สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องจะมาปรึกษาเพื่อนๆพี่ๆ อยากได้รับคำแนะนำเพื่อเป็นแนวทางชีวิตมากๆเลยค่ะ คิดคนเดียวไม่ตกเลย
สืบเนื่องจาก เรามีแฟนอยู่คนนึง อายุ 22 เรียกว่า เค ละกัน ซึ่งตอนนี้ทำงานอยู่กับพ่อ เป็นธุรกิจส่วนตัวทำรับเหมา ทำกับพ่อ 2 คน
ส่วนเรา อายุ 25 ทำงานเป็นพนักงานษริษัท ซึ่งเราคบกันมาได้ เดือนนี้ ครบรอบ 2 ปีพอดี เลยเออคุยๆกันว่าจะให้มาคุยเรื่องผูกข้อไม้ข้อมือ คงไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร ทำบุญเลี้ยงพระ ผูกแขนพอเป็นพิธี มีแต่ญาติๆกับเพื่อนสนิท หลังจากนั้นเคก็คงจะย้ายมาอยู่กับเรา ซึ่งเราอยู่กับพ่อแม่เป็นห้องเช่าแยกคนละห้องแต่อยู่ห้องติดกัน เราอยู่กับพ่อแม่มาตลอดไม่เคยแยกห่าง หรือไม่เคยย้ายออกจากพ่อแม่ไปอยู่ที่ไหน ซึ่งในความคิดเราว่าสักวันถ้ามีโอกาสก็อยากจะซื้อบ้านให้แกอยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง แต่หนทางยังอีกยาวไกลเหลือเกิน
มาเข้าเรื่องที่ทำให้คิดไม่ตกกันค่ะ คือเคได้คุยกับเราว่า แต่งเสร็จหาซื้อบ้านกันไหม ไอ้คำว่าซื้อบ้านมันทำให้เราหนักใจมาก เพราะตอนนี้เคอยู่กับพ่อ ซึ่งพ่อก็มีบ้านของเขาซึ่งยังผ่อนไม่หมด บ้านหลังนี้พ่อซื้อกับเมียใหม่พ่อ แล้วเคไปขออยู่กับพ่อเพราะต้องไปทำงานด้วยกันทุกวัน พ่อก็ให้อยู่เพราะถ้าไม่มีเคช่วยงานพ่อแย่เพราะไม่มีลูกน้อง สรุปพอแต่งเสร็จเคอาจจะย้ายมาอยู่ห้องเช่าเดียวกับเรา ที่เราอยู่กับพ่อแม่ เคเลยบอกว่าอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่จุดประสงค์ของเคเลยคือ เคมีน้องซึ่งอยู่กับทางย่าที่ต่างจังหวัด และแม่ของเคก็อยู่กับน้องด้วย แต่ด้วยความไม่สบายใจเพราะฝั่งนั้นเป็นญาติฝั่งพ่อ ซึ่งแม่ได้เลิกกับพ่อไปแล้ว แต่ที่แม่อยู่ที่นั้นเพราะเป็นห่วงน้อง และแม่ก็อยากเอาน้องออกมาจากที่นั้นแต่ติดที่ว่าไม่มีที่ไป เคเลยตั้งความหวังให้แม่ว่า เดี๋ยวจะซื้อบ้านแล้วเอาแม่กับน้องมาอยู่ด้วย มันเลยเป็นปัญหาอยู่ตรงนี้ คือเราก็อยากมีบ้านให้พ่อแม่อยู่ ไม่อยากให้เขากังวลแล้วว่าเจ้าของบ้านจะให้ย้ายบ้านเมื่อไหร่ ก็คืออยากให้แกสบายมีบ้านอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งสักที