สามารถ ฟังคลิปเสียงได้ตาม ลิ๊งค์
https://www.youtube.com/watch?v=ZCOYVvtDh7s
สวัสดีครับมีเรื่องไร เล่าวันนี้มาในตอนที่มีชื่อว่า เหตุสยองที่ป้ายรถเมล
กรุงเทพมหานคร ในยามค่ำคืนแทบจะไม่เคยหลับใหล มีแสงไฟสาดส่องยามราตรี มันช่างดูมีชีวิตชีวา แต่ทว่า
ในมหานครแห่งนี้ก็ยังมี.........งมุมมืดมิดต่างๆ หลบซ่อนตัวอยู่อีกมากมาย อย่างเช่นที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้
ใครจะไปคิดละว่า ป้ายรถเมล์ที่อยู่ หน้าตึกสูงกว่าสามสิบชั้นใจกลางเมืองแบบนี้จะเคยเกิดเหตุการณ์สุดสยองขึ้นมาแล้ว
.............................................
บนเก้าอี้นั่งรอมีชายแก่ๆ คนหนึ่ง นั่งรอรถมารับเพื่อกลับบ้านอยู่คนเดียว ในคืนนั้นมันเป็นเวลาประมาณ
เวลาเที่ยงคืน ห้าสิบห้านาที มันก็ค่อยมีรถวิ่งผ่านไปมากเท่าไหร่ บนถนนและป้ายรถเมล์แห่งนี้
บรรยากาศมันทั้งเงียบเปลี่ยวและวังเวงเอามากๆ
แต่แล้วในมุมมืดก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา หยุดอยู่ตรงที่ป้ายรถเมล์แล้วเขาก็นั่งลงที่ปลายเก้าอี้ตรงกันข้ามกับชายแก่
“อ่าวพ่อหนุ่ม มารอรถเมล์จะกลับบ้านหรอ ดึกป่านนี้แล้วรถน่าจะหมดแล้วมั้ง”
ชายแก่เริ่มประโยคสนทนากับเพื่อนยามราตรีที่มานั่งรอรถเมล์ ด้วยกันกับเขา
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรมากนักเขาได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งๆ แล้วตอบไปด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งในลำคอไปว่า
“เดี๋ยวผมอาจจะต่อแท็กซี่ไปเอาน่ะลุง”
ชายแก่เริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆ เพื่อที่จะพูดคุยกับชายหนุ่มและอยากที่จะได้ยินเสียงให้ดังชัดเจนยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มได้แต่นั่งก้มหน้า ก้มหน้านิ่งๆ
“พ่อหนุ่มทำงานอยู่ที่ตึกนี้หรอ?”
“อืม...”
ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยเสียงในลำคอ
“เลิกทำงานมา ในตอนดึกๆ แบบนี้ ไม่กลัว ผี บ้างหรอ? ตึกที่พ่อหนุ่มทำงาน อยู่นะ บนดาดฟ้า เห็นเขาว่ามีคนพลัดตกลงไปใน
แท็งก์น้ำแล้วปีนขึ้นมาไม่ได้ ในนั้นมันคงจะร้อนน่าดู ก็เลยขาดอากาศ นอนแห้งตายอย่างทรมานกลายไปเป็นผีเฝ้าแท็งค์น้ำ
เฮี้ยนน่าดูเลย นะ ใครทำงานอยู่ที่ตึกนี่ ไม่เกินสองทุ่มก็ต้องรีบเผ่นกลับบ้านกันหมดละ ได้ยินมาว่าพวก
รปภ งี้เจอหลอกเปลี่ยนกันเข้าออกไปตั้งหลายชุดแล้ว”
ชายหนุ่มได้แต่รับฟังแล้วนั่งก้มหน้านิ่ง เงียบ ไม่ได้พูดอะไร.............................
