มหาสงครามครูเสดซึ่งชาวคริสต์ และมุสลิมห้ำหั่นช่วงชิงดินแดนแห่งพันธสัญญา "เยรูซาเล็ม" กันในระยะเวลากว่า 200 ปีนั้น มิได้เริ่มต้นขึ้นโดยกองทัพอัศวิน หากแต่เป็นขบวนอันมหึมาของเด็ก สตรี คนชรา และชาวนาผู้ยากไร้ ...นี่เป็นเรื่องราวของคลื่นมหาชนที่ออกเดินทางไกลไปเพื่อภารกิจ "ผดุงคุณธรรม" ...หากเสียดายที่พวกเขาอยู่ในยุคซึ่ง "คุณธรรม" นั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง...
People's Crusade หรือ "สงครามครูเสดของมวลชน" แม้มีชื่ออันดูเที่ยงธรรม หากมันเป็นตอนอันดำมืดที่สุดตอนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชนชาติฝรั่ง
เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 1095 ที่เมืองแคลร์มงต์ประเทศฝรั่งเศส พระสันตะปาปาเออร์เบินที่สอง เรียกบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งปวงของยุโรปมาชุมนุมกัน
ที่นั่นเออร์เบินประกาศว่า "พอแล้วกับการที่ชาวคริสต์เข่นฆ่าแย่งชิงกันเอง เราควรร่วมแรงกันยึดดินแดนแห่งพันธสัญญาคืนมา เพื่อผดุงความถูกต้องแทนพระเจ้า!"
ดินแดนแห่งพันธสัญญาหรืออาณาจักรอิสราเอลโบราณ (มีศูนย์กลางที่เมืองเยรูซาเล็ม) คือที่ๆ พระเยซูประสูติ นับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของศาสนาคริสต์ หากถูกมุสลิมยึดไปกว่า 400 ปีก่อนหน้านั้นแล้ว
เออร์เบินกล่าวว่า "พระเจ้าได้สั่ง (ผ่านฉัน) ให้พวกเราทุกคนทำสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้! คำสั่งนี้ครอบคลุมทั้งขุนนางผู้สูงศักดิ์ จนถึงชาวนาที่ต่ำต้อย ทุกๆ คนที่เข้าร่วมจะได้รับการชำระล้างบาปทั้งหมด โจรร้ายจะกลายเป็นอัศวินผู้กล้า พร้อมการันตีว่าตายแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์แน่นอน!"
ในยุคที่ศาสนายังเป็นหัวข้อสำคัญสูงสุดของชีวิตมนุษย์นั้น คำประกาศดังกล่าวโดนใจมหาชนมาก เพราะมันเป็นครั้งแรกที่มีการบอกว่า "บาปทั้งหมดสามารถรีเซ็ตได้" จากพระสันตะปาปาซึ่งทรงอาญาสิทธิ์สวรรค์
มีคนตะโกนว่า "Deus Vult!" หรือ "เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า!" และทุกคนก็ตะโกนตามๆ กันเป็นเสียงกึกก้องทั่วบริเวณ สร้างความฮึกเหิมเหลือประมาณ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ "สงครามศักดิ์สิทธิ์ครูเสด" ที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์มนุษยชาติไปตลอดกาล...
แต่ดินแดนแห่งพันธสัญญาตกเป็นของมุสลิมมาสี่ร้อยปีแล้ว ที่ผ่านมาผู้ปกครองมุสลิมปล่อยให้ชาวคริสต์เดินทางไปแสวงบุญโดยอิสระ ศาสนจักรก็ไม่เคยสนใจทวงคืนมาก่อน เหตุใดจึงพึ่งคิดก่อสงครามใหญ่ครั้งนี้เล่า?
