อุบัติเหตุ จะเกิดได้กี่ครั้ง และกี่ครั้งที่จะมีโอกาศมาเล่าให้คนอื่นๆได้ฟัง

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเช้า 24/6/2020 ปกติ ผมขับรถยนต์ และจักรยานยนต์ แต่จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นหลัก คือเจ้า CB500X โดยเรื่องที่เกิดคือ เมื่อเช้าขับรถ Step 125 รถจักรยานยนต์เล็กไปซื้อของเล็กๆน้อยๆ พอออกรถก็ล้มเลยแบบไม่ตั้งตัว มือเจ็บ เข่าเจ็บ เท้าเจ็บ แต่ยังโชคดี เพราะปกติผมใส่อุปกรณ์ขับขี่ ถุงมือ หมวก เสื้อคลุม นี่ขนาดใส่ถุงมือหนังยังเจ็บมือเลย เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผม นึกถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุ ที่จะเคยเกิดขึ้นมาในชีวิต มีกี่ครั้งที่ร้ายแรงกับเราบ้าง 
                เหตุการณ์แรกตั้งแต่ ขวบเกือบ 2 ขวบ หลายคนคงถามว่าจำได้ ได้ยังไง?? เหตุการณ์คือ ตอนนั้นอยู่บ้านคุณปู่เป็นบ้านพักรถไฟแถวบางซื่อ แล้วห้องน้ำนั้น มีการฝั่งถังลงไปในพื้น ถังน้ำหรือกระป๋องน้ำไม่ใหญ่มากถ้าเป็นผู้ใหญ่ คงเหยียบตกลงไปแค่ครึ่งหน้าแข้ง แต่เราเด็กไง ประมาณเกือบ 2 ขวบ ไปนั่งเล่นน้ำแต่น่าจะลื่น หัวทิ่มลงไป  เวลาไม่นาน คุณลุงที่อยู่บ้านเดียวกัน มาดึงขาขึ้น รอดตายหวุดหวิด และภาพที่ติดตา มาจนถึงตอนนี้ คือ ความมืด และฟองอากาศลอยเต็มหน้า อาการแสบจมูก สำลักน้ำ หายใจไม่ออก ความรู้สึกและภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นแบบ อัตโนมัติ เวลาสำลักน้ำ (เหตุการณ์นี้ น่าจะย้ำเตือนผู้ปกครองที่ดูแล บุตรหลานเด็กเล็ก อย่าให้คลาดสายตานะครับ ) และผมกลัวน้ำไปเลย ว่ายน้ำไม่เป็น อิอิ
                 เหตุการณ์ที่2 อายุประมาณ 16 ปี เหตุเกิดที่จังหวัดสงขลา ปิดเทอมตอน ม.4 ไปบ้านเพื่อนที่ระโนด สงขลา คุณพ่อเพื่อนเป็นตำรวจ เลยทิ้งรถไว้ให้เป็นรถกระบะ อิซูซุ แคป หลังคาแครี่บอย เหตุการณ์วันนั้นเป็นตอนเช้า ผม เพื่อนอาร์ม(ลูกเจ้าของรถ) และเพื่อนเพชร ผมเป็นคนขับ วัยรุ่นคึกคะนอง ห้าว กวนทีนมาก คนหนึ่ง   ถนนที่นั้นเป็นถนน 2 เลน วิ่งสวนกัน ตอนนั้นผมสูบบุหรี่ ในรถและขับไปด้วย เพื่อนอาร์มด่าผมเพราะเดี๋ยวเหม็นติดรถเดี๋ยวพ่อรู้ ด้วยความกวนทีนของผม ผมจึงยื่นบุหรี่ไปให้เพื่อนและก้มไปที่พื้นเพื่อจะทิ้งบุหรี่แบบกวนๆเฉยๆ เพื่อนเพชรนั้งกลางที่แคปอ่านหนังสืออยู่ ศอกเท้าที่เบาะของคนนั่ง และคนขับ พูดว่า ศาลา และก็ ศาลา ผมจึงกลับมามองที่ถนน ข้างหน้า คือศาลา ริมถนน จะชนแล้ว