รางวัล Ballon d'Or เป็นรางวัลที่จะมอบให้นักเตะที่มีผลงานที่ดีที่สุดในรอบปี วันนี้ Wannabe Football ขอเสนอ 7นักเตะที่คุณอาจจะไม่รู้ว่าเคยเข้าชิงรางวัล Ballon d'Or
1.คริส 2006 Ballon d'Or
อดีตปราการหลังทีมชาติบราซิลที่ค้าแข้งกับ Olympique Lyonnais ในฝรั่งเศสมายาวนานถึง8ปี ซึ่งช่วงที่คริสค้าแข้งอยู่กับทีม ช่วงนั้นนับว่าเป็นยุครุ่งเรืองของสโมสร โดยเฉพาะฤดูกาล 2005-06 ที่คริสพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง จูนิญโญ่ เอริก อบิดัลและคาริม เบนเซม่าที่กำลังเป็นดาวรุ่งอยู่ในขณะนั้น พาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกเอิงและในรายการ Uefa Champions League คริสและเพื่อนร่วมทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับ Real Madrid และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการชนะห้านัดเสมออีกหนึ่งไม่แพ้ใครเลยรวมถึงการเปิดรังเหย้าอัด “ราชัดชุดขาว” ไป 3-0 เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ก่อนจะต้องถูกเขี่ยตกรอบในรอบ 8ทีมสุดท้าย รวมถึงการติดทีมยอดเยี่ยมของลีกอีกด้วย คริสฟอร์มดีจนทำให้ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ แปร์ไรร่า โค้ชทีมชาติบราซิลในขณะนั้นเรียกตัวไปติดทีมชาติลุยฟุตบอลโลกปี 2006ที่ประเทศเยอรมันเป็นเจ้าภาพ อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกมากนักที่นักเตะฟอร์มดีของ Olympique Lyonnais จะมีชื่อติดโผเข้าชิง Ballon d'Or เพราะเพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง จูนิญโญ่ เกรกอรี คูเปต์ และฟลอร็อง มาลูด้า ต่างก็มีชื่อเข้าชิงเช่นกัน
2.เอมานูเอล โอลิซาเดเบ้ 2001 Ballon d'Or
ก่อนที่โปแลนด์จะมีเครื่องจักรสังหารประตูอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เคยมีกองหน้าชาวไนจีเรียที่โอนสัญชาติมาติดทีมชาติอย่างเอมานูเอล โอลิซาเดเบ้ ที่ย้ายไปค้าแข้งกับ Polonia Warsaw ทีมเก่าแก่ของลีกโปแลนด์ โดยในฤดูกาล 1999-00 โอลิซาเบ้ งัดฟอร์มเทพทำไป12ประตูและพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ หลังจากค้าแข้งกับทีมนานสามปี เจ้าตัวได้รับสัญชาติโปแลนด์และในช่วงปี 2000เขาถูกโค้ชของทีมอย่าง เจอร์ซี่ เองเกิลที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโค้ชทีมชาติโปแลนด์เพื่อลุยฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก กองหน้าผิวดำคนแรกของโปแลนด์ไม่ทำให้ทีมชาติต้องผิดหวัง ด้วยการยิงไปถึง8ลูกในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกจนพาโปแลนด์ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ และย้ายไปอยู่กับพานาธิไนกอสทีมยักษ์ใหญ่ของกรีซ นอกจากนั้นเขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโปแลนด์ประจำปี2001จนมีชื่อเข้าชิง Ballon d'Orประจำปีนั้นอีกด้วย โดยเขาได้รับการโหวตสองเสียง มากกว่านักเตะอย่างโรแบร์โต้ บาจโจ้ สตีเว่น เจอร์ราร์ดและรุย คอสต้า