เหตุผลคือก่อนหน้านั้นมีสารจากจักรพรรดิอเล็กเซียสแห่งอาณาจักรไบแซนไทน์ส่งมาขอความช่วยเหลือเออร์เบิน บอกว่าบัดนี้พวกมุสลิมเติร์กบุกมายึดดินแดนไบแซนไทน์ในอนาโตเลียได้แทบทั้งสิ้น แม้พระสันตะปาปาส่งกองทัพมาขับไล่พวกมุสลิมแล้วไซร้ อเล็กเซียสจะสนับสนุน
แต่โบราณคริสตจักรแตกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายคาทอลิกของโรมันมีอำนาจในยุโรปตะวันตก และฝ่ายออร์ทอดอกซ์ของไบแซนไทน์มีอำนาจในยุโรปตะวันออก ทั้งสองชิงความชอบธรรมกันเรื่อยๆ บัดนี้การที่ไบแซนไทน์รบมุสลิมไม่ไหวมาสวามิภักดิ์ จึงเป็นการการันตีว่าพวกครูเสดจะมีพันธมิตรที่เข้มแข็งในการบุกตีตะวันออกกลาง และเป็นโอกาสที่คาทอลิกจะแผ่อิทธิพลครอบงำออร์ทอดอกซ์ด้วย
อย่างไรก็ตามเหตุผลหลักของเออร์เบินไม่ใช่เรื่องนั้น... เหตุผลหลักคือเออร์เบินกำลังลำบาก...
เขาทะเลาะกับจักรพรรดิของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิตั้งสันตะปาปาอีกคนชื่อคลีเมนท์ที่สามมาแข่งความชอบธรรมกับเขา เออร์เบินถูกขับไล่ แม้อยู่โรมก็อยู่ไม่ได้ ต้องระเห็ดมาฝรั่งเศส บรรดาเจ้านายยุโรปก็ยังมึนๆ ว่าจะเชื่อพระสันตะปาปาคนไหนดี
การประกาศ "ภารกิจอันยิ่งใหญ่" และการ "ไถ่บาป" แก่ทุกคนที่ทำตามจึงเป็นการสร้าง "คุณธรรม" ชุดใหม่ ที่ให้ความชอบธรรมแก่เออร์เบินเหนืออำนาจรัฐทั้งปวง
กระแส "สงครามศักดิ์สิทธิ์" จุดติดลุกลามไปทั่วยุโรป ขณะนั้นเองได้มีบาทหลวงคนหนึ่งชื่อ Peter the Hermit หรือ "ปีเตอร์นักพรต" มาเกาะกระแส
ปีเตอร์ เดอะ เฮอร์มิตเดินทางไปทั่ว พบปะคนทุกชนชั้น เขาใช้โวหารอันแยบคายโน้มน้าวให้มหาชนโกรธแค้นที่มุสลิมกดขี่ชาวคริสต์ในดินแดนแห่งพันธสัญญา (ซึ่งมุสลิมไม่ได้ทำขนาดนั้น และปีเตอร์ก็ไม่เคยไปที่นั่น)
ปีเตอร์ยังบอกว่าตนคือสุดยอดตัวแทนที่พระเจ้าส่งมาพาคนไปทำสงครามครูเสด การตามตนมานั้นเป็นโอกาสทองในการขึ้นสวรรค์นะจ๊ะ ...คนก็เชื่อกันมาก
ปีเตอร์รวบรวมผู้ติดตามที่ยอมทิ้งทุกอย่างไปทำภารกิจกับเขาได้ถึง 40,000 คน ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ สำหรับยุคกลาง
กลุ่มลูกค้าหลักของปีเตอร์เป็นคนชั้นล่าง ได้แก่ชาวนาจนๆ และอัศวินระดับต่ำ ส่วนใหญ่ไม่มีประสบการณ์สู้รบ ไม่มีอาวุธ ไม่รู้ว่าดินแดนแห่งพันธสัญญาอยู่ที่ไหน ...แต่พลังใจเต็มเปี่ยม
ขณะที่เออร์เบินนัดแนะให้ทุกคนรวมกันออกเดินทางในเดือนสิงหาคม 1096 แต่พวกของปีเตอร์นั้นใจร้อนอยากรีบขึ้นสวรรค์เร็วๆ แล้ว ก็ออกเดินทางไปตั้งแต่เมษา
กำหนดการของเออร์เบินนั้นมีเหตุผล คือในยุคที่ไม่มีตู้เย็นนั้น การเก็บอาหารทำได้ยาก เขาเลือกออกเดินทางในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อทำการ resupply ง่ายๆ
แต่พวกของปีเตอร์ไม่รู้ว่าเป้าหมายอยู่ไกลแค่ไหน ปีเตอร์ก็จัดการแย่ ทำให้คนส่วนใหญ่เตรียมเสบียงไปไม่พอ
ในความเป็นจริงแล้วดินแดนแห่งพันธสัญญามันไกลมาก ให้ดูว่าเริ่มออกจากฝรั่งเศส เป้าหมายอยู่ที่เยรูซาเล็มตรงสุดเส้นแดงมุมขวาล่าง ...เดินล้วนๆ...
