สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
มันทำให้หายร้อนจริงๆ ค่ะ วัฒนธรรมทางจีน ญี่ เกา เวียด ที่ที่หนาวและมีการซดน้ำซุปน้ำชา ล้วนซดดังเป็นวัฒนธรรม การซดดังถือเป็นคำชม เป็นมารยาท ถ้าคุณซดเบากลับเป็นการเสียมารยาทแทน
มองกลับมาที่ไทย รุ่นฉันแทบไม่เหลือความเป็นจีนแล้วนอกจากหน้า ไหว้จ้งไหว้เจ้าไม่เป็น เรียกพ่อแม่ ไม่ใช่ป๊าม้าด้วยซ้ำ ส่วนที่ซึมซับมาได้เป็นวัฒนธรรมนี่แหละ ตัวฉันเองต้องดูว่างานนี้บรรยากาศไทย จีน ญี่ปุ่น หรือยังไง ถ้าจีนหรือเข้าร้านญี่ปุ่นก็ซดดังพอประมาณ ถ้าเป็นงานครอบครัวจีนนี่ซดดังยับๆ ถ้าไทยก็กินเงียบๆ ครั้งนึงไปร้านน้ำชาจีนที่ดอยแม่สลอง ฉันกับเจ้าของร้านซดชาเสียงลั่นจนเพื่อนชาวไทยแท้ๆ ตกใจตาโต (คิดภาพก็ยังขำ) น้ำร้อนระดับเกือบเดือด อากาศ -2 ํ อยู่ในร้านชาจีนที่เจ้าของร้านพูดไทยสำเนียงจีน ใครจะไปอดใจไม่ซดดังได้ นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตของเพื่อนฉันที่เพิ่งรู้ว่าโลกนี้มีการซดเสียงดังแล้วสุภาพอยู่ ยังไงนางก็ไม่ยอมซดเสียงดัง เจ้าของชาซดเชิญไปแล้วสามจอก น่าสงสารมากที่นางไม่เข้าใจ ฉันเลยต้องบอกนางว่า การซดไม่มีเสียงมันหยาบคาย เขาเชิญแล้วก็เอาสักหน่อย นางถึงพยายามทำเสียงดังบ้าง เจ้าของร้านก็ยิ้มชอบใจ เราซื้อชาแล้วออกจากร้าน เพื่อนฉันไม่จบ เราถกกันเรื่องการซดดังต่อ นางว่าที่นี่ประเทศไทย ต่อให้เป็นร้านจีน การซดดังยังถือเป็นเรื่องเสียมารยาท มันไม่ถูกต้อง ฉันได้แต่ยิ้ม เข้าใจหัวอกนะ แต่สิ่งที่เรียกว่ามารยาทนั้นขึ้นอยู่กับกาลเทศะ และกาลเทศะก็ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังทำอะไร กับใคร ที่ไหน ทีเข้าร้านไฟน์ไดนิ่งกินคอร์สแพงยังต้องแต่งชุดหรู กินอาหารฝรั่งเศสยังต้องใช้ช้อนจากนอกเข้าใน ไหงเข้าร้านจีนจะซดดังไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าเจ้าของร้านเขาเชิญโดยการเริ่มซดดังเป็นคนแรก การซดเงียบตอบมันเหมือนปรี่เข้าไปตบหน้าเขาชัดๆ