เชี้ยแล้ว ขณะนั้นรถวิ่งความเร็ว 120 กม./ชม. ผมหักขวาเพื่อหลบศาลา และเพื่อนเพชรก็ตะโกนว่า เสาไฟฟ้า  ผมจึงหักซ้ายอีกที และเหยียบเบรค รถสไลต์ลงข้างทาง ไปชนต้นไม้ ภาพขณะนั้น ฝุ่นตลบ กระจกหน้าดัง ปุ และร้าวเป็นแนววิ่งตลอดทั้งบาน และตนไม้ที่ชนปลายหักมา ทับกระจกดัง ตุบ กระจกแตกละเอียดตามด้วยรังมดแดง(คือตอนที่ผมก้มลงไปทำให้รถแถ ลงซ้าย เกือบชนศาลา ข้างทาง และรถขับ ด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. ทำให้รถพุ่งไปอีกฝั่งเลยเจอเสาไฟฟ้าจึงหักหลบอีกที)
ผมและเพื่อนลงจากรถขึ้นมาข้างทาง ถนนแถวนั้นไม่มีบ้านคนเลย แต่เชื่อมั้ยตอนขึ้นมา คนเต็มถนนเลย และมีพี่คนคนนึงบอกผมว่า น้องๆ หูวว เลือดไล้ (ภาษาใต้) ผมเลยจับไปที่หู โอ้วๆๆๆ เลือด จริงๆด้วย ตอนนั้น ความห้าว ความกวนทีน ความคะนอง หายสิ้น กลัวตายแทน แทบร้อง นึกว่าหูขาด และพี่คนนั้นก็บอกอีกว่า น้องๆ ไมช่าย ไมช่าย หู และชี้ที่หัว หัว หัว ความรู้สึก เชี้ยกว่าหูขาดอีก ผมจึงเอามือจับไปที่หัว ผมหลุดเป็นกำเลย พร้อมชุ่มเลือด ใจผมตอนนั้นแบบหน้าซีดกลัวตาย คิดต่างๆนานา พี่คนที่ทัก เลยให้ผมซ้อนรถไปอนามัยเพื่อ ทำแผล พอถึงอนามัย นางพยาบาลมาดูแผลและ หัวเราะ และบอกว่า แผลเท่าหัวไม่ขีด คือเสดกระจก บาดหัว และบาดผม ทำให้ผมขาดเป็นกระจุก แผลบาดทำให้เลือดไหล ใส่เบตาดีน 1 หยด  
สิ่งที่เกิดขึ้นคือความคะนอง ไม่มีความคิด ทำให้เพื่อน ครอบครัวเพื่อนเดือดร้อน ถ้าวันนั้นมีความสูญเสียเกิดขึ้นหละ จะเป็นอย่างไร เหตุการณ์นี้เตือนใจวัยรุ่นหลายๆคนที่ห้าว มั่นใจ คะนอง ให้คิดตระหนัก ระวังให้ดี ต้องมีสติ คิดถึงผลที่จะตามมาเสมอ 
**ผมขอ โทษ และ ขอบคุณคุณพ่อเพื่อนอาร์มที่ไม่เอาเรื่องและค่าเสียหายที่เกิดขึ้น และผมเสียใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนถึงทุกวันนี้**
                 เหตุการณ์ที่ 3 เหตุการณ์เกิดหลังจากเรื่องที่แล้ว 2 วัน พวกเรากลับจาก สงขลา มาถึง กทม. แล้ว ผมและเพื่อนอาร์มไปหาพี่ ที่รู้จัก ที่โรงเรียนพาณิชสุโขทัย แถวๆ ซังฮี้ ขับรถซ้อนสามออกมากัน ไปแถวถนนสามเสน วนไปมา ขากลับ พอมาติดไฟแดงแยกเกียกกาย ผมคนหลังสุด เพื่อนอาร์นั่งกลาง พี่คนขับ สงสัยเห็นสาวข้ามถนน ไฟเขียวแกยกล้อเลย ผมหลังสุดไม่ได้เกาะไรเลย หงายสิครับ ตกกลางแยก เข่า ศอก ขูดพื้น ดีหัวไม่ฟาด อย่างอาย รถคว่ำที่ใต้แล้ว กลับมาเจ็บตัวอีก แผลนั้น ทรมาณ มาก เป็น 2 อาทิตย์ระบมมาก (เรื่องนี้แม้เป็นคนซ้อนต้องใช้สติด้วยอย่าเผลอเด็ดขาด)
