พบกันอีกครั้งกับงาน WWDC 2020 ซึ่งในปีนี้เป็นการจัดงานแบบ Digital Only เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 โดยในงานปีนี้แอปเปิลก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการต่าง ๆ เวอร์ชั่นใหม่มาอีกเช่นเคย ได้แก่ iOS 14, iPadOS 14, watchOS 7, tvOS และ macOS Big Sur ส่วนจะมีฟีเจอร์ใหม่หลัก ๆ อะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น อย่ารอช้า ไปชมกันเลยยย !
iOS 14
Widget เพิ่ม Widget บนหน้า Home Screen หลักได้ โดยจะแสดงผลรวมกับไอคอนแอป ซึ่งสามารถเพิ่มหรือปรับแต่งได้ใน Widget Gallery รวมทั้ง Widget ใหม่ที่ชื่อ Smart Stack สำหรับแสดงแอปตามช่วงเวลาของแต่ละวัน
App Library มุมมองแบบ App Library ที่จะจัดหมวดหมู่แอปในแบบกลุ่มหรือลิสต์ให้อัตโนมัติ รวมทั้งสามารถเลือกซ่อนบางแอปไม่ให้แสดงบนหน้า Home Screen หลักได้แล้ว รวม ๆ ดูคล้ายกับ App Drawer ของ Android ที่เพิ่มการจัดหมู่แอปอย่างชาญฉลาดเข้ามา
Picture-in-picture ฟีเจอร์ภาพซ้อนภาพสำหรับวิดีโอ เหมือนกับบน macOS โดยวิดีโอจะแสดงซ้อนอยู่บนแอป สามารถปรับขนาดและพับไว้ที่ด้านข้างจอเพื่อให้เล่นวิดีโอแบบ Background ได้
Siri จากเดิมที่จะแสดงเต็มหน้าจอ จะถูกย่อส่วนให้แสดงแค่บริเวณด้านล่างของหน้าจอแบบ Overlay พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้สามารถส่งข้อความเสียงได้แล้ว
แอปใหม่ Translate ที่ทำหน้าที่แปลภาษาเหมือนกับ Google Translate ซึ่งจะฝังไว้กับ iOS เลย โดยในช่วงแรกจะรองรับการแปล 11 ภาษา ได้แก่ English, Mandarin Chinese, French, German, Spanish, Italian, Japanese,Korean, Arabic, Portuguese และ Russian
ฟีเจอร์ใหม่ของแอป Messages สามารถปักหมุดชื่อผู้ติดต่อหรือข้อความที่คุยบ่อย ๆ ไว้บนสุดของหน้าแอปได้ รวมทั้งเพิ่มเครื่องประดับใหม่ ๆ สำหรับ Memoji นอกจากนี้ก็ยังรองรับการแสดงผลข้อความ Threaded ในห้องแชทกลุ่มและแจ้งเตือนการแท็กชื่อในห้องแชทอีกด้วย
Apple Maps เพิ่มการแนะนำสถานที่จาก Zagat และ AllTrails รวมทั้งรองรับการแสดงแผนที่และเส้นทางสำหรับการขี่จักรยาน โดยจะรองรับแค่บางเมืองก่อน ได้แก่ NYC, LA, San Fransisco’s Bay Area, Shanghai และ Beijing นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ EV Routing สำหรับติดตามสถานนะแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมบอกเส้นทางไปยังสถานีสำหรับชาร์จไฟ
CarPlay รองรับ Wallpaper แบบ Custom และหมวดหมู่แอปใหม่อย่าง parking apps, EV chargers และ fast food take out apps รวมทั้งรองรับกุญแจรถแบบ NFC ซึ่งจะถูกอัปเดตให้รองรับใน iOS 13 ด้วย