สรุปคือ เคถ้ามีบ้านก็จะเอาแม่กับน้องมาอยู่เพราะไม่อยากให้แม่อยู่กับญาติพ่อที่ต่างจังหวัดแล้ว ส่วนเราถ้ามีบ้านก็จะเอาพ่อแม่มาอยู่ เพราะเราไม่เคยห่างจากพ่อแม่ แล้วแม่ต้องเลี้ยงลูกเราด้วยเวลาเราไปทำงาน(เป็นลูกเรากับแฟนเก่า ไม่ใช่ลูกเค) 6 ขวบเข้าโรงเรียนแล้ว คือแม่จะเป็นคนดูแลลูกให้ ซึ่งบ้านถ้าซื้อก็คงจะเป็นบ้านตามพฤกษา หรือบ้านทั่วไปที่แปรนหลักจะเป็น 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ถ้าจะเอามาอยู่รวมกันหมดมันจะอึดอัดไปไหม สมมุติเรา 1 ห้อง อีก 2 ห้อง ถ้าแบ่งให้พ่อแม่เราห้องนึง แม่กับน้องเคห้องนึง มองไปในอนาคต ถ้าน้องเคโตกว่านี้ก็ต้องนอนแยกกับแม่เคไหม ลูกเราอีก โตขึ้นก็ต้องแยกห้องอีก ซึ่งมันน่าจะมีปัญหาแน่ๆ เพราะบ้านมันก็ไม่ได้ใหญ่มาก
ตอนนี้เวลาคุยเรื่องนี้กันทีไร จะต้องทะเลาะกันตลอด เพราะอีกคนจะเอาแม่กับน้องด้วย อีกคนก็เอาพ่อแม่ตัวเอง คือเคอยากซื้อบ้านเองแล้วให้เราไปอยู่ด้วย แต่เราก็ทิ้งพ่อแม่ไม่ได้ เราเลยแขวะเคไปว่าจะให้นี้ทิ้งพ่อแม่ แต่ตัวเองจะเอาแม่กับน้องมาอยู่ มันไม่ห็นแก่ตัวหน่อยหรอ และบ้านมันคงไม่ได้มาง่ายๆหรอก ซึ่งเดือนนึงถ้าผ่อนบ้านก็เกือบๆหมื่น แถมเคยังต้องผ่อนรถอีกเดือนละ 6000+ เงินเดือนของเค ประมาณ16000+อย่างต่ำเงินเดือนไม่แน่นอนเพราะรับเหมาแล้วแต่งานกับเปอร์เซ็นต์ที่พ่อจะแบ่งให้ ส่วนเงินเดือนเราก็ไม่ได้เยอะ 13000+ ซึ่งเราอะกู้ซื้อไม้ได้อยู่แล้ว ความหวังจึงไปอยู่ที่เค เพราะเวลารับเหมา พ่อจะใช้ชื่อเคเป็นคนรับงาน ใช้บัญชีรับเงิน เงินหมุนเวียนในบัญชีเป็นแสนทุกเดือน แต่ก็ไม่ง่ายในการซื้อบ้านเพราะอาจจะต้องสร้างเครดิตอีกหลายปี เราจึงคุยตัดปัญหากับเคว่า คุณจะเกินตัวไปไหมสมมุติถ้าซื้อบ้านได้ คุณจะไหวหรอ คุณอย่าพึ่งทำอะไรเกินตัวได้ไหม รถคุณยังต้องผ่อนคุณจะเอาบ้านอีก คุณไหวหรอ ให้รถผ่อนหมดก่อนไหม ค่อยว่ากัน เคก็จะอ้างว่า แล้วแม่กับน้องเราจะอยู่ยังไง นี้เลยบอกก็เอาแม่กับน้องมาเช่าใกล้ๆกันไปก่อน ค่าเช่า 1,000-2,000 คุณคงจ่ายให้แม่ไหวอยู่แล้ว เคก็ยังอ้างว่า เช่าอยู่แบบนั้นซื้อบ้านเป็นของตัวเองไม่ดีกว่าหรอ เราเลยตอบว่าเข้าใจแต่บ้านผ่อนเกือบหมื่น ไหนจะรถคุณอีก มันไม่ไหว เดือนๆนึงมันจะไม่พอใช้เลยนะ เพราะมันมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยอีกหลายอย่าง ให้เช่าอยู่ไปก่อน วันไหนศักยภาพเราพร้อม ให้รถหมดก่อน ให้เราพร้อมกว่านี้ก่อนค่อยว่ากันไหม แต่จริงๆในใจเราคือแก้ปัญาหาตรงที่จะเอามาอยู่รวมกันยังไงหมด ไม่ได้จึงอยากพักตรงนี้ไว้ก่อน พอคุยเสร็จก็จะจบด้วยการไม่เข้าใจกัน
สรุปคือ จะคุยกับเคยังไงดีคะ ให้เคยอมพักเรื่องซื้อบ้านไปก่อน เรื่องแม่เข้าใจใครๆก็รักแม่ แต่คือตอนนี้แม่ก็ยังอยู่ที่นั้นได้ แต่เขาคิดไปเองว่าคนที่นั้นจะต้องไม่ชอบเขา อีกอย่างแม่ไม่ได้ยุ่งกับใครอยู่แล้ว แต่คงเป็นความรู้สึกแกที่ไม่อยากอยู่ตรงนั้น แม่เคอายุไม่เยอะ 45 เองถ้าพาแม่มาอยู๋นี้ แม่คงหางานทำแม่บ้านหรือแม่ครัวได้ และเช่าห้องอยู่ใกล้ๆกันที่เจอกันได้ทุกวันไปก่อน แบบนี้ดีไหมคะ ช่วยคิดตัดสินใจทีค่ะ เพราะคุยกันเองไม่ได้เลยค่ะ ต่างคนต่างไม่ยอม รับฟังทุกคำแนะนำกับอันไหนที่เราต้องปรับปรุงนะคะ ไม่เอาคำด่าคำแซะนะคะ ขอเป็นคำแนะนำกับสิ่งที่ควรปรับปรุง ขอบคุณมากๆค่ะ
จะแก้ปัญหายังไงดีค่ะ เรื่องแม่เธอ กับพ่อแม่ฉัน
สืบเนื่องจาก เรามีแฟนอยู่คนนึง อายุ 22 เรียกว่า เค ละกัน ซึ่งตอนนี้ทำงานอยู่กับพ่อ เป็นธุรกิจส่วนตัวทำรับเหมา ทำกับพ่อ 2 คน
ส่วนเรา อายุ 25 ทำงานเป็นพนักงานษริษัท ซึ่งเราคบกันมาได้ เดือนนี้ ครบรอบ 2 ปีพอดี เลยเออคุยๆกันว่าจะให้มาคุยเรื่องผูกข้อไม้ข้อมือ คงไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร ทำบุญเลี้ยงพระ ผูกแขนพอเป็นพิธี มีแต่ญาติๆกับเพื่อนสนิท หลังจากนั้นเคก็คงจะย้ายมาอยู่กับเรา ซึ่งเราอยู่กับพ่อแม่เป็นห้องเช่าแยกคนละห้องแต่อยู่ห้องติดกัน เราอยู่กับพ่อแม่มาตลอดไม่เคยแยกห่าง หรือไม่เคยย้ายออกจากพ่อแม่ไปอยู่ที่ไหน ซึ่งในความคิดเราว่าสักวันถ้ามีโอกาสก็อยากจะซื้อบ้านให้แกอยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง แต่หนทางยังอีกยาวไกลเหลือเกิน