ก่อนที่จะไปลุยฟุตบอลโลกกับทีมชาติโปแลนด์ที่อยู่ร่วมกลุ่มกับเจ้าภาพอย่างเกาหลีใต้ โปรตุเกสและสหรัฐอเมริกา แม้สองนัดแรกจะพบกับความพ่ายแพ้แต่ในนัดที่เจอกับสหรัฐพวกเขาเอาชนะไป3-1และ
โอลิซาเดเบ้ยังเป็นคนยิงประตูแรกให้โปแลนด์ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้อีกด้วย
3.นิกอส มัคลาส 1998 Ballon d'Or
กองหน้าชาวกรีซที่เริ่มต้นการอาชีพการค้าแข้งกับทีมในลีกบ้านเกิดอย่าง OFI Crete รวมถึงเป็นหนึ่งในขุนพลของทีมชาติกรีซไปลุยฟุตบอลโลก 1994 ในวัยเพียง 20ปี ก่อนจะย้ายไปสร้างชื่อกับ Vitesse ในลีกแดน
”กังหันลม” โดยมัคลาสมาดังพลุแตกในฤดูกาล 1997-98 ที่ตัวเขาทำไป34ประตูจากการลงเล่นเพียง 32นัด
ในลีกทำให้มัคลาส คว้าดาวซัลโวลีกและได้รางวัลรองเท้าทองคำยุโรป (European Golden Shoe) ประจำปี 1998 รางวัลที่นักเตะชื่อดังอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้และลิโอเนล เมสซี่เคยได้รับอย่างนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะมีชื่อเข้าชิง Ballon d'Or ในปีนั้น โดยมัคลาสได้รับเสียงโหวตหนึ่งเสียง มากกว่านักเตะชื่อดังอย่าง พาเวล เนดเวด ฟาบีโอ คานาวาโร่ และอังเดร เชฟเชนโก้ หลังจากนั้นเขาย้ายไปอยู่กับ Ajaxและคว้าแชมป์ลีกไปหนึ่งสมัย รวมถึงSevillaทีมดังของลาลีก้าสเปนเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะย้ายกลับไปลีกบ้านเกิด
4.ดาเนี่ยล อโมคาชี่ 1995 Ballon d'Or
หลายๆท่านที่เคยเล่นวินนิ่งน่าจะจำอดีตศูนย์หน้าทีมชาติไนจีเรียได้อย่างแน่นอน เขาคือยอดกองหน้าชาวไนจีเรียที่วิ่งเร็วและยิงคมอันดับต้นๆของเกม นักเตะเจ้าของฉายา “ไอ้กระทิง” (The Bull) ที่กำลังค้าแข้งกับทีม Ranchers Bees ในลีกบ้านเกิด ในขณะนั้นถูกโค้ชทีมชาติไนจีเรียในขณะนั้นอย่าง เคลมองส์ เวสเตอร์ฮอฟ เรียกตัวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ในวัยเพียง 18ปี เพื่อไปลุยศึก African Nations Cup ปี 1990 ก่อนจะย้ายไปอยู่เบลเยี่ยมกับ คลับ บรูจจ์ ในปีเดียวกัน สี่ปีต่อมาอโมโคชี่พาไนจีเรียคว้าแชมป์ African Nations Cup ปี 1994 ในปีเดียวกันเขามีโอกาสติดทีมชาติไปฟุตบอลโลกปี 1994 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทีมชาติไนจีเรีย อโมคาชี่ทำไปสองประตู โดยแบ่งเป็นการยิงทีมชาติบัลแกเรียและกรีซ ทีมละประตู ก่อนจะคว้าแชมป์กลุ่มD เข้าไปพบกับทีมชาติอิตาลีในรอบ16ทีมสุดท้ายก่อนจะพ่ายแพ้ไป 1-2หลังจากการต่อเวลาพิเศษ หลังจากการทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมทั้งกับสโมสรและทีมชาติ ดาวยิงชาวไนจีเรียย้ายไปอยู่กับทีมดังแห่งเมอร์ซีย์ไซด์อย่าง Everton ด้วยค่าตัวสามล้านปอนด์ ในถิ่นกู้ดดิสัน พาร์ค เขาพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพและแชร์ริตี้ ชิลด์ ในปี 1995 นี้เองที่