ฟีเจอร์ App Clip ที่แสดงบางส่วนของแอปต่าง ๆ ในรูปแบบการ์ดเพื่อให้สามารถใช้งานจุกจิกได้โดยไม่ต้องติดตั้งทั้งแอป โดยจะรองรับ Sign In With Apple เข้าใจงานผ่าน App Library ได้ และรองรับ Apple Pay ซึ่งได้มีการพัฒนา QR code รูปแบบใหม่ที่ใช้ทั้งโค้ดและ NFC เพื่อเข้าถึง App Clip ได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย
iPadOS 14
ปรับดีไซน์อินเทอร์เฟซในแอปต่าง ๆ ใหม่ให้เหมาะแก่การแสดงผลบนหน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้น อย่างแอป Photos และ Music ในตอนนี้ก็มี Sidebar ให้ใช้สลับไปหน้าต่าง ๆ ของแอปได้สะดวกขึ้น หรือแอป Calendar ก็มีปุ่มควบคุมด้านบนสุดของหน้าจอเพิ่มขึ้น
Siri ถูกย่อส่วนให้แสดงแค่ด้านล่างของหน้าจอแทนที่จะแสดงเต็มจอ เช่นเดียวกับใน iOS 14 รวมทั้ง Search ก็ถูกย่อส่วนให้แสดงแบบลอย ๆ บนหน้าแอปด้วยเช่นกัน
ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการใช้ Apple Pencil คือ Scribble ที่จะช่วยแปลงการเขียนด้วยลายมือเป็นตัวอักษรพิมพ์ รวมทั้งแอป Notes ก็สามารถค้นหาตัวอักษรที่พิมพ์จากการใช้ลายมือเขียนได้แล้วเช่นกัน
Universal Search ระบบค้นหาแบบใหม่ สามารถใช้เป็นตัวเรียกใช้งานแอปได้ รวมทั้งค้นหารายชื่อผู้ติดต่อหรือเอกสารต่าง ๆ หรือใช้ค้นหาสิ่งต่าง ๆ ภายในแอปที่รองรับก็ได้เช่นกัน
แอปเริ่มต้นสำหรับอีเมลและเบราว์เซอร์สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นแอปอื่น ๆ นอกเหนือจากแอป Mail และ Safari ได้แล้ว
watchOS 7
แอป Activity ถูกรีแบรนด์ใหม่ เปลี่ยนชื่อเป็นแอป Fitness รองรับการแสดงเส้นทางการปั่นจักรยาน รวมทั้งรองรับการติดตามการออกกำลังกายในรูปแบบการเต้น
รองรับเฉพาะ Apple Watch Series 3 ขึ้นไป และทำงานร่วมกับ iPhone 6S หรือใหม่กว่าที่รัน iOS 14 ขึ้นไปเท่านั้น
Sleep Tracking ฟีเจอร์ใหม่ตรวจจับการนอนหลับที่สามารถตั้งเวลานอนและเวลาตื่นนอนได้
โหมด Wind Down ที่สามารถตั้งค่าให้เลื่อนการแสดงแจ้งเตือนออกไปในช่วงที่คุณกำลังจะเริ่มนอนหลับ รวมทั้งสั่งให้เปิดแอปหรือเล่นเพลงได้
ปรับแต่งหน้าปัดได้หลากหลาย พร้อมฟีเจอร์ Face Sharing ให้ผู้ใช้สามารถแชร์หน้าปัดที่ปรับแต่งเองแบ่งปันไปให้คนอื่น ๆ ใช้กันได้
ฟีเจอร์ตรวจจับการล้างมือด้วยการเคลื่อนไหวและเสียงน้ำ เพื่อจับเวลาว่าล้างมือนานพอหรือยัง สำหรับสุขอนามัยด้านความสะอาด โดยจะมีการแจ้งเตือนด้วยเสียงหรือสั่นเพื่อบอกว่าหยุดล้างมือได้แล้ว
macOS Big Sur
เพิ่ม Control Center เหมือนกับ iOS ให้สามารถปรับความสว่างหน้าจอและเปิด/ปิดโหมด Do Not Disturb ได้ และ notification center แบบใหม่ที่จะจัดรวมแจ้งเตือนประเภทเดียวกันไว้ด้วยกัน