พวกครูเสดมวลชนเสบียงหมดตั้งแต่ยังเดินทางไปไม่เท่าไร ยิ่งในฤดูใบไม้ผลิ resupply ยาก จะบากหน้ากลับบ้านก็ไม่ได้แล้ว...
ขุนพลของปีเตอร์ชื่อวอลเตอร์ ซานส์ อวัวร์ นำคนล่วงหน้าไปก่อน พวกเขาไปถึงเบลเกรดซึ่งตอนนั้นเป็นเมืองหน้าด่านของไบแซนไทน์
เขาประกาศแก่นายด่านว่า "กองทัพครูเสดมาถึงแล้ว!" นั่นทำให้นายด่านเบลเกรดงุนงงมาก เพราะตามที่นัดกันทัพครูเสดไม่ควรมาถึงก่อนฤดูใบไม้ร่วง
แถมพวกของวอลเตอร์ก็ดูสกปรกๆ กรังๆ ไม่เหมือนทหาร นายด่านเบลเกรดจึงไม่ยอมให้เข้าเมือง
วอลเตอร์เดินทางมาเหนื่อย... เข้าเมืองไม่ได้... หิวก็หิว... เลยนำคนปล้นสะดมเขตชนบทของเบลเกรด แ-่งเลย!
พวกครูเสดอาจคิดว่าตัวเองกำลังทำภารกิจสำคัญของสวรรค์ จะระงับความหิวบ้างคงไม่ผิด แต่ฝ่ายไบแซนไทน์ไม่คิดแบบนั้นจึงส่งทหารมาปราบ ซึ่งก็เอาชนะกลุ่มครูเสดได้โดยง่าย
ฝ่ายไบแซนไทน์ตรวจสอบความจริง รู้ว่าพวกนี้กากๆ และใจร้อน แต่เจตนาดี จะมาช่วยเรา ดังนั้นหลังจากจับพวกครูเสดแก้ผ้าหยามสั่งสอน แล้วยังคงส่งตัวไปช่วยรบที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล (เมืองหลวงของไบแซนไทน์) นั่นเอง
ข้างฝ่ายปีเตอร์ได้นำทัพหลักมาถึงฮังการี กษัตริย์ฮังการีไม่ไว้วางใจพวกเขา แต่ยังคงยอมให้ปีเตอร์ผ่านทาง โดยมีข้อแม้ว่าห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด
ปรากฏระหว่างผ่านทางสมาชิกในขบวนปีเตอร์คนนึงไปทะเลาะกับชาวฮังการีในตลาด มีคนเข้าร่วมวงเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ปีเตอร์ไม่มีปัญญาห้ามปรามได้
ลงท้ายอำนาจโกรธปนหิวทำให้พวกครูเสดแปรสภาพเป็นม๊อบหิวโหย ฉวยโอกาสปล้นฆ่าชาวฮังการี (ซึ่งเป็นคริสต์) ตายไปสี่พันคนเศษ แล้วรีบหนีข้ามพรมแดนเข้าไบแซนไทน์ก่อนที่ทัพฮังการีจะตามมาทัน
ก่อนจะกล่าวถึงปีเตอร์ต่อไป จะเอ่ยถึงชาวเยอรมันอีกกลุ่มหนึ่งที่ฟังคำสอนของปีเตอร์แล้วนำทัพแยกเดินทางไปอีกสาย กลุ่มนี้นำโดยเคาท์เอมิโคแห่งไลนินเจน เขามีนิมิตเพิ่มจากของปีเตอร์ว่าพระเจ้าสั่งให้เขาเดินทางไปดินแดนแห่งพันธสัญญา เพื่อรับตำแหน่งมหากษัตริย์
แต่พอไปได้สักหน่อยก็เริ่มขี้เกียจ มองดูชาวยิวแถวนั้นจึงค่อยคิดว่าพวกนี้มันก็นอกศาสนานี่หว่า ...อย่ากระนั้นเลยฆ่ามันก่อนนี่แหละง่ายดี ไม่ต้องไปถึงตะวันออกกลาง