ว่ากันตามทฤษฎีวิทยาศาสตร์เลยนะ การซดเสียงดังเกิดจากการสูบ (?) ทั้งอาหารและอากาศไปพร้อมกัน ลมหายใจของมนุษย์อยู่แถวๆ 30 ํC ทั้งขาเข้าขาออก ไม่ว่าจะเส้นหรือน้ำที่ร้อนมาก เมื่อสัมผัสอากาศที่เย็นกว่า อุณหภูมิย่อมเย็นลงค่ะ อย่างน้อยก็เย็นลงก่อนจะเข้าปาก ถ้าเป่าขณะอยู่ในช้อน คุณต้องเป่าเป็นคำๆ ไป กินเป็นคำๆ ไป การกินจะไม่ต่อเนื่องเหมือนการสูบเสียงดัง ชาถ้วยหนึ่ง ไซส์จอกชาจีน ถ้าคุณเป่าแล้วดื่ม ใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะหมดจอก จิบได้ทีละกระจิ๊ด แต่ถ้าซดเสียงดัง สองหรือสามอึกก็เกลี้ยงแล้ว เรียกว่าดื่มได้อย่างเต็มคำ ความร้อนทำให้กลิ่นชายังหอมอวลอยู่ในปากและคอ น้ำซุปหรือเส้นในน้ำซุปก็เช่นกัน ความร้อนนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งเอนโดรฟินซึ่งเป็นสารที่ให้ความสุขสงบ เขาถึงว่า การดื่มชาร้อนเป็นการเข้าถึงธรรมะในแบบมหายาน (ชาร้านนั้นทำเอาฉันเห็นพระยูไลลอยผ่านหน้าเลย) สำหรับคนไทยแล้ว สิ่งที่เหมือนกันกับการซดน้ำซุปร้อนก็คือพริก แคปไซซินในพริกทำให้ร่างกายเข้าใจว่ามีของร้อนอยู่ในปาก คนเสพติดพริกก็คือเสพติดเอนโดรฟิน น้ำส้มตำแดงฉาน สีน้ำปลาร้ายังกลบไม่มิด เครื่องแกงไทยแท้ล้วนมีพริกเป็นส่วนประกอบหลัก พริกหรือความร้อนนั่นเองเป็นที่มาของความอร่อยอูมามิ แต่พริกมันลดอุณหภูมิไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องซดเสียงดัง ไม่มีอาหารไทยเมนูไหนที่ร้อนจัดและต้องการกินต่อเนื่องเลยสักเมนู ต้มยำร้อนยังไง เราก็ไม่คิดจะซดโฮกมันอยู่แล้ว เป่าในช้อนจึงมากพอ
พูดในฐานะคนซดเสียงดังเป็นนะคะ กับของร้อน ซดแบบจงใจให้เสียงดังมันอร่อย ฟินในอารมณ์ บางทีแฟนของคุณคงรู้จักความอร่อยฟินแบบนี้ มันก็ยากแล้วล่ะที่จะกลับมากินแบบที่อร่อยน้อยกว่า โดยปกติแล้ว พวกของไม่ร้อนมากก็จะซดเบาลงเป็นลำดับ การซดดังก็มีขอบเขตความดังนะ มันไม่มีทางดังทะลุโลกได้หรอก
เสียงซดดังราวๆ 60-80 เดซิเบล ดังพอๆ กับการพูดปกติ เปิดทีวี ซดดังแค่ไหนก็ไม่เกินร้อย เบากว่าเสียงรถยนต์วิ่งผ่านหน้า เสียงเด็กกรี๊ด เสียงคนหูตึงพูด เสียงอาจารย์สอนและคุณนั่งแถวหน้า หรือเบากว่าเสียงนกร้องเสียอีก หากคุณปวดหัวและไมเกรนขึ้นเพราะเสียงดัง ชีวิตคงลำบากไม่น้อย ฉันเชื่อว่าเขากินเบาๆ เป็น เขาควรอำนวยความสะดวกเพื่อเห็นแก่สุขภาพของคุณนะคะ หากเที่ยวซดไปเรื่อยโดยไม่สนกาลเทศะ อันนี้ก็ไม่ดีเหมือนกัน
แต่ถ้าคุณปวดหัว ไม่เกรนขึ้น เพราะหงุดหงิดที่การกินของเขาไม่ถูกใจคุณ ทั้งที่เขาก็ซดดังตามแต่กาลเทศะแล้ว มันก็น่าคิดในอีกแง่มุม