ปรับดีไซน์อินเทอร์เฟซของแอปต่าง ๆ ใหม่ เช่น Mail, Photos, Notes และ iWork รวมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ค้นหาแบบใหม่ในแอป Messages และอินเทอร์เฟซเลือกรูปภาพแบบใหม่ ส่วนแอป Maps ก็เพิ่มฟีเจอร์ที่เคยมีใน iOS อย่าง Custom Guides และ Indoor Maps
เพิ่มจำนวนแอป Catalyst ใหม่ที่รองรับการรันแอป iOS ได้เสมือนเป็นแอป Mac
Safari อัปเดตใหม่ ทำงานได้รวดเร็วกว่า Chrome ถึง 50% และแสดงจำนวนแท็บบนหน้าจอได้เยอะกว่าเดิม นอกจากนี้ก็ยังสามารถปรับแต่ง Start Page ได้ และมีฟีเจอร์แปลภาษาให้ในตัว โดยในตอนนี้รองรับการแปล 7 ภาษา แถมยังรองรับ extensions ที่ทำมารองรับเว็บเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้อีกด้วย พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการดักจับข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวอีกด้วย
tvOS
รองรับอุปกรณ์ HomeKit ได้ดียิ่งขึ้น สามารถสั่งการผ่าน Control Center ที่หน้าตาคล้ายกับของ iOS และ iPadOS ได้
โหมด Picture-in-Picture สำหรับแสดงผลภาพซ้อนภาพ
รองรับจอยคอนโทรลเลอร์ Elite 2 และ Adaptive Xbox One ของ Microsoft
รองรับหลาย User ใน Apple TV โดยในช่วงแรกจะใช้สำหรับการเล่นเกมใน Apple Arcade ต่อจากเดิมเท่านั้น
Audio Sharing กับ AirPods ได้ดีกว่าเดิม
รองรับการสตรีมมิ่งจากแอป Photos บนอุปกรณ์ iOS ที่ความละเอียดสูงสุด 4K
สรุปงานเปิดตัว iOS 14 | iPadOS 14 | watchOS 7 | tvOS | macOS Big Sur มีอะไรใหม่บ้าง ? [IAUMREVIEW]
พบกันอีกครั้งกับงาน WWDC 2020 ซึ่งในปีนี้เป็นการจัดงานแบบ Digital Only เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 โดยในงานปีนี้แอปเปิลก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการต่าง ๆ เวอร์ชั่นใหม่มาอีกเช่นเคย ได้แก่ iOS 14, iPadOS 14, watchOS 7, tvOS และ macOS Big Sur ส่วนจะมีฟีเจอร์ใหม่หลัก ๆ อะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น อย่ารอช้า ไปชมกันเลยยย !
iOS 14
Widget เพิ่ม Widget บนหน้า Home Screen หลักได้ โดยจะแสดงผลรวมกับไอคอนแอป ซึ่งสามารถเพิ่มหรือปรับแต่งได้ใน Widget Gallery รวมทั้ง Widget ใหม่ที่ชื่อ Smart Stack สำหรับแสดงแอปตามช่วงเวลาของแต่ละวัน
App Library มุมมองแบบ App Library ที่จะจัดหมวดหมู่แอปในแบบกลุ่มหรือลิสต์ให้อัตโนมัติ รวมทั้งสามารถเลือกซ่อนบางแอปไม่ให้แสดงบนหน้า Home Screen หลักได้แล้ว รวม ๆ ดูคล้ายกับ App Drawer ของ Android ที่เพิ่มการจัดหมู่แอปอย่างชาญฉลาดเข้ามา
Picture-in-picture ฟีเจอร์ภาพซ้อนภาพสำหรับวิดีโอ เหมือนกับบน macOS โดยวิดีโอจะแสดงซ้อนอยู่บนแอป สามารถปรับขนาดและพับไว้ที่ด้านข้างจอเพื่อให้เล่นวิดีโอแบบ Background ได้