“แล้วพ่อหนุ่มทำงานอะไรละถึงได้เลิกงานเสียดึก คงทำงานหนักมากเลยสินะ ดูสิ ทั้งตัวถึงได้มีแต่เหงื่อเปียกชุ่มไปหมดทั้งตัวเลย”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองเหม่อ ออกไปที่ถนนอันว่างเปล่าแล้วตอบลุงไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไปว่า
“งานในออฟฟิศมันค้างเยอะนะลุง ผี.....น่ะฉันไม่กลัวหรอก กลัวอดตายเสียมากกว่า..................ถ้าฆ่าตัวตายไปเลยได้ก็น่าจะดี
เหมือนกันนะ จะได้พ้นทุกข์ หมดเวรหมดกรรมไปเสียที”
“เฮ้ยยย ฆ่าตัวตายมันไม่ดีหรอกนะไอ้หนุ่มมัน มันบาป หนักมากกเลยนะ ถ้าตายไปแล้วดวงวิญญาณเอ็งมันจะไม่ไปไหน
ต้องวนเวียนฆ่าตัวตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เก่าเวลาเดิมๆ จนกว่าจะสิ้นอายุขัยที่แท้จริง มันจะยิ่งสร้างกรรมหนักขึ้นไปอีกนะ”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นเขาหันหน้ากลับไป แล้วถามชายแก่ไปว่า
“แล้วลุงมานั่งรอรถอะไรคนเดียวดึกๆ แบบนี้ไม่กลัว ผี บ้างหรอ”
ชายแก่ได้ขยับเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะปลอบประโลมชายหนุ่ม แต่แก่ ก็ได้เห็นว่าที่ตัวของชายนุ่มนั้นมีแต่เหงื่อแตกท่วมออกมาเปียกไป
ทั้งตัว ทำให้แก่ก็นึกขึ้นไปได้ว่า ไอ้คนที่ตายในแท็งค์น้ำนั้น มันอาจจะจงใจฆ่าตัวตาย ไม่ได้พลัดตกลงไปในนั้นก็ได้
ชายแก่ก็รับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติอะไรบางอย่าง ขนแก่ลุกซู่ไปทั้งตัว
แต่แล้ว ก็มีแสงไฟเคลื่อนตัวส่องมาแต่ไกลทำให้รู้ได้ว่ากำลังจะมีรถวิ่งผ่านมาพอดี
“เอ่อๆ เอ่อนั้นสงสัย รถคันนั้นจะมารับลุงแล้วละ งั้น เดี๋ยวลุงขอตัว ไปก่อนนะ”
ชายแก่พูดตัดบทสนธนา แล้วได้เดินออกไปยืนรอรถที่ริมฟุตบาท
แล้วชายแก่ก็หันหลังกลับมามองชายหนุ่มที่ป้ายรถเมล์อีกครั้ง
จู่ๆ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!!!!!!!!!
ชายแก่ทรุดล้มตัวลงไปกับพื้นถนน รถเก็บขยะที่กำวิ่งมาด้วยความเร็วก็ทับร่างแก่ ล้อข้างหนึ่งเหยียบเข้าศีรษะ
ส่วนล้อหลังเหยียบทับ ซ้ำเข้าไปที่กลางลำตัว ทำให้ลำตัวแกขาดออกเป็นสองท่อน เลือดไหลสาดกระเซ็นไปทั่วท้องถนน
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“เฮ้ย!!!!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!! มีคนถูกรถทับ”
ชายหนุ่มได้ร้องตะโกนแหกปากเรียกให้คนมาช่วย อย่างไร้สติ
ภาพที่เขากำลังได้เห็นอยู่ตรงหน้า เป็นศพ ของชายแก่โดนรถทับตายอย่างน่าสยดสยอง จน รปภ.