                เหตุการณ์ที่ 4 ผมเข้ามหาวิทยาลัย ขับรถยนต์ไปเรียนตลอดไม่เคยเกิดอุบัติเหตุแรงๆเลย กินเหล้าทุกวัน เมาทุกวัน ตรอกข้าวสาร ต่อบางแสน กลับมาอาบน้ำไปเรียน RCA บริทคลับ สีลม ธรรมศาสตร์ อตก ไปหมด เด็กยุค 90 ครับ พอมาปี 4 ขอป๊าซื้อ จักรยานยนต์ เพราะจะต้องไปทำงานที่สีลมตอนเรียนจบ  เลยซื้อ NC30(VFR400) พอมาขับจักรยายนยนต์ เลิกดื่มเลย ไปเที่ยวนี่ชงโค๊กโซดา เดินชนทั้งร้าน เมาดิบไป เพราะกลัวตาย มาเข้าที่อุบัติเหตุดีกว่า ตอนนั้นผมมีแฟนผมจะไปหาบ้านแฟนอยู่โกสุม ดอนเมือง บ้านผมอยู่ลำลูกกาคลอง 2 ปกติผมจะออกวิภา กลับรถเข้าเบี่ยง โลคัลโรด เพื่อเข้าโกสุม แต่วันนั้นขับรถไปทางพหลโยธิน ออกวงเวียนบางเขน ไปแจ้งวัฒนะ กลับรถ และเข้า โลคัลโรด ที่ ไอทีสแควร์ (สมัยนั้ยผมขับเร็มมาก สุดทุกเกียร์ จากเซ็นทรัลลาดพร้าวมาดอนเมืองขับไม่ถึง 10 นาที ) พอเทโค้งเลี้ยวจากแยกไอทีสแควร์(ตอนนั้นยังเป็นหลักสี่พลาซ่า กำลัง ปรับปรุงเป็นไอทีแคร์) เช่นเคย 1 ตัด 2 ตัด พอเกียร์ 3 ผมเห็นกระบะชิดขวาเลนสวนไม่เปิดไฟ และแล้ว เลี้ยวทันที ผมกดเบรค  แต่คิดว่าไม่อยู่แน่ จึงเติมคันเร่งเทขวาเพื่อหลบ แต่ไม่พ้นภาพคือ กันชนท้ายรถกระบะ ผมก้มหัว ปล่อยมือ ชนเลย รถชนผมลอยข้ามกระบะไป เชื่อมั้ยภาพในสมองเหมือนในหนังเลย ภาพพ่อ แม่ พี่ น้อง และแฟน รีรัน ในสมองเลย จากนั้นผมลงกระแทกพื้น หัวลง ศอกไถลไปกับพื้นถนน อย่างแสบผมจึงพลิกกลิ้งตัวไปตามแรงเพื่อลดการเสียดสีที่พื้น จนตัวหยุดนิ่ง ที่พื้น ตอนไถลผมมองเห็นรถตัวเองหมุนอยู่กลางถนนและรถบัสสายการบินหนึ่ง มาเหยียบรถผมต่อหน้าเลย จากนั้นผมตั้งสติลุกขึ้น เดินไปที่รถ มีแว๊ปนึงผมคิดว่าไม่เจ็บเลยหรอรถชนนะ ผมกลั้นใจหันไปมองว่าผมยังนอน อยู่ตรงนั้นหรือเปล่า  โล่งใจไม่มี ผมถอดหมวก ถอดถุงมือ และเจ็บที่ศอกเท่านั้น เชื่อมั้ย วินวัดหลักสี่วิ่งมาทั้งวิน ไม่ถามผมว่าเป็นอะไรมั้ย ถามผมว่าแขวนพระอะไร ผมนี่ตอบไม่ถูกเลย ผมไม่ได้ใส่พระอะไรเลย คงเป็นหลวงพ่อ SHOEI กับตระกรุด ถุงมือ และ กระเป๋าคาดเอว ผมยืนอยู่ที่ซากรถ สักพักพี่ตำรวจมา ถ่ายรูป มูลนิธิฯ มา พี่ตำรวจคนที่ยืนจดอะไรอยู่ที่ซากรถ หันมาถามผม คับขับไปโรงพยาบาลแล้วใช่มั้ย  ผมบอกพี่ตำรวจว่าผมนี่แหละคนขับ พี่แกหน้าเหว๋อเลยแบบตะลึงๆ คนขับกระบะรับผิดไม่มีประกัน ที่สำคัญคนขับกระบะตาบอด 1 ข้าง(เป็นช่างเชื่อมเหล็กในไซร้งาน) บอกมองไม่เห็นผม และไปโรงพัก พี่รถบัสสายการบินไม่ติดใจ ให้ปากคำก็กลับไป คนขับกระบะโดนปรับ 400 และข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ ผมต้องฟ้องร้องเอง และไม่ได้อะไรเลยเสียรถไป1คันฟรีๆ ผลจากอุบัติเหตุวันนั้น ผมไปทำแผลถลอกที่ศอกบอก ตามตรง ตอนล้างแผลโครตเจ็บ เจ็บกว่าตอนไถลอีก นางพยาบาล เอาก้านสำลี ชุป เบตาดีนแล้วถูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ้ววววแสบมาก และผม ตัวบวม ช้ำในไปประมาณ อาทิตย์กว่าๆ 
**(ที่ไม่เป็นอะไรมาก 1 หมวก 2 ถุงมือ 3 กระเป๋าคาดเอว ตอนไถลไปกับพื้น ตัวกิ๊ปล็อคของกระเป๋าคาดเอวและสายรองหลังไว้ขณะไถลไปกับพื้น คือที่ล็อคและสายเป็นรอยไหม้รอยขูดแทบเป็นเนื้อเดียวกัน อีกอย่างการเรียนรู้ในการขับรถ แต่ก่อนอาศัยพี่ในกลุ่มสอน เวลาชนทำอย่างไร ล้มแล้วทำอย่างไร เพื่อลดอาการบาดเจ็บ ที่สำคัญคือสติ ครับ)**
           เหตุการณ์ที่ 5 ผ่านมาประมาณ 3 - 4 ปี ตอนนั้นใช้รถ CB500f ไปบรีฟงานให้น้องทำกราฟฟิก ที่คลองหลวง และต้องกลับมาพรีเซนต์พิธีเปิดงานที่กระทรวงพาณิชย์ เวลาประมาณ 15.00 น. ผมขับรถอย่างถูกกฎ ขับไม่เกิน 80 ชิดซ้าย(ปกติขับขวาซัดยาวๆ) ขับไปก็คิดทบทวบเรื่องพรีเซนต์ ไป และทันใดนั้น รถยาริสสีขาว แซงผมและเปิดไฟเลี้ยวซ้ายทันที ผมไม่มีเวลาให้เบรคเลยชนเต็มๆ มือขวาอัดเข้าไฟท้ายเต็มๆ และตัวกับรถสบัดเข้าฟุตบาท เจ็บขา มือชา เพราะแรงกระแทก แต่โชคดีเดินได้ปกติ คาร์บอนการ์ดถุงมือที่นิ้วก้อยแตกเลย โชดดีอีกหมวกถุงมือช่วยไว้อีกครั้ง น้องผู้หญิงคนขับ ลงมาขอโทษ บอกว่าอยากล้างรถเห็นคาร์แคร์พอดีเลยเลี้ยวเลย มองไม่เห็นผม ประกันชั้น 1 เคลีย์ ไป คนในคาร์แคร์วิ่งมาดูทะเบียนรถและถามผมว่าใส่พระอะไร และออกแน่ทะเบียนรถผม (2เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผม คนไทยจริงๆ) ผมจึงโทรหาแฟนมารับไปพรีเซนต์งานต่อ แบบเจ็บๆ 

***ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ที่รอดมาได้ ไม่เป็นอะไรมาก อาจจะไม่ถึงคาด โชคดี แต่ ผมอยากบอกว่า การขับรถทุกประเภท ต้องตั้งสติ คิดให้รอบด้าน เดาใจคันอื่น อย่าขับเร็วเกินไป เอาที่คุมได้ และเครื่องแต่งกายในการขับรถจักรยานยนต์ต้อง มีนะครับลดอาการบาดเจ็บได้ ผมแค่ล้มเมื่อเช้ายังเจ็บมาก เลย  พี่ๆ น้องๆ อ่านแล้วก็คิดตามบอกเพื่อน เตือนคนรู้จัก หลายๆคนเกิดอุบัติเหตุ รอดมาเล่า หลายคนไม่รอด หรือไม่รอดแต่ไม่ปกติ  ขับรถอย่าประมาทกันครับผม เป็นแผลมันเจ็บนะ ***
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่