ดาเนี่ยล อโมคาชี่ มีชื่อเข้าชิง Ballon d'Or แต่น่าเสียดายที่ตัวเขาเองไม่ได้เสียงโหวตแม้แต่เสียงเดียว ในปีต่อมาเขาถูกเรียกติดทีมชาติอีกครั้ง ในรายการโอลิมปิก เกมส์ปี 1996 ร่วมกับ เอ็นวานโก้ คานูและ เจย์ เจย์ โอโคชา ทีมชาติไนจีเรียสามารถคว้าเหรียญทองกลับประเทศอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากสองฤดูกาลในเกาะอังกฤษ เขาย้ายทีมอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นยอดทีมลีก “ไก่งวง”อย่าง Beşiktaş ก่อนที่จะจบอาชีพการค้าแข้งด้วยอาการบาดเจ็บที่มีติดตัวตั้งแต่ช่วงฟุตบอลโลกปี 1998 เขาพยายามหาสโมสรเพื่อจะเล่นฟุตบอลต่อไป แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้ยากแก่การลงเล่นต่อ ในปี 2002 Colorado Rapids เซ็นสัญญากับอโมคาชี่ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้ถูกยกเลิกสัญญาในที่สุด
5.เบนท์ สคัมเมลซุลด์ 1997 Ballon d'Or
ดาวเตะชาวนอร์เวย์ที่เป็นตำนานของสโมสรยักษ์ใหญ่ในลีกบ้านเกิดอย่าง Rosenborg ที่คว้าแชมป์ลีกกับสโมสรได้ถึง 11สมัยติดต่อกันและพาทีมไปเล่นบอลถ้วยยุโรปได้แทบทุกปี ตัวเขาเองลงเล่นให้กับสโมสรไปมากกว่า 357นัด จุดพีคของเขาคงต้องเป็นใน ฤดูกาล 1997 ที่สคัมเมลซุลด์ได้รับรางวัลมิดฟิลด์ยอดเยี่ยมลีกนอร์เวย์ และถูกเสนอชื่อเข้าชิง Ballon d'Or ในปีเดียวกันและได้รับการเสียงโหวตหนึ่งเสียง
เท่ากับ ริวัลโดและโลร็องต์ บลองก์ ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับ Bayer Leverkusen เขาค้าแข้งกับยอดทีมจากเยอรมันได้เพียงแค่ห้าเดือนก่อนจะ
กลับมา Rosenborgและแขวนสตั๊ดกับทีม
6. ฮาเต็ม ทราเบลซี่ 2003 Ballon d'Or
อดีตฟูลแบ็คทีมชาติตูนิเซียผู้นี้ที่เริ่มต้นการค้าแข้งกับ CS Sfaxien ทีมในลีกบ้านเกิดในตำแหน่งกองหน้าก่อนที่จะโยกมาเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาจนกลายเป็นขาประจำของทีมและย้ายไปเล่นกับทีมดังในเนเธอร์แลนด์อย่าง Ajax ทราเบลซี่มีโอกาสได้ร่วมเล่นกับดาวดังอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เวสลีย์ ชไนเดอร์ และราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่ต่างเป็นดาวรุ่งในขณะนั้น ตัวเขาเองกลายเป็นตัวหลักของทีมและฟอร์มดีจนมีชื่อติด Ballon d'Or ปี 2003 แต่ไม่ได้รับเสียโหวตแม้แต่เสียงเดียว เพียงหนึ่งปีต่อมาทราเบลซี่มีโอกาสได้ไปทดสอบฝีเท้ากับ Arsenalในช่วงพรีซีซั่นของฤดูกาล 2004 อาร์เซน เวงเกอร์ กุนซือของ “ปืนใหญ่” ในขณะนั้นพอใจและต้องการเซ็นสัญญากับเขาและเหมือนจะตกลงกันเรียบร้อย แม้แต่เกมฟุตบอลชื่อดังอย่าง Winningยังใส่ชื่อทราเบลซี่ลงไปในทีม Arsenal แต่สุดท้ายการย้ายตัวครั้งนี้ไม่เกิดขึ้นและเจ้าตัวตัดสินใจกลับเนเธอร์แลนด์ ในปี2006 เขาย้ายไปเกาะอังกฤษเพื่อไปร่วมทีม Manchester City เป็นระยะเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งฤดูกาล ในนามทีมชาติทราเบลซี่ ติดทีมชาติตูนีเซียไป 61นัด รวมถึงเป็นตัวหลักของทีมในศึกฟุตบอลโลกปี 2002 และ 2006 รวมถึง African Nations Cup ปี 2004 ทีตูนิเซียเป็นเจ้าภาพและคว้าแชมป์สมัยแรกของพวกเขาได้