ที่อยู่แถวบริเวณหน้าตึกได้ยินเสียง จึงรีบเข้ามาดูและได้ช่วยประคอง เรียกสติของชายหนุ่มให้กลับมา
เมื่อเขาตั้งสติกลับมาได้ แล้วมองกลับไปยังที่บนถนน เขาก็ได้เห็นแต่ความว่างเปล่าไม่มีร่างของชายแก่แต่อย่างใด
ชายหนุ่มได้แต่งุนงงและสงสัย และอยากจะหาคำตอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
รปภ ที่เข้ามาช่วยก็ได้มาบอกความจริงให้รู้ว่า
“ลุงเขากระโดดให้รถทับตาย เพื่อหวังเอาเงินประกันส่งไปให้ลูก แกก็เคยทำงานเป็น รปภ อยู่ที่ตึกของเรานี้แหละ
หลายต่อหลายคนแล้วที่เจอแกมาหลอกในเวลาแบบนี้
จนไม่มีใครกล้ามานั่งรอรถที่ป้ายรถเมล์นี้หรอก”
""""""""""""""""""""' หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
ลิฟต์เสียใช้งานไม่ได้อีกละ หญิงสาวคนหนึ่ง รู้สึกหงุดหงิด เล็กน้อย เธอกำลังรีบที่จะกลับบ้าน แต่ลิฟต์ในออฟฟิศก็ดันมาเสีย
ใช้งานไม่ได้ เธอจึงต้องเดินลงมาทางบันไดหนีไฟกว่าสามสิบชั้น เพื่อมาประตูทางออกที่ชั้นหนึ่ง เดินลงบันไดมามากขนาดนั้น
ตัวเธอจึงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอเดินออกจากตัวตึกได้ ก็ตรงไปที่ป้ายรถเมล เพื่อที่จะหาเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน
เมื่อเธอเดินไปถึงป้ายรถเมล์แล้ว ก็หยุดและนั่งก้มหน้ามองไปที่นาฬิกาข้อมือ ตอนนี้มันเป็นเวลา
...............เที่ยงคืน ห้าสิบห้า พอดี.............................
“อ่าวแม่หนู มารอรถเมล์จะกลับบ้านหรอ ดึกป่านนี้แล้วรถน่าจะหมดไปแล้วมั้ง”
เรื่องสั้นชวนสยอง เหตุสยองที่ป้ายรถเมล
สามารถ ฟังคลิปเสียงได้ตาม ลิ๊งค์
https://www.youtube.com/watch?v=ZCOYVvtDh7s
สวัสดีครับมีเรื่องไร เล่าวันนี้มาในตอนที่มีชื่อว่า เหตุสยองที่ป้ายรถเมล
กรุงเทพมหานคร ในยามค่ำคืนแทบจะไม่เคยหลับใหล มีแสงไฟสาดส่องยามราตรี มันช่างดูมีชีวิตชีวา แต่ทว่า
ในมหานครแห่งนี้ก็ยังมี.........งมุมมืดมิดต่างๆ หลบซ่อนตัวอยู่อีกมากมาย อย่างเช่นที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้
ใครจะไปคิดละว่า ป้ายรถเมล์ที่อยู่ หน้าตึกสูงกว่าสามสิบชั้นใจกลางเมืองแบบนี้จะเคยเกิดเหตุการณ์สุดสยองขึ้นมาแล้ว
.............................................
บนเก้าอี้นั่งรอมีชายแก่ๆ คนหนึ่ง นั่งรอรถมารับเพื่อกลับบ้านอยู่คนเดียว ในคืนนั้นมันเป็นเวลาประมาณ
เวลาเที่ยงคืน ห้าสิบห้านาที มันก็ค่อยมีรถวิ่งผ่านไปมากเท่าไหร่ บนถนนและป้ายรถเมล์แห่งนี้
บรรยากาศมันทั้งเงียบเปลี่ยวและวังเวงเอามากๆ
แต่แล้วในมุมมืดก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา หยุดอยู่ตรงที่ป้ายรถเมล์แล้วเขาก็นั่งลงที่ปลายเก้าอี้ตรงกันข้ามกับชายแก่
“อ่าวพ่อหนุ่ม มารอรถเมล์จะกลับบ้านหรอ ดึกป่านนี้แล้วรถน่าจะหมดแล้วมั้ง”
ชายแก่เริ่มประโยคสนทนากับเพื่อนยามราตรีที่มานั่งรอรถเมล์ ด้วยกันกับเขา
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรมากนักเขาได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งๆ แล้วตอบไปด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งในลำคอไปว่า
“เดี๋ยวผมอาจจะต่อแท็กซี่ไปเอาน่ะลุง”
ชายแก่เริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆ เพื่อที่จะพูดคุยกับชายหนุ่มและอยากที่จะได้ยินเสียงให้ดังชัดเจนยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มได้แต่นั่งก้มหน้า ก้มหน้านิ่งๆ
“พ่อหนุ่มทำงานอยู่ที่ตึกนี้หรอ?”