มาเข้าเรื่องที่ทำให้คิดไม่ตกกันค่ะ คือเคได้คุยกับเราว่า แต่งเสร็จหาซื้อบ้านกันไหม ไอ้คำว่าซื้อบ้านมันทำให้เราหนักใจมาก เพราะตอนนี้เคอยู่กับพ่อ ซึ่งพ่อก็มีบ้านของเขาซึ่งยังผ่อนไม่หมด บ้านหลังนี้พ่อซื้อกับเมียใหม่พ่อ แล้วเคไปขออยู่กับพ่อเพราะต้องไปทำงานด้วยกันทุกวัน พ่อก็ให้อยู่เพราะถ้าไม่มีเคช่วยงานพ่อแย่เพราะไม่มีลูกน้อง สรุปพอแต่งเสร็จเคอาจจะย้ายมาอยู่ห้องเช่าเดียวกับเรา ที่เราอยู่กับพ่อแม่ เคเลยบอกว่าอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่จุดประสงค์ของเคเลยคือ เคมีน้องซึ่งอยู่กับทางย่าที่ต่างจังหวัด และแม่ของเคก็อยู่กับน้องด้วย แต่ด้วยความไม่สบายใจเพราะฝั่งนั้นเป็นญาติฝั่งพ่อ ซึ่งแม่ได้เลิกกับพ่อไปแล้ว แต่ที่แม่อยู่ที่นั้นเพราะเป็นห่วงน้อง และแม่ก็อยากเอาน้องออกมาจากที่นั้นแต่ติดที่ว่าไม่มีที่ไป เคเลยตั้งความหวังให้แม่ว่า เดี๋ยวจะซื้อบ้านแล้วเอาแม่กับน้องมาอยู่ด้วย มันเลยเป็นปัญหาอยู่ตรงนี้ คือเราก็อยากมีบ้านให้พ่อแม่อยู่ ไม่อยากให้เขากังวลแล้วว่าเจ้าของบ้านจะให้ย้ายบ้านเมื่อไหร่ ก็คืออยากให้แกสบายมีบ้านอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งสักที สรุปคือ เคถ้ามีบ้านก็จะเอาแม่กับน้องมาอยู่เพราะไม่อยากให้แม่อยู่กับญาติพ่อที่ต่างจังหวัดแล้ว ส่วนเราถ้ามีบ้านก็จะเอาพ่อแม่มาอยู่ เพราะเราไม่เคยห่างจากพ่อแม่ แล้วแม่ต้องเลี้ยงลูกเราด้วยเวลาเราไปทำงาน(เป็นลูกเรากับแฟนเก่า ไม่ใช่ลูกเค) 6 ขวบเข้าโรงเรียนแล้ว คือแม่จะเป็นคนดูแลลูกให้ ซึ่งบ้านถ้าซื้อก็คงจะเป็นบ้านตามพฤกษา หรือบ้านทั่วไปที่แปรนหลักจะเป็น 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ถ้าจะเอามาอยู่รวมกันหมดมันจะอึดอัดไปไหม สมมุติเรา 1 ห้อง อีก 2 ห้อง ถ้าแบ่งให้พ่อแม่เราห้องนึง แม่กับน้องเคห้องนึง มองไปในอนาคต ถ้าน้องเคโตกว่านี้ก็ต้องนอนแยกกับแม่เคไหม ลูกเราอีก โตขึ้นก็ต้องแยกห้องอีก ซึ่งมันน่าจะมีปัญหาแน่ๆ เพราะบ้านมันก็ไม่ได้ใหญ่มาก