7.ยูนิส มาห์มูด 2007 Ballon d'Or
อดีตตำนานดาวยิงทีมชาติอิรักน่าจะพอเป็นที่คุ้นเคยของแฟนบอลชาวไทย เพราะมาห์มูดเคยยิงทีมชาติไทยมาแล้ว ครั้งแรกเป็นนัดเปิดสนาม เอเชี่ยนคัพ ปี 2007ที่เสมอกับไทยไป 1-1 ในปีนั้นไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับเวียดนาม มาเลเซียและอินโดนิเซียและในทัวร์นาเม้นท์นี้เองเขาพาอิรักคว้าแชมป์ รวมถึงคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุ้นค่าพร้อมกับเป็นดาวซัลโวร่วมของรายการ จนทำให้มาห์มูดมีชื่อเข้าชิง Ballon d'Or ในปีนั้น มาห์มูดได้รับเสียงโหวตไปสองเสียงมากกว่า ซามูเอล เอโต้ คาร์ลอส เตเวสและนักเตะเวิร์ดคลาสอีกหลายคน มาห์มูดปัจจุบันแขวนสตั๊ดไปแล้ว ฝากผลงานและเกียรติยศไว้อย่างมากมายและยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักกีฬาฟุตบอลอิรัก
FB Fanpage:
https://www.facebook.com/wannabefootballth
อ้างอิง:
https://www.footballlive.ng/emmanuel-olisadebe-i-dont-regret-playing-for-poland/
https://www.allnigeriasoccer.com/read_news.php?nid=30241
http://news.bbc.co.uk/sport2/hi/football/world_cup_2006/teams/tunisia/4369104.stm
https://en.wikipedia.org/
7นักเตะที่คุณอาจจะไม่รู้ว่าเคยเข้าชิง Ballon d'Or
1.คริส 2006 Ballon d'Or
อดีตปราการหลังทีมชาติบราซิลที่ค้าแข้งกับ Olympique Lyonnais ในฝรั่งเศสมายาวนานถึง8ปี ซึ่งช่วงที่คริสค้าแข้งอยู่กับทีม ช่วงนั้นนับว่าเป็นยุครุ่งเรืองของสโมสร โดยเฉพาะฤดูกาล 2005-06 ที่คริสพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง จูนิญโญ่ เอริก อบิดัลและคาริม เบนเซม่าที่กำลังเป็นดาวรุ่งอยู่ในขณะนั้น พาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกเอิงและในรายการ Uefa Champions League คริสและเพื่อนร่วมทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับ Real Madrid และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการชนะห้านัดเสมออีกหนึ่งไม่แพ้ใครเลยรวมถึงการเปิดรังเหย้าอัด “ราชัดชุดขาว” ไป 3-0 เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ก่อนจะต้องถูกเขี่ยตกรอบในรอบ 8ทีมสุดท้าย รวมถึงการติดทีมยอดเยี่ยมของลีกอีกด้วย คริสฟอร์มดีจนทำให้ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ แปร์ไรร่า โค้ชทีมชาติบราซิลในขณะนั้นเรียกตัวไปติดทีมชาติลุยฟุตบอลโลกปี 2006ที่ประเทศเยอรมันเป็นเจ้าภาพ อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกมากนักที่นักเตะฟอร์มดีของ Olympique Lyonnais จะมีชื่อติดโผเข้าชิง Ballon d'Or เพราะเพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง จูนิญโญ่ เกรกอรี คูเปต์ และฟลอร็อง มาลูด้า ต่างก็มีชื่อเข้าชิงเช่นกัน