เอมิโคถืออาญาสิทธิ์สวรรค์นำพวกปล้นฆ่าข่มขืนชุมชนยิวที่อยู่รวมกับฝรั่งยุโรปโดยสันติมานานแล้ว พอปล้นได้เงินมากก็ติดใจ ไล่กวาดล้างยิวไปเรื่อยๆ จนถึงฮังการี
ทหารฮังการีมีประสบการณ์จากคราวปีเตอร์แล้ว จึงไม่ยอมให้เอมิโคเข้าเมือง กลายเป็นตอนนี้เอมิโคบุกตีเมืองของชาวคริสต์ฮังการีต่อ
ที่ฮังการีนั้นเอมิโคถูกโจมตีตอบโต้จนพ่ายแพ้แทบไม่เหลือทหาร ตัวเขาต้องเผ่นหนีกลับเยอรมัน และใช้ชีวิตที่เหลือกับความอับอายจากการถูกหาว่าหนีภารกิจครูเสด
กลับมาที่กลุ่มปีเตอร์ ตอนนี้ปีเตอร์เริ่มไม่มีอำนาจควบคุมฝูงม๊อบอีกแล้ว...
พอข้ามเข้าพรมแดนไบแซนไทน์ พวกม๊อบครูเสดก็ปล้นฆ่าชาวไบแซนไทน์ (ที่ตอนแรกจะมาช่วย) ไปเรื่อยๆ ปีเตอร์ห้ามปรามมิได้
พวกไบแซนไทน์ทนไม่ไหว จึงส่งทหารมาปราบ ...พวกม๊อบครูเสดเก่งกับชาวบ้าน แต่กากกับทหารจริง ในที่สุดจึงพ่ายแพ้ง่ายดาย คนตายไปหนึ่งในสี่ (แปลว่าตอนนี้เหลือ 30,000 คนแล้ว) ส่วนปีเตอร์หนีไปหลบในป่าเขา
(ต่อในคอมเมนต์นะครับ)
*** People's Crusade ***
People's Crusade หรือ "สงครามครูเสดของมวลชน" แม้มีชื่ออันดูเที่ยงธรรม หากมันเป็นตอนอันดำมืดที่สุดตอนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชนชาติฝรั่ง
เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 1095 ที่เมืองแคลร์มงต์ประเทศฝรั่งเศส พระสันตะปาปาเออร์เบินที่สอง เรียกบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งปวงของยุโรปมาชุมนุมกัน
ที่นั่นเออร์เบินประกาศว่า "พอแล้วกับการที่ชาวคริสต์เข่นฆ่าแย่งชิงกันเอง เราควรร่วมแรงกันยึดดินแดนแห่งพันธสัญญาคืนมา เพื่อผดุงความถูกต้องแทนพระเจ้า!"
ดินแดนแห่งพันธสัญญาหรืออาณาจักรอิสราเอลโบราณ (มีศูนย์กลางที่เมืองเยรูซาเล็ม) คือที่ๆ พระเยซูประสูติ นับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของศาสนาคริสต์ หากถูกมุสลิมยึดไปกว่า 400 ปีก่อนหน้านั้นแล้ว
เออร์เบินกล่าวว่า "พระเจ้าได้สั่ง (ผ่านฉัน) ให้พวกเราทุกคนทำสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้! คำสั่งนี้ครอบคลุมทั้งขุนนางผู้สูงศักดิ์ จนถึงชาวนาที่ต่ำต้อย ทุกๆ คนที่เข้าร่วมจะได้รับการชำระล้างบาปทั้งหมด โจรร้ายจะกลายเป็นอัศวินผู้กล้า พร้อมการันตีว่าตายแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์แน่นอน!"
ในยุคที่ศาสนายังเป็นหัวข้อสำคัญสูงสุดของชีวิตมนุษย์นั้น คำประกาศดังกล่าวโดนใจมหาชนมาก เพราะมันเป็นครั้งแรกที่มีการบอกว่า "บาปทั้งหมดสามารถรีเซ็ตได้" จากพระสันตะปาปาซึ่งทรงอาญาสิทธิ์สวรรค์
มีคนตะโกนว่า "Deus Vult!" หรือ "เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า!" และทุกคนก็ตะโกนตามๆ กันเป็นเสียงกึกก้องทั่วบริเวณ สร้างความฮึกเหิมเหลือประมาณ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ "สงครามศักดิ์สิทธิ์ครูเสด" ที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์มนุษยชาติไปตลอดกาล...
แต่ดินแดนแห่งพันธสัญญาตกเป็นของมุสลิมมาสี่ร้อยปีแล้ว ที่ผ่านมาผู้ปกครองมุสลิมปล่อยให้ชาวคริสต์เดินทางไปแสวงบุญโดยอิสระ ศาสนจักรก็ไม่เคยสนใจทวงคืนมาก่อน เหตุใดจึงพึ่งคิดก่อสงครามใหญ่ครั้งนี้เล่า?
เหตุผลคือก่อนหน้านั้นมีสารจากจักรพรรดิอเล็กเซียสแห่งอาณาจักรไบแซนไทน์ส่งมาขอความช่วยเหลือเออร์เบิน บอกว่าบัดนี้พวกมุสลิมเติร์กบุกมายึดดินแดนไบแซนไทน์ในอนาโตเลียได้แทบทั้งสิ้น แม้พระสันตะปาปาส่งกองทัพมาขับไล่พวกมุสลิมแล้วไซร้ อเล็กเซียสจะสนับสนุน
แต่โบราณคริสตจักรแตกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายคาทอลิกของโรมันมีอำนาจในยุโรปตะวันตก และฝ่ายออร์ทอดอกซ์ของไบแซนไทน์มีอำนาจในยุโรปตะวันออก ทั้งสองชิงความชอบธรรมกันเรื่อยๆ บัดนี้การที่ไบแซนไทน์รบมุสลิมไม่ไหวมาสวามิภักดิ์ จึงเป็นการการันตีว่าพวกครูเสดจะมีพันธมิตรที่เข้มแข็งในการบุกตีตะวันออกกลาง และเป็นโอกาสที่คาทอลิกจะแผ่อิทธิพลครอบงำออร์ทอดอกซ์ด้วย
อย่างไรก็ตามเหตุผลหลักของเออร์เบินไม่ใช่เรื่องนั้น... เหตุผลหลักคือเออร์เบินกำลังลำบาก...
เขาทะเลาะกับจักรพรรดิของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิตั้งสันตะปาปาอีกคนชื่อคลีเมนท์ที่สามมาแข่งความชอบธรรมกับเขา เออร์เบินถูกขับไล่ แม้อยู่โรมก็อยู่ไม่ได้ ต้องระเห็ดมาฝรั่งเศส บรรดาเจ้านายยุโรปก็ยังมึนๆ ว่าจะเชื่อพระสันตะปาปาคนไหนดี
การประกาศ "ภารกิจอันยิ่งใหญ่" และการ "ไถ่บาป" แก่ทุกคนที่ทำตามจึงเป็นการสร้าง "คุณธรรม" ชุดใหม่ ที่ให้ความชอบธรรมแก่เออร์เบินเหนืออำนาจรัฐทั้งปวง