การให้คนอื่นเปลี่ยนตามใจตน ก็ยากพอๆ กับให้คุณเปลี่ยนไปตามใจเขาล่ะ
ก็ทำนองนี้ ลองพิจารณาดูนะคะ
มองกลับมาที่ไทย รุ่นฉันแทบไม่เหลือความเป็นจีนแล้วนอกจากหน้า ไหว้จ้งไหว้เจ้าไม่เป็น เรียกพ่อแม่ ไม่ใช่ป๊าม้าด้วยซ้ำ ส่วนที่ซึมซับมาได้เป็นวัฒนธรรมนี่แหละ ตัวฉันเองต้องดูว่างานนี้บรรยากาศไทย จีน ญี่ปุ่น หรือยังไง ถ้าจีนหรือเข้าร้านญี่ปุ่นก็ซดดังพอประมาณ ถ้าเป็นงานครอบครัวจีนนี่ซดดังยับๆ ถ้าไทยก็กินเงียบๆ ครั้งนึงไปร้านน้ำชาจีนที่ดอยแม่สลอง ฉันกับเจ้าของร้านซดชาเสียงลั่นจนเพื่อนชาวไทยแท้ๆ ตกใจตาโต (คิดภาพก็ยังขำ) น้ำร้อนระดับเกือบเดือด อากาศ -2 ํ อยู่ในร้านชาจีนที่เจ้าของร้านพูดไทยสำเนียงจีน ใครจะไปอดใจไม่ซดดังได้ นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตของเพื่อนฉันที่เพิ่งรู้ว่าโลกนี้มีการซดเสียงดังแล้วสุภาพอยู่ ยังไงนางก็ไม่ยอมซดเสียงดัง เจ้าของชาซดเชิญไปแล้วสามจอก น่าสงสารมากที่นางไม่เข้าใจ ฉันเลยต้องบอกนางว่า การซดไม่มีเสียงมันหยาบคาย เขาเชิญแล้วก็เอาสักหน่อย นางถึงพยายามทำเสียงดังบ้าง เจ้าของร้านก็ยิ้มชอบใจ เราซื้อชาแล้วออกจากร้าน เพื่อนฉันไม่จบ เราถกกันเรื่องการซดดังต่อ นางว่าที่นี่ประเทศไทย ต่อให้เป็นร้านจีน การซดดังยังถือเป็นเรื่องเสียมารยาท มันไม่ถูกต้อง ฉันได้แต่ยิ้ม เข้าใจหัวอกนะ แต่สิ่งที่เรียกว่ามารยาทนั้นขึ้นอยู่กับกาลเทศะ และกาลเทศะก็ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังทำอะไร กับใคร ที่ไหน ทีเข้าร้านไฟน์ไดนิ่งกินคอร์สแพงยังต้องแต่งชุดหรู กินอาหารฝรั่งเศสยังต้องใช้ช้อนจากนอกเข้าใน ไหงเข้าร้านจีนจะซดดังไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าเจ้าของร้านเขาเชิญโดยการเริ่มซดดังเป็นคนแรก การซดเงียบตอบมันเหมือนปรี่เข้าไปตบหน้าเขาชัดๆ
ว่ากันตามทฤษฎีวิทยาศาสตร์เลยนะ การซดเสียงดังเกิดจากการสูบ (?) ทั้งอาหารและอากาศไปพร้อมกัน ลมหายใจของมนุษย์อยู่แถวๆ 30 ํC ทั้งขาเข้าขาออก ไม่ว่าจะเส้นหรือน้ำที่ร้อนมาก เมื่อสัมผัสอากาศที่เย็นกว่า อุณหภูมิย่อมเย็นลงค่ะ อย่างน้อยก็เย็นลงก่อนจะเข้าปาก ถ้าเป่าขณะอยู่ในช้อน คุณต้องเป่าเป็นคำๆ ไป กินเป็นคำๆ ไป การกินจะไม่ต่อเนื่องเหมือนการสูบเสียงดัง ชาถ้วยหนึ่ง ไซส์จอกชาจีน ถ้าคุณเป่าแล้วดื่ม ใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะหมดจอก จิบได้ทีละกระจิ๊ด แต่ถ้าซดเสียงดัง สองหรือสามอึกก็เกลี้ยงแล้ว เรียกว่าดื่มได้อย่างเต็มคำ ความร้อนทำให้กลิ่นชายังหอมอวลอยู่ในปากและคอ น้ำซุปหรือเส้นในน้ำซุปก็เช่นกัน ความร้อนนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งเอนโดรฟินซึ่งเป็นสารที่ให้ความสุขสงบ เขาถึงว่า การดื่มชาร้อนเป็นการเข้าถึงธรรมะในแบบมหายาน (ชาร้านนั้นทำเอาฉันเห็นพระยูไลลอยผ่านหน้าเลย) สำหรับคนไทยแล้ว สิ่งที่เหมือนกันกับการซดน้ำซุปร้อนก็คือพริก แคปไซซินในพริกทำให้ร่างกายเข้าใจว่ามีของร้อนอยู่ในปาก คนเสพติดพริกก็คือเสพติดเอนโดรฟิน น้ำส้มตำแดงฉาน สีน้ำปลาร้ายังกลบไม่มิด เครื่องแกงไทยแท้ล้วนมีพริกเป็นส่วนประกอบหลัก พริกหรือความร้อนนั่นเองเป็นที่มาของความอร่อยอูมามิ แต่พริกมันลดอุณหภูมิไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องซดเสียงดัง ไม่มีอาหารไทยเมนูไหนที่ร้อนจัดและต้องการกินต่อเนื่องเลยสักเมนู ต้มยำร้อนยังไง เราก็ไม่คิดจะซดโฮกมันอยู่แล้ว เป่าในช้อนจึงมากพอ
พูดในฐานะคนซดเสียงดังเป็นนะคะ กับของร้อน ซดแบบจงใจให้เสียงดังมันอร่อย ฟินในอารมณ์ บางทีแฟนของคุณคงรู้จักความอร่อยฟินแบบนี้ มันก็ยากแล้วล่ะที่จะกลับมากินแบบที่อร่อยน้อยกว่า โดยปกติแล้ว พวกของไม่ร้อนมากก็จะซดเบาลงเป็นลำดับ การซดดังก็มีขอบเขตความดังนะ มันไม่มีทางดังทะลุโลกได้หรอก
เสียงซดดังราวๆ 60-80 เดซิเบล ดังพอๆ กับการพูดปกติ เปิดทีวี ซดดังแค่ไหนก็ไม่เกินร้อย เบากว่าเสียงรถยนต์วิ่งผ่านหน้า เสียงเด็กกรี๊ด เสียงคนหูตึงพูด เสียงอาจารย์สอนและคุณนั่งแถวหน้า หรือเบากว่าเสียงนกร้องเสียอีก หากคุณปวดหัวและไมเกรนขึ้นเพราะเสียงดัง ชีวิตคงลำบากไม่น้อย ฉันเชื่อว่าเขากินเบาๆ เป็น เขาควรอำนวยความสะดวกเพื่อเห็นแก่สุขภาพของคุณนะคะ หากเที่ยวซดไปเรื่อยโดยไม่สนกาลเทศะ อันนี้ก็ไม่ดีเหมือนกัน
แต่ถ้าคุณปวดหัว ไม่เกรนขึ้น เพราะหงุดหงิดที่การกินของเขาไม่ถูกใจคุณ ทั้งที่เขาก็ซดดังตามแต่กาลเทศะแล้ว มันก็น่าคิดในอีกแง่มุม
การให้คนอื่นเปลี่ยนตามใจตน ก็ยากพอๆ กับให้คุณเปลี่ยนไปตามใจเขาล่ะ
ก็ทำนองนี้ ลองพิจารณาดูนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ใครมีปัญหาเรื่อง รำคาญเสียงซดเส้น ดูดเส้น แบบเราบ้างคะ