2.เอมานูเอล โอลิซาเดเบ้ 2001 Ballon d'Or
ก่อนที่โปแลนด์จะมีเครื่องจักรสังหารประตูอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เคยมีกองหน้าชาวไนจีเรียที่โอนสัญชาติมาติดทีมชาติอย่างเอมานูเอล โอลิซาเดเบ้ ที่ย้ายไปค้าแข้งกับ Polonia Warsaw ทีมเก่าแก่ของลีกโปแลนด์ โดยในฤดูกาล 1999-00 โอลิซาเบ้ งัดฟอร์มเทพทำไป12ประตูและพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ หลังจากค้าแข้งกับทีมนานสามปี เจ้าตัวได้รับสัญชาติโปแลนด์และในช่วงปี 2000เขาถูกโค้ชของทีมอย่าง เจอร์ซี่ เองเกิลที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโค้ชทีมชาติโปแลนด์เพื่อลุยฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก กองหน้าผิวดำคนแรกของโปแลนด์ไม่ทำให้ทีมชาติต้องผิดหวัง ด้วยการยิงไปถึง8ลูกในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกจนพาโปแลนด์ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ และย้ายไปอยู่กับพานาธิไนกอสทีมยักษ์ใหญ่ของกรีซ นอกจากนั้นเขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโปแลนด์ประจำปี2001จนมีชื่อเข้าชิง Ballon d'Orประจำปีนั้นอีกด้วย โดยเขาได้รับการโหวตสองเสียง มากกว่านักเตะอย่างโรแบร์โต้ บาจโจ้ สตีเว่น เจอร์ราร์ดและรุย คอสต้า
ก่อนที่จะไปลุยฟุตบอลโลกกับทีมชาติโปแลนด์ที่อยู่ร่วมกลุ่มกับเจ้าภาพอย่างเกาหลีใต้ โปรตุเกสและสหรัฐอเมริกา แม้สองนัดแรกจะพบกับความพ่ายแพ้แต่ในนัดที่เจอกับสหรัฐพวกเขาเอาชนะไป3-1และ
โอลิซาเดเบ้ยังเป็นคนยิงประตูแรกให้โปแลนด์ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้อีกด้วย
3.นิกอส มัคลาส 1998 Ballon d'Or
กองหน้าชาวกรีซที่เริ่มต้นการอาชีพการค้าแข้งกับทีมในลีกบ้านเกิดอย่าง OFI Crete รวมถึงเป็นหนึ่งในขุนพลของทีมชาติกรีซไปลุยฟุตบอลโลก 1994 ในวัยเพียง 20ปี ก่อนจะย้ายไปสร้างชื่อกับ Vitesse ในลีกแดน
”กังหันลม” โดยมัคลาสมาดังพลุแตกในฤดูกาล 1997-98 ที่ตัวเขาทำไป34ประตูจากการลงเล่นเพียง 32นัด
ในลีกทำให้มัคลาส คว้าดาวซัลโวลีกและได้รางวัลรองเท้าทองคำยุโรป (European Golden Shoe) ประจำปี 1998 รางวัลที่นักเตะชื่อดังอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้และลิโอเนล เมสซี่เคยได้รับอย่างนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะมีชื่อเข้าชิง Ballon d'Or ในปีนั้น โดยมัคลาสได้รับเสียงโหวตหนึ่งเสียง มากกว่านักเตะชื่อดังอย่าง พาเวล เนดเวด ฟาบีโอ คานาวาโร่ และอังเดร เชฟเชนโก้ หลังจากนั้นเขาย้ายไปอยู่กับ Ajaxและคว้าแชมป์ลีกไปหนึ่งสมัย รวมถึงSevillaทีมดังของลาลีก้าสเปนเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะย้ายกลับไปลีกบ้านเกิด