กระแส "สงครามศักดิ์สิทธิ์" จุดติดลุกลามไปทั่วยุโรป ขณะนั้นเองได้มีบาทหลวงคนหนึ่งชื่อ Peter the Hermit หรือ "ปีเตอร์นักพรต" มาเกาะกระแส
ปีเตอร์ เดอะ เฮอร์มิตเดินทางไปทั่ว พบปะคนทุกชนชั้น เขาใช้โวหารอันแยบคายโน้มน้าวให้มหาชนโกรธแค้นที่มุสลิมกดขี่ชาวคริสต์ในดินแดนแห่งพันธสัญญา (ซึ่งมุสลิมไม่ได้ทำขนาดนั้น และปีเตอร์ก็ไม่เคยไปที่นั่น)
ปีเตอร์ยังบอกว่าตนคือสุดยอดตัวแทนที่พระเจ้าส่งมาพาคนไปทำสงครามครูเสด การตามตนมานั้นเป็นโอกาสทองในการขึ้นสวรรค์นะจ๊ะ ...คนก็เชื่อกันมาก
ปีเตอร์รวบรวมผู้ติดตามที่ยอมทิ้งทุกอย่างไปทำภารกิจกับเขาได้ถึง 40,000 คน ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ สำหรับยุคกลาง
กลุ่มลูกค้าหลักของปีเตอร์เป็นคนชั้นล่าง ได้แก่ชาวนาจนๆ และอัศวินระดับต่ำ ส่วนใหญ่ไม่มีประสบการณ์สู้รบ ไม่มีอาวุธ ไม่รู้ว่าดินแดนแห่งพันธสัญญาอยู่ที่ไหน ...แต่พลังใจเต็มเปี่ยม
ขณะที่เออร์เบินนัดแนะให้ทุกคนรวมกันออกเดินทางในเดือนสิงหาคม 1096 แต่พวกของปีเตอร์นั้นใจร้อนอยากรีบขึ้นสวรรค์เร็วๆ แล้ว ก็ออกเดินทางไปตั้งแต่เมษา
กำหนดการของเออร์เบินนั้นมีเหตุผล คือในยุคที่ไม่มีตู้เย็นนั้น การเก็บอาหารทำได้ยาก เขาเลือกออกเดินทางในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อทำการ resupply ง่ายๆ
แต่พวกของปีเตอร์ไม่รู้ว่าเป้าหมายอยู่ไกลแค่ไหน ปีเตอร์ก็จัดการแย่ ทำให้คนส่วนใหญ่เตรียมเสบียงไปไม่พอ
ในความเป็นจริงแล้วดินแดนแห่งพันธสัญญามันไกลมาก ให้ดูว่าเริ่มออกจากฝรั่งเศส เป้าหมายอยู่ที่เยรูซาเล็มตรงสุดเส้นแดงมุมขวาล่าง ...เดินล้วนๆ...
พวกครูเสดมวลชนเสบียงหมดตั้งแต่ยังเดินทางไปไม่เท่าไร ยิ่งในฤดูใบไม้ผลิ resupply ยาก จะบากหน้ากลับบ้านก็ไม่ได้แล้ว...
ขุนพลของปีเตอร์ชื่อวอลเตอร์ ซานส์ อวัวร์ นำคนล่วงหน้าไปก่อน พวกเขาไปถึงเบลเกรดซึ่งตอนนั้นเป็นเมืองหน้าด่านของไบแซนไทน์
เขาประกาศแก่นายด่านว่า "กองทัพครูเสดมาถึงแล้ว!" นั่นทำให้นายด่านเบลเกรดงุนงงมาก เพราะตามที่นัดกันทัพครูเสดไม่ควรมาถึงก่อนฤดูใบไม้ร่วง
แถมพวกของวอลเตอร์ก็ดูสกปรกๆ กรังๆ ไม่เหมือนทหาร นายด่านเบลเกรดจึงไม่ยอมให้เข้าเมือง
วอลเตอร์เดินทางมาเหนื่อย... เข้าเมืองไม่ได้... หิวก็หิว... เลยนำคนปล้นสะดมเขตชนบทของเบลเกรด แ-่งเลย!