Siri จากเดิมที่จะแสดงเต็มหน้าจอ จะถูกย่อส่วนให้แสดงแค่บริเวณด้านล่างของหน้าจอแบบ Overlay พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้สามารถส่งข้อความเสียงได้แล้ว
แอปใหม่ Translate ที่ทำหน้าที่แปลภาษาเหมือนกับ Google Translate ซึ่งจะฝังไว้กับ iOS เลย โดยในช่วงแรกจะรองรับการแปล 11 ภาษา ได้แก่ English, Mandarin Chinese, French, German, Spanish, Italian, Japanese,Korean, Arabic, Portuguese และ Russian
ฟีเจอร์ใหม่ของแอป Messages สามารถปักหมุดชื่อผู้ติดต่อหรือข้อความที่คุยบ่อย ๆ ไว้บนสุดของหน้าแอปได้ รวมทั้งเพิ่มเครื่องประดับใหม่ ๆ สำหรับ Memoji นอกจากนี้ก็ยังรองรับการแสดงผลข้อความ Threaded ในห้องแชทกลุ่มและแจ้งเตือนการแท็กชื่อในห้องแชทอีกด้วย
Apple Maps เพิ่มการแนะนำสถานที่จาก Zagat และ AllTrails รวมทั้งรองรับการแสดงแผนที่และเส้นทางสำหรับการขี่จักรยาน โดยจะรองรับแค่บางเมืองก่อน ได้แก่ NYC, LA, San Fransisco’s Bay Area, Shanghai และ Beijing นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ EV Routing สำหรับติดตามสถานนะแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมบอกเส้นทางไปยังสถานีสำหรับชาร์จไฟ
CarPlay รองรับ Wallpaper แบบ Custom และหมวดหมู่แอปใหม่อย่าง parking apps, EV chargers และ fast food take out apps รวมทั้งรองรับกุญแจรถแบบ NFC ซึ่งจะถูกอัปเดตให้รองรับใน iOS 13 ด้วย
ฟีเจอร์ App Clip ที่แสดงบางส่วนของแอปต่าง ๆ ในรูปแบบการ์ดเพื่อให้สามารถใช้งานจุกจิกได้โดยไม่ต้องติดตั้งทั้งแอป โดยจะรองรับ Sign In With Apple เข้าใจงานผ่าน App Library ได้ และรองรับ Apple Pay ซึ่งได้มีการพัฒนา QR code รูปแบบใหม่ที่ใช้ทั้งโค้ดและ NFC เพื่อเข้าถึง App Clip ได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย
iPadOS 14
ปรับดีไซน์อินเทอร์เฟซในแอปต่าง ๆ ใหม่ให้เหมาะแก่การแสดงผลบนหน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้น อย่างแอป Photos และ Music ในตอนนี้ก็มี Sidebar ให้ใช้สลับไปหน้าต่าง ๆ ของแอปได้สะดวกขึ้น หรือแอป Calendar ก็มีปุ่มควบคุมด้านบนสุดของหน้าจอเพิ่มขึ้น
Siri ถูกย่อส่วนให้แสดงแค่ด้านล่างของหน้าจอแทนที่จะแสดงเต็มจอ เช่นเดียวกับใน iOS 14 รวมทั้ง Search ก็ถูกย่อส่วนให้แสดงแบบลอย ๆ บนหน้าแอปด้วยเช่นกัน
ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการใช้ Apple Pencil คือ Scribble ที่จะช่วยแปลงการเขียนด้วยลายมือเป็นตัวอักษรพิมพ์ รวมทั้งแอป Notes ก็สามารถค้นหาตัวอักษรที่พิมพ์จากการใช้ลายมือเขียนได้แล้วเช่นกัน
Universal Search ระบบค้นหาแบบใหม่ สามารถใช้เป็นตัวเรียกใช้งานแอปได้ รวมทั้งค้นหารายชื่อผู้ติดต่อหรือเอกสารต่าง ๆ หรือใช้ค้นหาสิ่งต่าง ๆ ภายในแอปที่รองรับก็ได้เช่นกัน
