หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อ้างว่า พระสูตรกล่าวว่า
https://www.naewna.com/likesara/424700?fb_comment_id=2105755852866555_2105999316175542
"..
ตัวอย่างในพระสูตรที่มีมาในเรื่องของ เณรสุบิน ท่านกล่าวว่า เณรสุบินคนนี้ ปรากฏว่าบิดามารดาเป็นพรานแต่ว่าลูกชายมีจิตใจเลื่อมใสในศาสนาขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มีคติไม่ตรงกัน พ่อชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม่ก็มีอารมณ์จิตเหมือนกับพ่อ แต่ว่าสำหรับลูกชายกลับเป็นคนที่มีจิตน้อมไปในกุศลในพระพุทธศาสนา หนีพ่อหนีแม่ไปบรรพชาเป็นสามเณร เป็นอันว่าพ่อแม่สามเณรไม่มีโอกาสจะพบกัน
ต่อมาเมื่อกาลเวลาเข้ามาถึง พ่อและแม่ก็ตายจากความเป็นคนด้วยอำนาจกรรมที่เป็นอกุศล พญายมก็สั่งคนมาเชิญไป เป็นแขกรับเชิญคือเชิญไปในขุมนรก เชิญไปในสำนักพญายมก็สอบสวนตามความเป็นจริงว่า ทำกรรมที่เป็นอกุศลอะไรบ้าง แกก็รับทุกอย่างว่า ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตั้งแต่สัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่ อาศัยกฎของกรรมอันนี้ก็ปรากฎว่าท่านทั้งสองจะต้องลงนรก เขาจึงนำไป เมื่อนำไปแล้วตามธรรมดาสัตว์นรกที่มีกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด เมื่อเข้าเขตของนรกแล้วก็ต้องลงขุมได้ทันที
แต่ว่าบิดามารดาของสามเณรนี้ลงไม่ได้ นายนิรยบาลจึงจับโยนลงไปเข้าขุมนรก ก็ปรากฎว่ามีหวายใหญ่มารองรับเป็นหวายร่างแหรองรับเข้าไว้ ไม่ตกลงไปในนรกทำอย่างนี้ถึง 3 วาระ
คนทั้งสองลงนรกไม่ได้เพราะอะไร เพราะว่าในเมื่อพ่อและแม่เห็นแสงไฟ ก็คิดขึ้นมาในใจว่า แสงไฟนี้คล้ายจีวรของพ่อเณรน้อย เพราะว่าเณรไปบวช ทราบว่าบวชก็ไปทวงให้สึก เณรไม่สึก เห็นภาพเณรเพียงนิดเดียวเท่านั้นจิตใจนึกขึ้นมาได้ว่า เณรลูกชายของเรามีสีจีวรคล้ายเปลวไฟ เพราะไฟบางตอนมันมีสีเหลือง จิตคิดเป็นอย่างนี้"
คือความจริง เรื่องนี้ไม่มีอยู่ในพระสูตร แต่มีผู้กล่าวอ้างว่าเป็นพระสูตร
ถ้าความเชื่อนี้ถูกย้ำๆ สืบทอดต่อๆ กันไป เป็นร้อยปีพันปี ก็อาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพระสูตรไปจริงๆ คือคนรุ่นหลังก็จะเชื่อว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงกล่าวไว้จริงๆ ในพระสูตร แล้วสุดท้ายก็จะทำให้พระไตรปิฎกคลาดเคลื่อนเลือนหายไป กลายเป็นมีอะไรต่อมิอะไรไม่รู้แฝงเข้ามา มีเรื่องราวอิทธิปาฏิหารย์มากมายแฝงเข้ามามากมาย
สิ่งปนเปื้อนต่อเติมที่แฝงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพระไตรปิฎกในช่วง 2500 กว่าปี อาจจะแฝงเข้ามาในรูปนี้หรือเปล่าครับ
"..ตัวอย่างในพระสูตรที่มีมาในเรื่องของ เณรสุบิน ท่านกล่าวว่า เณรสุบินคนนี้ ปรากฏว่าบิดามารดาเป็นพรานแต่ว่าลูกชายมีจิตใจเลื่อมใสในศาสนาขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มีคติไม่ตรงกัน พ่อชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม่ก็มีอารมณ์จิตเหมือนกับพ่อ แต่ว่าสำหรับลูกชายกลับเป็นคนที่มีจิตน้อมไปในกุศลในพระพุทธศาสนา หนีพ่อหนีแม่ไปบรรพชาเป็นสามเณร เป็นอันว่าพ่อแม่สามเณรไม่มีโอกาสจะพบกัน
ต่อมาเมื่อกาลเวลาเข้ามาถึง พ่อและแม่ก็ตายจากความเป็นคนด้วยอำนาจกรรมที่เป็นอกุศล พญายมก็สั่งคนมาเชิญไป เป็นแขกรับเชิญคือเชิญไปในขุมนรก เชิญไปในสำนักพญายมก็สอบสวนตามความเป็นจริงว่า ทำกรรมที่เป็นอกุศลอะไรบ้าง แกก็รับทุกอย่างว่า ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตั้งแต่สัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่ อาศัยกฎของกรรมอันนี้ก็ปรากฎว่าท่านทั้งสองจะต้องลงนรก เขาจึงนำไป เมื่อนำไปแล้วตามธรรมดาสัตว์นรกที่มีกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด เมื่อเข้าเขตของนรกแล้วก็ต้องลงขุมได้ทันที
แต่ว่าบิดามารดาของสามเณรนี้ลงไม่ได้ นายนิรยบาลจึงจับโยนลงไปเข้าขุมนรก ก็ปรากฎว่ามีหวายใหญ่มารองรับเป็นหวายร่างแหรองรับเข้าไว้ ไม่ตกลงไปในนรกทำอย่างนี้ถึง 3 วาระ
คนทั้งสองลงนรกไม่ได้เพราะอะไร เพราะว่าในเมื่อพ่อและแม่เห็นแสงไฟ ก็คิดขึ้นมาในใจว่า แสงไฟนี้คล้ายจีวรของพ่อเณรน้อย เพราะว่าเณรไปบวช ทราบว่าบวชก็ไปทวงให้สึก เณรไม่สึก เห็นภาพเณรเพียงนิดเดียวเท่านั้นจิตใจนึกขึ้นมาได้ว่า เณรลูกชายของเรามีสีจีวรคล้ายเปลวไฟ เพราะไฟบางตอนมันมีสีเหลือง จิตคิดเป็นอย่างนี้"
คือความจริง เรื่องนี้ไม่มีอยู่ในพระสูตร แต่มีผู้กล่าวอ้างว่าเป็นพระสูตร
ถ้าความเชื่อนี้ถูกย้ำๆ สืบทอดต่อๆ กันไป เป็นร้อยปีพันปี ก็อาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพระสูตรไปจริงๆ คือคนรุ่นหลังก็จะเชื่อว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงกล่าวไว้จริงๆ ในพระสูตร แล้วสุดท้ายก็จะทำให้พระไตรปิฎกคลาดเคลื่อนเลือนหายไป กลายเป็นมีอะไรต่อมิอะไรไม่รู้แฝงเข้ามา มีเรื่องราวอิทธิปาฏิหารย์มากมายแฝงเข้ามามากมาย