พวกครูเสดอาจคิดว่าตัวเองกำลังทำภารกิจสำคัญของสวรรค์ จะระงับความหิวบ้างคงไม่ผิด แต่ฝ่ายไบแซนไทน์ไม่คิดแบบนั้นจึงส่งทหารมาปราบ ซึ่งก็เอาชนะกลุ่มครูเสดได้โดยง่าย
ฝ่ายไบแซนไทน์ตรวจสอบความจริง รู้ว่าพวกนี้กากๆ และใจร้อน แต่เจตนาดี จะมาช่วยเรา ดังนั้นหลังจากจับพวกครูเสดแก้ผ้าหยามสั่งสอน แล้วยังคงส่งตัวไปช่วยรบที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล (เมืองหลวงของไบแซนไทน์) นั่นเอง
ข้างฝ่ายปีเตอร์ได้นำทัพหลักมาถึงฮังการี กษัตริย์ฮังการีไม่ไว้วางใจพวกเขา แต่ยังคงยอมให้ปีเตอร์ผ่านทาง โดยมีข้อแม้ว่าห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด
ปรากฏระหว่างผ่านทางสมาชิกในขบวนปีเตอร์คนนึงไปทะเลาะกับชาวฮังการีในตลาด มีคนเข้าร่วมวงเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ปีเตอร์ไม่มีปัญญาห้ามปรามได้
ลงท้ายอำนาจโกรธปนหิวทำให้พวกครูเสดแปรสภาพเป็นม๊อบหิวโหย ฉวยโอกาสปล้นฆ่าชาวฮังการี (ซึ่งเป็นคริสต์) ตายไปสี่พันคนเศษ แล้วรีบหนีข้ามพรมแดนเข้าไบแซนไทน์ก่อนที่ทัพฮังการีจะตามมาทัน
ก่อนจะกล่าวถึงปีเตอร์ต่อไป จะเอ่ยถึงชาวเยอรมันอีกกลุ่มหนึ่งที่ฟังคำสอนของปีเตอร์แล้วนำทัพแยกเดินทางไปอีกสาย กลุ่มนี้นำโดยเคาท์เอมิโคแห่งไลนินเจน เขามีนิมิตเพิ่มจากของปีเตอร์ว่าพระเจ้าสั่งให้เขาเดินทางไปดินแดนแห่งพันธสัญญา เพื่อรับตำแหน่งมหากษัตริย์
แต่พอไปได้สักหน่อยก็เริ่มขี้เกียจ มองดูชาวยิวแถวนั้นจึงค่อยคิดว่าพวกนี้มันก็นอกศาสนานี่หว่า ...อย่ากระนั้นเลยฆ่ามันก่อนนี่แหละง่ายดี ไม่ต้องไปถึงตะวันออกกลาง
เอมิโคถืออาญาสิทธิ์สวรรค์นำพวกปล้นฆ่าข่มขืนชุมชนยิวที่อยู่รวมกับฝรั่งยุโรปโดยสันติมานานแล้ว พอปล้นได้เงินมากก็ติดใจ ไล่กวาดล้างยิวไปเรื่อยๆ จนถึงฮังการี
ทหารฮังการีมีประสบการณ์จากคราวปีเตอร์แล้ว จึงไม่ยอมให้เอมิโคเข้าเมือง กลายเป็นตอนนี้เอมิโคบุกตีเมืองของชาวคริสต์ฮังการีต่อ
ที่ฮังการีนั้นเอมิโคถูกโจมตีตอบโต้จนพ่ายแพ้แทบไม่เหลือทหาร ตัวเขาต้องเผ่นหนีกลับเยอรมัน และใช้ชีวิตที่เหลือกับความอับอายจากการถูกหาว่าหนีภารกิจครูเสด
กลับมาที่กลุ่มปีเตอร์ ตอนนี้ปีเตอร์เริ่มไม่มีอำนาจควบคุมฝูงม๊อบอีกแล้ว...
พอข้ามเข้าพรมแดนไบแซนไทน์ พวกม๊อบครูเสดก็ปล้นฆ่าชาวไบแซนไทน์ (ที่ตอนแรกจะมาช่วย) ไปเรื่อยๆ ปีเตอร์ห้ามปรามมิได้
พวกไบแซนไทน์ทนไม่ไหว จึงส่งทหารมาปราบ ...พวกม๊อบครูเสดเก่งกับชาวบ้าน แต่กากกับทหารจริง ในที่สุดจึงพ่ายแพ้ง่ายดาย คนตายไปหนึ่งในสี่ (แปลว่าตอนนี้เหลือ 30,000 คนแล้ว) ส่วนปีเตอร์หนีไปหลบในป่าเขา
(ต่อในคอมเมนต์นะครับ)