณป้าบ่น) แต่วัคซีนที่เคยรับไปยังอยู่ในระยะที่ป้องกันได้ คุณหมอก็แจ้งแผนการรักษาซึ่งก็คือ ครั้งนี้จะฉีดกระตุ้นวัคซีนให้คุณป้า 2 เข็มและฉีดยาป้องกันบาดทะยักตามจำนวนครั้งที่กำหนดแล้วคุณหมอก็ตรวจดูบาดแผลพร้อมกับแจ้งคุณป้าว่าแผลไม่ลึกมีเลือดซึม ไม่บวมไม่แดงและได้ให้เจ้าหน้าที่ของรพ.ทำการถ่ายรูป และวัดบาดแผลเก็บไว้ในประวัติค่ะ



หลังจากนั้นคุณป้าพูดกับคุณหมอว่าอยากจะขอเอกซ์เรย์เพราะเป็นกังวลว่ากระดูกสะโพกจะแตกหักเนื่องจากได้ตกลงมาจากเก้าอี้ก้นกระแทกพื้นรุนแรง และรู้สึกปวดสะโพกมากๆ คุณหมอซักถามเพิ่มว่าหลังตกลงมายังเดินได้ไหม คุณป้าไม่ตอบ เราเลยตอบแทนว่าแกพอเดินได้ค่ะ สามารถเดินไปขึ้นรถเอง และเดินเข้ามาในรพ.เองได้ค่ะ ตอนนั้นเราตอบตามความจริงแบบไม่ได้คิดอะไรจริงๆค่ะ คุณหมอตรวจเพิ่มด้วยการยกขา จับ,กด ตามท่าตรวจของคุณหมอ คุณป้าก็ไม่ได้มีอาการเจ็บปวดมากขึ้น คุณหมอจึงแจ้งว่า ไม่น่าแตกหักเพราะถ้ามีแตกหัก คนไข้จะเดินไม่ได้ และจะมีอาการปวดมากกว่านี้ ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องเอกซ์เรย์ ตอนนั้นเราได้พูดกับคุณหมอว่าเพื่อความสบายใจถ้าคุณป้าต้องการเอกซ์เรย์ แต่ไม่ได้รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายของประกันเรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองค่ะ *ตอนนั้นความคิดเราเองก็อยากให้เคลียร์ไปเลยว่าวันนี้คุณป้ามีแตกหักหรือไม่* แต่คุณหมอยืนยันว่าไม่จำเป็นก็เลยไม่ได้ทำค่ะ

ต่อมาคุณป้าได้ถามคุณหมอเรื่องกายภาพบำบัดคุณป้าบอกว่าคุณป้าปวดมากอยากจะทำกายภาพนวดประคบ คุณหมอบอกว่าให้พักสักสองวันก่อนเพราะมีแผล หลังจากนั้นลูกคุณป้าไปไปคุยกับเจ้าหน้าที่(เราไม่ได้ไปฟัง) ไปๆมาๆก็มีเจ้าหน้าที่มาเข็นเตียงคุณป้าไปเข้าห้องกายภาพ เราก็ไม่ไ้ดสอบถามอะไรค่ะ เราเดินไปส่งถึงห้องกายภาพแล้วจึงได้ขอตัวกลับ ก่อนกลับเราบอกลูกคุณป้าไปว่าถ้าได้บิลค่าใช้จ่ายแล้วให้แจ้งเราได้เลย และระหว่างนี้ที่ยังต้องกลับมาฉีดยาต่อเนื่องที่รพ. เราขอเป็นผู้ไปรับไปส่งคุณป้าเพื่อให้เราได้แสดงความรับผิดชอบทุกอย่าง โดยสามารถโทรหาเราได้เลยไม่ต้องเกรงใจ (บ้านเราอยู่ไม่ไกลกัน) ถ้าเป็นทางคุณป้าติดต่อมาเราจะรีบเคลียร์งานและไปรับไปส่งแบบไม่อิดออดเลย (แต่ทางคุณป้าก็ไม่ได้เคยโทรมาให้ไปรับนะคะเราเข้าใจว่าคงเกรงใจ) ช่วงเย็นของวันนั้นลูกคุณป้าโทรมาแจ้งว่าเนื่องจากยังต้องมีฉีดวัคซีนต่อเนื่องอีก เลยจะขอเบิกรวมแบบทีเดียวเลย เราก็ตกลงแล้วก็ยังขอโทษไปอีกหลายครั้งเพราะรู้สึกผิดจริงๆค่ะ ลูกคุณป้าก็บอกว่าไม่เป็นไรเพราะรู้ว่าเราก็ไม่ได้ตั้งใจอยากให้เกิดขึ้น

อ่านต่อในความเห็นนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่