“อืม...”
ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยเสียงในลำคอ
“เลิกทำงานมา ในตอนดึกๆ แบบนี้ ไม่กลัว ผี บ้างหรอ? ตึกที่พ่อหนุ่มทำงาน อยู่นะ บนดาดฟ้า เห็นเขาว่ามีคนพลัดตกลงไปใน
แท็งก์น้ำแล้วปีนขึ้นมาไม่ได้ ในนั้นมันคงจะร้อนน่าดู ก็เลยขาดอากาศ นอนแห้งตายอย่างทรมานกลายไปเป็นผีเฝ้าแท็งค์น้ำ
เฮี้ยนน่าดูเลย นะ ใครทำงานอยู่ที่ตึกนี่ ไม่เกินสองทุ่มก็ต้องรีบเผ่นกลับบ้านกันหมดละ ได้ยินมาว่าพวก
รปภ งี้เจอหลอกเปลี่ยนกันเข้าออกไปตั้งหลายชุดแล้ว”
ชายหนุ่มได้แต่รับฟังแล้วนั่งก้มหน้านิ่ง เงียบ ไม่ได้พูดอะไร.............................
“แล้วพ่อหนุ่มทำงานอะไรละถึงได้เลิกงานเสียดึก คงทำงานหนักมากเลยสินะ ดูสิ ทั้งตัวถึงได้มีแต่เหงื่อเปียกชุ่มไปหมดทั้งตัวเลย”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองเหม่อ ออกไปที่ถนนอันว่างเปล่าแล้วตอบลุงไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไปว่า
“งานในออฟฟิศมันค้างเยอะนะลุง ผี.....น่ะฉันไม่กลัวหรอก กลัวอดตายเสียมากกว่า..................ถ้าฆ่าตัวตายไปเลยได้ก็น่าจะดี
เหมือนกันนะ จะได้พ้นทุกข์ หมดเวรหมดกรรมไปเสียที”
“เฮ้ยยย ฆ่าตัวตายมันไม่ดีหรอกนะไอ้หนุ่มมัน มันบาป หนักมากกเลยนะ ถ้าตายไปแล้วดวงวิญญาณเอ็งมันจะไม่ไปไหน
ต้องวนเวียนฆ่าตัวตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เก่าเวลาเดิมๆ จนกว่าจะสิ้นอายุขัยที่แท้จริง มันจะยิ่งสร้างกรรมหนักขึ้นไปอีกนะ”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นเขาหันหน้ากลับไป แล้วถามชายแก่ไปว่า
“แล้วลุงมานั่งรอรถอะไรคนเดียวดึกๆ แบบนี้ไม่กลัว ผี บ้างหรอ”
ชายแก่ได้ขยับเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะปลอบประโลมชายหนุ่ม แต่แก่ ก็ได้เห็นว่าที่ตัวของชายนุ่มนั้นมีแต่เหงื่อแตกท่วมออกมาเปียกไป
ทั้งตัว ทำให้แก่ก็นึกขึ้นไปได้ว่า ไอ้คนที่ตายในแท็งค์น้ำนั้น มันอาจจะจงใจฆ่าตัวตาย ไม่ได้พลัดตกลงไปในนั้นก็ได้
ชายแก่ก็รับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติอะไรบางอย่าง ขนแก่ลุกซู่ไปทั้งตัว
แต่แล้ว ก็มีแสงไฟเคลื่อนตัวส่องมาแต่ไกลทำให้รู้ได้ว่ากำลังจะมีรถวิ่งผ่านมาพอดี
“เอ่อๆ เอ่อนั้นสงสัย รถคันนั้นจะมารับลุงแล้วละ งั้น เดี๋ยวลุงขอตัว ไปก่อนนะ”
ชายแก่พูดตัดบทสนธนา แล้วได้เดินออกไปยืนรอรถที่ริมฟุตบาท
แล้วชายแก่ก็หันหลังกลับมามองชายหนุ่มที่ป้ายรถเมล์อีกครั้ง
จู่ๆ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!!!!!!!!!