4.ดาเนี่ยล อโมคาชี่ 1995 Ballon d'Or
หลายๆท่านที่เคยเล่นวินนิ่งน่าจะจำอดีตศูนย์หน้าทีมชาติไนจีเรียได้อย่างแน่นอน เขาคือยอดกองหน้าชาวไนจีเรียที่วิ่งเร็วและยิงคมอันดับต้นๆของเกม นักเตะเจ้าของฉายา “ไอ้กระทิง” (The Bull) ที่กำลังค้าแข้งกับทีม Ranchers Bees ในลีกบ้านเกิด ในขณะนั้นถูกโค้ชทีมชาติไนจีเรียในขณะนั้นอย่าง เคลมองส์ เวสเตอร์ฮอฟ เรียกตัวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ในวัยเพียง 18ปี เพื่อไปลุยศึก African Nations Cup ปี 1990 ก่อนจะย้ายไปอยู่เบลเยี่ยมกับ คลับ บรูจจ์ ในปีเดียวกัน สี่ปีต่อมาอโมโคชี่พาไนจีเรียคว้าแชมป์ African Nations Cup ปี 1994 ในปีเดียวกันเขามีโอกาสติดทีมชาติไปฟุตบอลโลกปี 1994 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทีมชาติไนจีเรีย อโมคาชี่ทำไปสองประตู โดยแบ่งเป็นการยิงทีมชาติบัลแกเรียและกรีซ ทีมละประตู ก่อนจะคว้าแชมป์กลุ่มD เข้าไปพบกับทีมชาติอิตาลีในรอบ16ทีมสุดท้ายก่อนจะพ่ายแพ้ไป 1-2หลังจากการต่อเวลาพิเศษ หลังจากการทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมทั้งกับสโมสรและทีมชาติ ดาวยิงชาวไนจีเรียย้ายไปอยู่กับทีมดังแห่งเมอร์ซีย์ไซด์อย่าง Everton ด้วยค่าตัวสามล้านปอนด์ ในถิ่นกู้ดดิสัน พาร์ค เขาพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพและแชร์ริตี้ ชิลด์ ในปี 1995 นี้เองที่
ดาเนี่ยล อโมคาชี่ มีชื่อเข้าชิง Ballon d'Or แต่น่าเสียดายที่ตัวเขาเองไม่ได้เสียงโหวตแม้แต่เสียงเดียว ในปีต่อมาเขาถูกเรียกติดทีมชาติอีกครั้ง ในรายการโอลิมปิก เกมส์ปี 1996 ร่วมกับ เอ็นวานโก้ คานูและ เจย์ เจย์ โอโคชา ทีมชาติไนจีเรียสามารถคว้าเหรียญทองกลับประเทศอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากสองฤดูกาลในเกาะอังกฤษ เขาย้ายทีมอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นยอดทีมลีก “ไก่งวง”อย่าง Beşiktaş ก่อนที่จะจบอาชีพการค้าแข้งด้วยอาการบาดเจ็บที่มีติดตัวตั้งแต่ช่วงฟุตบอลโลกปี 1998 เขาพยายามหาสโมสรเพื่อจะเล่นฟุตบอลต่อไป แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้ยากแก่การลงเล่นต่อ ในปี 2002 Colorado Rapids เซ็นสัญญากับอโมคาชี่ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้ถูกยกเลิกสัญญาในที่สุด
5.เบนท์ สคัมเมลซุลด์ 1997 Ballon d'Or
ดาวเตะชาวนอร์เวย์ที่เป็นตำนานของสโมสรยักษ์ใหญ่ในลีกบ้านเกิดอย่าง Rosenborg ที่คว้าแชมป์ลีกกับสโมสรได้ถึง 11สมัยติดต่อกันและพาทีมไปเล่นบอลถ้วยยุโรปได้แทบทุกปี ตัวเขาเองลงเล่นให้กับสโมสรไปมากกว่า 357นัด จุดพีคของเขาคงต้องเป็นใน ฤดูกาล 1997 ที่สคัมเมลซุลด์ได้รับรางวัลมิดฟิลด์ยอดเยี่ยมลีกนอร์เวย์ และถูกเสนอชื่อเข้าชิง Ballon d'Or ในปีเดียวกันและได้รับการเสียงโหวตหนึ่งเสียง