ตอนนี้เวลาคุยเรื่องนี้กันทีไร จะต้องทะเลาะกันตลอด เพราะอีกคนจะเอาแม่กับน้องด้วย อีกคนก็เอาพ่อแม่ตัวเอง คือเคอยากซื้อบ้านเองแล้วให้เราไปอยู่ด้วย แต่เราก็ทิ้งพ่อแม่ไม่ได้ เราเลยแขวะเคไปว่าจะให้นี้ทิ้งพ่อแม่ แต่ตัวเองจะเอาแม่กับน้องมาอยู่ มันไม่ห็นแก่ตัวหน่อยหรอ และบ้านมันคงไม่ได้มาง่ายๆหรอก ซึ่งเดือนนึงถ้าผ่อนบ้านก็เกือบๆหมื่น แถมเคยังต้องผ่อนรถอีกเดือนละ 6000+ เงินเดือนของเค ประมาณ16000+อย่างต่ำเงินเดือนไม่แน่นอนเพราะรับเหมาแล้วแต่งานกับเปอร์เซ็นต์ที่พ่อจะแบ่งให้ ส่วนเงินเดือนเราก็ไม่ได้เยอะ 13000+ ซึ่งเราอะกู้ซื้อไม้ได้อยู่แล้ว ความหวังจึงไปอยู่ที่เค เพราะเวลารับเหมา พ่อจะใช้ชื่อเคเป็นคนรับงาน ใช้บัญชีรับเงิน เงินหมุนเวียนในบัญชีเป็นแสนทุกเดือน แต่ก็ไม่ง่ายในการซื้อบ้านเพราะอาจจะต้องสร้างเครดิตอีกหลายปี เราจึงคุยตัดปัญหากับเคว่า คุณจะเกินตัวไปไหมสมมุติถ้าซื้อบ้านได้ คุณจะไหวหรอ คุณอย่าพึ่งทำอะไรเกินตัวได้ไหม รถคุณยังต้องผ่อนคุณจะเอาบ้านอีก คุณไหวหรอ ให้รถผ่อนหมดก่อนไหม ค่อยว่ากัน เคก็จะอ้างว่า แล้วแม่กับน้องเราจะอยู่ยังไง นี้เลยบอกก็เอาแม่กับน้องมาเช่าใกล้ๆกันไปก่อน ค่าเช่า 1,000-2,000 คุณคงจ่ายให้แม่ไหวอยู่แล้ว เคก็ยังอ้างว่า เช่าอยู่แบบนั้นซื้อบ้านเป็นของตัวเองไม่ดีกว่าหรอ เราเลยตอบว่าเข้าใจแต่บ้านผ่อนเกือบหมื่น ไหนจะรถคุณอีก มันไม่ไหว เดือนๆนึงมันจะไม่พอใช้เลยนะ เพราะมันมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยอีกหลายอย่าง ให้เช่าอยู่ไปก่อน วันไหนศักยภาพเราพร้อม ให้รถหมดก่อน ให้เราพร้อมกว่านี้ก่อนค่อยว่ากันไหม แต่จริงๆในใจเราคือแก้ปัญาหาตรงที่จะเอามาอยู่รวมกันยังไงหมด ไม่ได้จึงอยากพักตรงนี้ไว้ก่อน พอคุยเสร็จก็จะจบด้วยการไม่เข้าใจกัน
สรุปคือ จะคุยกับเคยังไงดีคะ ให้เคยอมพักเรื่องซื้อบ้านไปก่อน เรื่องแม่เข้าใจใครๆก็รักแม่ แต่คือตอนนี้แม่ก็ยังอยู่ที่นั้นได้ แต่เขาคิดไปเองว่าคนที่นั้นจะต้องไม่ชอบเขา อีกอย่างแม่ไม่ได้ยุ่งกับใครอยู่แล้ว แต่คงเป็นความรู้สึกแกที่ไม่อยากอยู่ตรงนั้น แม่เคอายุไม่เยอะ 45 เองถ้าพาแม่มาอยู๋นี้ แม่คงหางานทำแม่บ้านหรือแม่ครัวได้ และเช่าห้องอยู่ใกล้ๆกันที่เจอกันได้ทุกวันไปก่อน แบบนี้ดีไหมคะ ช่วยคิดตัดสินใจทีค่ะ เพราะคุยกันเองไม่ได้เลยค่ะ ต่างคนต่างไม่ยอม รับฟังทุกคำแนะนำกับอันไหนที่เราต้องปรับปรุงนะคะ ไม่เอาคำด่าคำแซะนะคะ ขอเป็นคำแนะนำกับสิ่งที่ควรปรับปรุง ขอบคุณมากๆค่ะ