ชายแก่ทรุดล้มตัวลงไปกับพื้นถนน รถเก็บขยะที่กำวิ่งมาด้วยความเร็วก็ทับร่างแก่ ล้อข้างหนึ่งเหยียบเข้าศีรษะ
ส่วนล้อหลังเหยียบทับ ซ้ำเข้าไปที่กลางลำตัว ทำให้ลำตัวแกขาดออกเป็นสองท่อน เลือดไหลสาดกระเซ็นไปทั่วท้องถนน
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“เฮ้ย!!!!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!! มีคนถูกรถทับ”
ชายหนุ่มได้ร้องตะโกนแหกปากเรียกให้คนมาช่วย อย่างไร้สติ
ภาพที่เขากำลังได้เห็นอยู่ตรงหน้า เป็นศพ ของชายแก่โดนรถทับตายอย่างน่าสยดสยอง จน รปภ.
ที่อยู่แถวบริเวณหน้าตึกได้ยินเสียง จึงรีบเข้ามาดูและได้ช่วยประคอง เรียกสติของชายหนุ่มให้กลับมา
เมื่อเขาตั้งสติกลับมาได้ แล้วมองกลับไปยังที่บนถนน เขาก็ได้เห็นแต่ความว่างเปล่าไม่มีร่างของชายแก่แต่อย่างใด
ชายหนุ่มได้แต่งุนงงและสงสัย และอยากจะหาคำตอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
รปภ ที่เข้ามาช่วยก็ได้มาบอกความจริงให้รู้ว่า
“ลุงเขากระโดดให้รถทับตาย เพื่อหวังเอาเงินประกันส่งไปให้ลูก แกก็เคยทำงานเป็น รปภ อยู่ที่ตึกของเรานี้แหละ
หลายต่อหลายคนแล้วที่เจอแกมาหลอกในเวลาแบบนี้
จนไม่มีใครกล้ามานั่งรอรถที่ป้ายรถเมล์นี้หรอก”
""""""""""""""""""""' หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
ลิฟต์เสียใช้งานไม่ได้อีกละ หญิงสาวคนหนึ่ง รู้สึกหงุดหงิด เล็กน้อย เธอกำลังรีบที่จะกลับบ้าน แต่ลิฟต์ในออฟฟิศก็ดันมาเสีย
ใช้งานไม่ได้ เธอจึงต้องเดินลงมาทางบันไดหนีไฟกว่าสามสิบชั้น เพื่อมาประตูทางออกที่ชั้นหนึ่ง เดินลงบันไดมามากขนาดนั้น
ตัวเธอจึงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอเดินออกจากตัวตึกได้ ก็ตรงไปที่ป้ายรถเมล เพื่อที่จะหาเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน
เมื่อเธอเดินไปถึงป้ายรถเมล์แล้ว ก็หยุดและนั่งก้มหน้ามองไปที่นาฬิกาข้อมือ ตอนนี้มันเป็นเวลา
...............เที่ยงคืน ห้าสิบห้า พอดี.............................
“อ่าวแม่หนู มารอรถเมล์จะกลับบ้านหรอ ดึกป่านนี้แล้วรถน่าจะหมดไปแล้วมั้ง”