เท่ากับ ริวัลโดและโลร็องต์ บลองก์ ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับ Bayer Leverkusen เขาค้าแข้งกับยอดทีมจากเยอรมันได้เพียงแค่ห้าเดือนก่อนจะ
กลับมา Rosenborgและแขวนสตั๊ดกับทีม
6. ฮาเต็ม ทราเบลซี่ 2003 Ballon d'Or
อดีตฟูลแบ็คทีมชาติตูนิเซียผู้นี้ที่เริ่มต้นการค้าแข้งกับ CS Sfaxien ทีมในลีกบ้านเกิดในตำแหน่งกองหน้าก่อนที่จะโยกมาเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาจนกลายเป็นขาประจำของทีมและย้ายไปเล่นกับทีมดังในเนเธอร์แลนด์อย่าง Ajax ทราเบลซี่มีโอกาสได้ร่วมเล่นกับดาวดังอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เวสลีย์ ชไนเดอร์ และราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่ต่างเป็นดาวรุ่งในขณะนั้น ตัวเขาเองกลายเป็นตัวหลักของทีมและฟอร์มดีจนมีชื่อติด Ballon d'Or ปี 2003 แต่ไม่ได้รับเสียโหวตแม้แต่เสียงเดียว เพียงหนึ่งปีต่อมาทราเบลซี่มีโอกาสได้ไปทดสอบฝีเท้ากับ Arsenalในช่วงพรีซีซั่นของฤดูกาล 2004 อาร์เซน เวงเกอร์ กุนซือของ “ปืนใหญ่” ในขณะนั้นพอใจและต้องการเซ็นสัญญากับเขาและเหมือนจะตกลงกันเรียบร้อย แม้แต่เกมฟุตบอลชื่อดังอย่าง Winningยังใส่ชื่อทราเบลซี่ลงไปในทีม Arsenal แต่สุดท้ายการย้ายตัวครั้งนี้ไม่เกิดขึ้นและเจ้าตัวตัดสินใจกลับเนเธอร์แลนด์ ในปี2006 เขาย้ายไปเกาะอังกฤษเพื่อไปร่วมทีม Manchester City เป็นระยะเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งฤดูกาล ในนามทีมชาติทราเบลซี่ ติดทีมชาติตูนีเซียไป 61นัด รวมถึงเป็นตัวหลักของทีมในศึกฟุตบอลโลกปี 2002 และ 2006 รวมถึง African Nations Cup ปี 2004 ทีตูนิเซียเป็นเจ้าภาพและคว้าแชมป์สมัยแรกของพวกเขาได้
7.ยูนิส มาห์มูด 2007 Ballon d'Or
อดีตตำนานดาวยิงทีมชาติอิรักน่าจะพอเป็นที่คุ้นเคยของแฟนบอลชาวไทย เพราะมาห์มูดเคยยิงทีมชาติไทยมาแล้ว ครั้งแรกเป็นนัดเปิดสนาม เอเชี่ยนคัพ ปี 2007ที่เสมอกับไทยไป 1-1 ในปีนั้นไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับเวียดนาม มาเลเซียและอินโดนิเซียและในทัวร์นาเม้นท์นี้เองเขาพาอิรักคว้าแชมป์ รวมถึงคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุ้นค่าพร้อมกับเป็นดาวซัลโวร่วมของรายการ จนทำให้มาห์มูดมีชื่อเข้าชิง Ballon d'Or ในปีนั้น มาห์มูดได้รับเสียงโหวตไปสองเสียงมากกว่า ซามูเอล เอโต้ คาร์ลอส เตเวสและนักเตะเวิร์ดคลาสอีกหลายคน มาห์มูดปัจจุบันแขวนสตั๊ดไปแล้ว ฝากผลงานและเกียรติยศไว้อย่างมากมายและยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักกีฬาฟุตบอลอิรัก
FB Fanpage:https://www.facebook.com/wannabefootballth
อ้างอิง:https://www.footballlive.ng/emmanuel-olisadebe-i-dont-regret-playing-for-poland/
https://www.allnigeriasoccer.com/read_news.php?nid=30241
http://news.bbc.co.uk/sport2/hi/football/world_cup_2006/teams/tunisia/4369104.stm
https://en.wikipedia.org/