แอปเริ่มต้นสำหรับอีเมลและเบราว์เซอร์สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นแอปอื่น ๆ นอกเหนือจากแอป Mail และ Safari ได้แล้ว
watchOS 7
แอป Activity ถูกรีแบรนด์ใหม่ เปลี่ยนชื่อเป็นแอป Fitness รองรับการแสดงเส้นทางการปั่นจักรยาน รวมทั้งรองรับการติดตามการออกกำลังกายในรูปแบบการเต้น
รองรับเฉพาะ Apple Watch Series 3 ขึ้นไป และทำงานร่วมกับ iPhone 6S หรือใหม่กว่าที่รัน iOS 14 ขึ้นไปเท่านั้น
Sleep Tracking ฟีเจอร์ใหม่ตรวจจับการนอนหลับที่สามารถตั้งเวลานอนและเวลาตื่นนอนได้
โหมด Wind Down ที่สามารถตั้งค่าให้เลื่อนการแสดงแจ้งเตือนออกไปในช่วงที่คุณกำลังจะเริ่มนอนหลับ รวมทั้งสั่งให้เปิดแอปหรือเล่นเพลงได้
ปรับแต่งหน้าปัดได้หลากหลาย พร้อมฟีเจอร์ Face Sharing ให้ผู้ใช้สามารถแชร์หน้าปัดที่ปรับแต่งเองแบ่งปันไปให้คนอื่น ๆ ใช้กันได้
ฟีเจอร์ตรวจจับการล้างมือด้วยการเคลื่อนไหวและเสียงน้ำ เพื่อจับเวลาว่าล้างมือนานพอหรือยัง สำหรับสุขอนามัยด้านความสะอาด โดยจะมีการแจ้งเตือนด้วยเสียงหรือสั่นเพื่อบอกว่าหยุดล้างมือได้แล้ว
macOS Big Sur
เพิ่ม Control Center เหมือนกับ iOS ให้สามารถปรับความสว่างหน้าจอและเปิด/ปิดโหมด Do Not Disturb ได้ และ notification center แบบใหม่ที่จะจัดรวมแจ้งเตือนประเภทเดียวกันไว้ด้วยกัน
ปรับดีไซน์อินเทอร์เฟซของแอปต่าง ๆ ใหม่ เช่น Mail, Photos, Notes และ iWork รวมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ค้นหาแบบใหม่ในแอป Messages และอินเทอร์เฟซเลือกรูปภาพแบบใหม่ ส่วนแอป Maps ก็เพิ่มฟีเจอร์ที่เคยมีใน iOS อย่าง Custom Guides และ Indoor Maps
เพิ่มจำนวนแอป Catalyst ใหม่ที่รองรับการรันแอป iOS ได้เสมือนเป็นแอป Mac
Safari อัปเดตใหม่ ทำงานได้รวดเร็วกว่า Chrome ถึง 50% และแสดงจำนวนแท็บบนหน้าจอได้เยอะกว่าเดิม นอกจากนี้ก็ยังสามารถปรับแต่ง Start Page ได้ และมีฟีเจอร์แปลภาษาให้ในตัว โดยในตอนนี้รองรับการแปล 7 ภาษา แถมยังรองรับ extensions ที่ทำมารองรับเว็บเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้อีกด้วย พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการดักจับข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวอีกด้วย
tvOS
รองรับอุปกรณ์ HomeKit ได้ดียิ่งขึ้น สามารถสั่งการผ่าน Control Center ที่หน้าตาคล้ายกับของ iOS และ iPadOS ได้
โหมด Picture-in-Picture สำหรับแสดงผลภาพซ้อนภาพ
รองรับจอยคอนโทรลเลอร์ Elite 2 และ Adaptive Xbox One ของ Microsoft
รองรับหลาย User ใน Apple TV โดยในช่วงแรกจะใช้สำหรับการเล่นเกมใน Apple Arcade ต่อจากเดิมเท่านั้น
Audio Sharing กับ AirPods ได้ดีกว่าเดิม
รองรับการสตรีมมิ่งจากแอป Photos บนอุปกรณ์ iOS ที่ความละเอียดสูงสุด 4K