ตอนแรกที่ผมดู ONE TAKE ยอมรับว่า ผมเฉยๆกับการเล่าเรื่องของผู้กำกับ วิธีการให้น้องๆมาสัมภาษณ์ ซึ่งก็ไม่ได้แปลกใหม่ไปกว่า GDC เท่าไหร่  

แต่พอมาทบทวน ใช้เวลาซึมซับตัวหนัง  ในฐานะแฟนคลับ ผมกลับชอบวิธีการที่ผู้กำกับใช้มาก โดยเฉพาะ การใส่ฉาก Acting class ต่างๆ  ที่หลายๆคนบอกมีปัญหา ....

        หนังเล่า timeline ตั้งแต่รับรุ่น 2 ไปจนถึงงาน GE  หนังใช้บทสัมภาษณ์ของน้องๆ  ผู้บริหาร แฟนคลับ เป็นตัวเล่าเหตุการณ์ในช่วงเวลาต่างๆ โดยมี conflict แตกต่างไป เช่น ความรู้สึกต่อผู้มาใหม่ของผู้ที่อยู่มาก่อน ความรู้สึกของผู้มาที่หลัง ความกดดันที่ต้องเจอ การเป็นคนอยู่สูง คนอยู่ต่ำ ความกังวลของผู้ชนะ การแย่งชิงอันดับ  การเป็นคนอื่นเพื่อให้ตัวเองเป็นที่นิยม ฯลฯ 

        ที่นี้ถามว่า ผู้กำกับใช้ ฟุตเทจจากคลาสเรียนการแสดงมาเล่าอะไร  ถ้าดูดีๆ ฟุตเทจจากการเรียนการแสดงที่ผู้กำกับเลือกใช้ จะเข้ากับ conflict ต่างๆ ที่เอ่ยมาขั้นตอน  เช่น ฉากของเนย มินมิน พาขวัญ ฉากของแย่งชิงหมอน ฉากเมมก็มีความเจ็บปวด  ฉากที่เมมตะโกนว่าตัวเองมีอะไรที่ไม่ดี ที่ดีบ้าง กลายเป็นตัวประหลาดในสายตาคนอื่น เป็นต้นฯ  นั่นคือผู้กำกับกำลังสร้างภาพของความรู้สึกของน้องเมมฯ ให้เราเห็นได้ชัดๆ  เพราะต้องยอมรับก่อนว่าปกติเจอพวกคำแย่ๆ   ส่วนมากพวกเธอก็เก็บความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โมโห เสียใจ เจ็บปวด เอาไว้เมื่ออยู่หน้าฉาก  และก็คงมีไม่น้อย ที่เอาไประบายออก เมื่ออยู่ที่บ้าน ที่หอ โดยเฉพาะเวลาที่อยู่คนเดียว  ( ธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ชอบให้ใครเห็นความอ่อนแออยู่แล้ว )  แม้กระทั่งเวลาสัมภาษณ์หน้ากล้องในหนัง ความรู้สึกพวกนี้คงออกมาไม่หมดแน่ๆ 

        ตามความเห็นส่วนตัว ผมว่า นั่นคือ ที่มาว่าทำไม ผู้กำกับถึงกับต้องมี  การ set  คลาสเรียนการแสดงที่เรียนกันจริงๆขึ้นมา  ก็เพื่อใช้ คลาสเรียนการแสดง ดึงความรู้สึกพวกนี้ที่เมมเก็บเอาไว้ออกมาให้หมด (อย่างที่ครูว่าไว้ตอนต้น การแสดงคือ การเข้าถึงตัวตนจริงๆ )  มาสร้างเป็นภาพให้เราเห็น

       สุดท้าย ภาพพวกนี้ คำพูดต่างๆที่น้องพูด เช่น ปัญ น้ำใส มายด์ จูเน่  บทละครที่มีในหนัง  มันก็เป็นการสะท้อนกลับไปหาแฟนคลับของวงเต็มๆว่า 

สิ่งที่ต่างๆที่คุณพูดถึง น้องๆนั้น  มันส่งผลต่อกับตัวน้องๆ มากแค่ไหน  .....   นี่เลยเป็นหนังที่ บอกให้คนนอกว่าเกิดอะไรขึ้นในวง ( คนนอกก็จะดูตาม timeline ปกติที่ปรากฎในหนัง ) และบอกคนใน ( แฟนคลับวง ) กับสิ่งที่น้องๆรู้สึกอยู่ข้างใน ไม่ว่าจะเกิดจากคำพูดหรือการกระทำของเรา ด้วยเช่นกัน  

ปล. ลองดู ลองอ่านบันทึกที่เมมฯ เขียน ที่ปรากฎในหนัง เกี่ยวกับงาน GE ซึ่งมันก็ดีมากๆ เช่นกัน